คุณมีสิทธิฟ้องหย่าอ้างเหตุทิ้งร้างไปเกิน 1 ปี และเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูย้อนหลังได้นะครับ ติดต่อทนายความดำเนินการให้นะครับ
เรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรย้อนหลัง
เกี่ยวกับการเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรย้อนหลังคือ การหย่าโดยความยินยอม กฎหมายให้บิดามารดาตกลงกันว่าฝ่ายใดจะออกเงินค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรเท่าใด หากไม่ได้ตกลงเรื่องค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรศาลก็มีอำนาจกำหนดค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรได้ เมื่อฟังว่าหลังจดทะเบียนหย่า จำเลยไม่เคยให้ค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์เลย โจทก์จึงมีสิทธิเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรย้อนหลังได้
ภาระหน้าที่สำคัญของบิดามารดาที่มีต่อบุตรผู้เยาว์ได้แก่หน้าที่อุปการะเลี้ยงดูและหน้าที่นี้มิได้หมดไปเมื่อจดทะเบียนหย่ากันแล้ว การที่สามีภริยาบันทึกที่ท้ายทะเบียนหย่าว่าให้บุตรผู้เยาว์อยู่ภายใต้อำนาจปกครองของมารดาแต่เพียงผู้เดียวนั้นมิได้หมายความว่ามารดาแต่เพียงผู้เดียวเป็นผู้ที่ออกค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรแต่เพียงผู้เดียว ดังนั้น มารดามีสิทธิเรียกให้บิดารับผิดจ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูย้อนหลังนับแต่วันจดทะเบียนหย่าถึงวันฟ้องได้
เรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์
หัวข้อ - หน้าที่ร่วมกันอุปการะเลี้ยงดูบุตร, สิทธิที่ฝ่ายหนึ่งได้ออกค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรฝ่ายเดียว, อายุความเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรคือ 5 ปีนับแต่ได้ชำระค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรแทนอีกฝ่ายหนึ่งไป, ค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรสมควรจะเป็นจำนวนเงินเท่าใด, คดีนี้โจทก์ฟ้องเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตร 2,358,010 บาท, ศาลชั้นพิพากษาให้จ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตร 356,666 บาท ศาลอุทธรณ์ให้จ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตร 178,333 บาท, ศาลฎีกา ให้จ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตร จำนวน 76,602 บาท,
บิดามารดามีหน้าที่ร่วมกันอุปการะเลี้ยงดูและให้การศึกษาแก่บุตรผู้เยาว์เสมือนเป็นลูกหนี้ร่วมกัน หลังจากหย่าขาดจากกันแล้ว กรณีที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้ออกค่าอุปการะเลี้ยงดูฝ่ายเดียว ย่อมมีสิทธิที่จะเรียกเงินนั้นจากอีกฝ่ายหนึ่งได้แม้บุตรจะบรรลุนิติภาวะแล้วก็ตาม แต่การเรียกร้องเงินดังกล่าวนี้มีอายุความ 5 ปีนับแต่วันที่บิดามารดาหรือบิดามารดาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้ชำระค่าอุปการะเลี้ยงดูไปแล้ว
|