ReadyPlanet.com


ไม่ต้องการหย่า


เรียนปรึกษาทนายลีนนท์คะ ดิฉันแต่งงานกับสามีมา 7 ปี รับราชการทั้ง 2 คน สามีเป็นตำรวจชั้นสัญญาบัตรและไปทำงานต่างอำเภอทำให้ต้องพักที่โรงพัก ส่วนดิฉันอยู่บ้าน 4 - 5 วัน สามีถึงกลับบ้านตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันดิฉันไม่ค่อยจะได้ไปดูแลสามีที่บ้านพัก เพราะสามีให้เหตุผลว่าทำงานเหนื่อยแล้ว อยู่ดูแลแม่กับบ้านเถอะ (ไม่มีลูกด้วยกันค่ะ) ขอให้เชื่อใจกันและก็ไม่เคยระแคะระคายอะไรเลย เพราะเราเชื่อใจกันและกัน พอวันที่ 10 ก.ค.53 เขาก็ออกจากบ้านไปทำงานตามปกติพอถึงเวลากลับก็ไม่กลับบอกว่าขอเวลาเคลียร์งานจนล่วงเลยมา2 เดือน ก็ยังไม่กลับแต่โทรศัพท์คุยกันทุกวัน ๆ ละ 4 - 5 ครั้งแล้วแต่โอกาส  จนกระทั่งวันที่ 3 ก.ย.53 ดิฉันโทรศัพท์ไปหาเขาแต่เขาไม่รับสาย ทำให้รู้สึกเป็นห่วง (โทรหลายสิบสาย) ซึ่งเขาไม่เคยไม่รับโทรศัพท์ หรือถ้าไม่รับก็จะโทรกลับทันที ดิฉันก็เลยขับรถไปที่โรงพัก (ตอนนั้นเป็นเวลา 20.45 น.)พบว่ารถของสามีจอดอยู่แต่ประตูบ้านปิดล๊อคกุญแจด้านนอก ดิฉันก็โทรไปหา เขารับโทรศัพท์แล้วก็บอกว่าอยู่ที่บ้านโรงพัก ทำให้รู้ว่าเขาโกหก จึงบอกว่าดิฉันอยู่ที่หน้าบ้าน เขาจึงบอกว่าเขาไปบ่อนกับหญิงอื่น (ซึ่งทราบทีหลังว่าเป็นแฟนเก่า) และได้คบหากับผู้หญิงคนนี้หลังจากแต่งงานกันดิฉัน 2 ปี (ก่อนหน้านั้นเขาได้เลิกกัน ไม่ได้จดทะเบียน แต่กับดิฉันได้จดทะเบียนสมรส จัดพิธีแต่งงาน)  หลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้โทรหา ไม่กลับบ้านอีกเลย เวลาดิฉันโทรไปเขาก็รับสายและพูดเหมือนไม่มีอะไรเกิดขี้น บางครั้งก็ตัดบทว่ากำลังยุ่ง กำลังขับรถ ซึ่งดิฉันคิดเองว่าเขาอาจอยู่กับหญิงคนนั้นทำให้ไม่สะดวกในการคุย แล้วเขาก็บอกว่าสิทธิอันพึงมีพึงได้จากทางราชการหากเขาเป็นอะไรไปดิฉันก็ยังคงได้รับเหมือนเดิม ส่วนเงินเดือนเขาก็ให้บัตร ATM ไว้ตั้งแต่ตอนแต่งงานแล้ว  จึงอยากจะเรียนถามว่า ถ้าดิฉันอยู่เฉย ๆ ไม่ไปร้องเรียนกับผู้บังคับบัญชาของเขา จะเป็นเหตุแห่งการแยกกันอยู่หรือไม่อย่างไร เพราะเขาก็ยกย่องและอุปการะหญิงอื่น ตอนนี้สับสนไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรและไม่ต้องการเสียสามี อีกอย่างคือสามีก็ไม่ขอหย่าคงรู้ว่าได้ทำผิดต่อดิฉันอาจจะเป็นการแยกกันอยู่โดยไม่หย่า จะมีผลอะไรไหมถ้าแยกกันเกินสามปี ขอบคุณมากค่ะ



ผู้ตั้งกระทู้ น้อง เชียงใหม่ :: วันที่ลงประกาศ 2010-10-08 18:06:01


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (3254542)

1. ถ้าดิฉันอยู่เฉย ๆ ไม่ไปร้องเรียนกับผู้บังคับบัญชาของเขา จะเป็นเหตุแห่งการแยกกันอยู่หรือไม่อย่างไร

ตอบ-- ไม่เป็นผลให้การแยกกันอยู่ดังกล่าวเป็นการสมัครใจแยกกันอยู่ อันเป็นเหตุที่จะให้สามีอ้างเป็นเหตุฟ้องหย่าได้ เพราะการแยกกันอยู่ดังกล่าวเกิดขึ้นจากหน้าที่การงานทั้งสองฝ่ายและต่างก็ยอมรับสภาพนี้มานานแล้ว

2. เพราะเขาก็ยกย่องและอุปการะหญิงอื่น

ตอบ-- เราไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะทราบว่าเขาอุปการะหญิงอื่น หรือถ้าทราบว่าสามีอุปการะหญิงอื่นก็ตามก็ไม่เป็นเหตุให้สามีอ้างเป็นเหตุฟ้องหย่าได้ แต่อาจเสียสิทธิฟ้องเรียกค่าทดแทนจากหญิงอื่นและสามีเท่านั้น แต่ในกรณีที่สามีอุปการะหรือยกย่องหญิงฉันภริยา ถ้ายังไม่เลิกประพฤติดังกล่าวอยู่ตราบใด ย่อมละเมิดภริยาอยู่ตราบนั้น สิทธิในการฟ้องเรียกค่าทดแทนยังคงมีอยู่ตลอดไปและมีสิทธิฟ้องได้ภายใน 1 ปี นับแต่วันที่ทั้งสองคน (สามี + หญิงอื่น) เลิกกัน

3. ตอนนี้สับสนไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรและไม่ต้องการเสียสามี

ตอบ--ให้โอกาสเขาสักพัก ถ้าเขาเห็นความดีของเรา อย่างไรเสียก็ต้องกลับมาครับ ดูท่าทีเขาสักพักหนึ่งก่อนครับ ทำทุกอย่างให้ปกติ เช่นในเรื่องเงินทองที่เขาให้ใช้ก็ทำให้เป็นปกติ โดยอย่าใช้บัตร เอทีเอ็ม เบิกเงินสดของเขาไปในทำนองเห็นแก่เงิน เห็นแก่ได้ ถ้าทำได้เขาอาจมองเห็นความจริงใจและความดีของเราในไม่ช้า อดทนหน่อยนะครับ

4. จะมีผลอะไรไหมถ้าแยกกันเกินสามปี

ตอบ-- การอ้างเหตุฟ้องหย่า เพราะเหตุแยกกันอยู่เกิน 3  ปีนั้น ต้องสมัครใจแยกกันอยู่ครับ ข้อเท็จจริงตามที่เล่ามานั้น ไม่ถือว่าเป็นการสมัครใจแยกกันอยู่ ศาลฎีกา ตัดสินคดีทำนองนี้ไว้มากครับ ไม่ต้องกังวลครับ

 

 

 

ยินดีให้คำปรึกษากฎหมาย

ผู้แสดงความคิดเห็น ทนายความ ลีนนท์ วันที่ตอบ 2010-10-09 11:17:13



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล