ReadyPlanet.com
dot
ประมวลกฎหมาย
dot
bulletป.แพ่งและพาณิชย์
bulletพระราชบัญญัติ
bulletความรู้กฎหมาย
bulletสำนัก,ทนาย,ทนายความ
bulletแบบฟอร์มสัญญา
bulletปรึกษากฎหมาย
bulletวิชาชีพทนายความ
bulletข้อบังคับสภาทนายความ
bulletคำพิพากษาฎีกา
bulletเช่าซื้อขายฝากซื้อขาย
bulletเกี่ยวกับคดีอาญา
bulletเกี่ยวกับ วิ.แพ่ง
bulletคดีเกี่ยวกับวิ.อาญา
bulletคำพิพากษารวม
bulletครอบครองปรปักษ์
bulletการสิ้นสุดการสมรส
bulletการใช้กฎหมายอาญา
bulletคดียาเสพติดให้โทษ
dot
Newsletter

dot




ชายชู้ฟ้องกลับสามีหลวงเรียกค่าเสียหายสามแสนบาท

ชายชู้ฟ้องกลับสามีหลวงเรียกค่าเสียหายห้าแสนบาท

สามีฟ้องชายชู้ว่าเป็นชู้กับภริยาของตน ส่วนชายชู้ฟ้องกลับสามีอ้างว่า เอาความเท็จมาฟ้องโดยไม่สุจริต และร้องเรียนผู้บังคับบัญชาของชายชู้ จนถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย อาจทำให้ถูกออกจากงานและเสื่อมเสียชื่อเสียง ขอให้สามีชดใช้ค่าเสียหายนั้น เป็นคดีอันเกิดแต่มูลละเมิดซึ่งไม่ได้อาศัยเหตุแห่งการหย่าและเรียกค่าทดแทนตามฟ้องเดิมเป็นมูลหนี้ เป็นคนละเรื่องคนละประเด็นแตกต่างกันกับคำฟ้องเดิม ฟ้องแย้งของชายชู้ จึงไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิม ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
 
คำพิพากษาศาลฎีกาที่  2504/2554

 ตามคำฟ้องของโจทก์เป็นเรื่องที่โจทก์ฟ้องหย่าจำเลยที่ 1 โดยอ้างว่า จำเลยที่ 1 เป็นชู้กับจำเลยที่ 2 พร้อมเรียกค่าทดแทนจากจำเลยที่ 2 ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1523 อันเป็นเรื่องเกี่ยวกับการสิ้นสุดแห่งการสมรส ส่วนฟ้องแย้งของจำเลยที่ 2 ที่อ้างว่า โจทก์เอาความเท็จมาฟ้องร้องดำเนินคดีแก่จำเลยที่ 2 โดยไม่สุจริต การที่โจทก์ไปร้องเรียนต่อผู้บังคับบัญชาของจำเลยที่ 2 ทำให้จำเลยที่ 2 ถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย หากคณะกรรมการหลงเชื่อจะทำให้จำเลยที่ 2 ถูกออกจากงานและเสื่อมเสียชื่อเสียง ขอให้โจทก์ชดใช้ค่าเสียหายนั้น เป็นคดีอันเกิดแต่มูลละเมิดซึ่งไม่ได้อาศัยเหตุแห่งการหย่าและเรียกค่าทดแทนตามฟ้องเดิมเป็นมูลหนี้ เป็นคนละเรื่องคนละประเด็นแตกต่างกันกับคำฟ้องเดิม ฟ้องแย้งของจำเลยที่ 2 จึงไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิม ไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 177 วรรคสาม ประกอบ พ.ร.บ.ศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.2553 มาตรา 6
 
ป.วิ.พ. มาตรา 177
มาตรา 177  เมื่อได้ส่งหมายเรียกและคำฟ้องให้จำเลยแล้ว ให้จำเลยทำคำให้การเป็นหนังสือยื่นต่อศาลภายในสิบห้าวัน
ให้จำเลยแสดงโดยชัดแจ้งในคำให้การว่า จำเลยยอมรับหรือปฏิเสธข้ออ้างของโจทก์ทั้งสิ้นหรือแต่บางส่วน รวมทั้งเหตุแห่งการนั้น
จำเลยจะฟ้องแย้งมาในคำให้การก็ได้ แต่ถ้าฟ้องแย้งนั้นเป็นเรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิมแล้ว ให้ศาลสั่งให้จำเลยฟ้องเป็นคดีต่างหาก
ให้ศาลตรวจดูคำให้การนั้นแล้วสั่งให้รับไว้ หรือให้คืนไปหรือสั่งไม่รับตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 18
บทบัญญัติแห่งมาตรานี้ ให้ใช้บังคับแก่บุคคลภายนอกที่ถูกเรียกเข้ามาเป็นผู้ร้องสอดตามมาตรา 57 (3) โดยอนุโลม

พ.ร.บ.ศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.2553 มาตรา 6
มาตรา 6  ให้นำบทบัญญัติแห่งพระธรรมนูญศาลยุติธรรม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง และกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง มาใช้บังคับแก่คดีเยาวชนและครอบครัวเท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้
 
          คดีสืบเนื่องจาก โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้อง จำเลยที่ 1 เป็นภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของโจทก์ มีบุตรด้วยกัน 1 คน อายุ 16 ปี จำเลยที่ 1 มีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับจำเลยที่ 2 อันถือเป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภริยากันอย่างร้ายแรง ขอให้พิพากษาให้โจทก์และจำเลยที่ 1 หย่าขาดจากกัน ให้โจทก์เป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์แต่เพียงผู้เดียว โดยให้จำเลยที่ 1 ชำระค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรเดือนละ 4,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าบุตรจะมีอายุครบ 22 ปี หรือสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี และให้จำเลยที่ 2 รับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์เป็นเงิน 300,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยที่ 2 จะชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์จนครบถ้วน

            จำเลยที่ 1 ให้การและแก้ไขคำให้การขอให้ยกฟ้อง
            จำเลยที่ 2 ให้การและฟ้องแย้งขอให้ยกฟ้อง และบังคับให้โจทก์ชดใช้ค่าเสียหายอันเกิดจากการละเมิด เป็นเงิน 500,000 บาท แก่จำเลยที่ 2

          ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับคำให้การของจำเลยที่ 2 แต่ไม่รับฟ้องแย้ง
          จำเลยที่ 2 อุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับฟ้องแย้ง

            ศาลอุทธรณ์ภาค 1 แผนกคดีเยาวชนและครอบครัวพิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียม และค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ในส่วนฟ้องแย้งให้เป็นพับ
            จำเลยที่ 2 ฎีกา

        ศาลฎีกาแผนกคดีเยาวชนและครอบครัววินิจฉัยว่า มีปัญหาวินิจฉัยในชั้นฎีกา ฟ้องแย้งของจำเลยที่ 2 เป็นเรื่องเกี่ยวกับฟ้องเดิมของโจทก์หรือไม่ เห็นว่า คดีตามคำฟ้องของโจทก์เป็นเรื่องที่โจทก์ฟ้องหย่าจำเลยที่ 1 โดยอ้างว่า จำเลยที่ 1 เป็นชู้กับจำเลยที่ 2 พร้อมเรียกค่าทดแทนจากจำเลยที่ 2 โดยอาศัยอำนาจตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1523 ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับการสิ้นสุดแห่งการสมรส ส่วนฟ้องแย้งของจำเลยที่ 2 ว่า โจทก์เอาความเท็จมาฟ้องร้องดำเนินคดีแก่จำเลยที่ 2 โดยไม่สุจริต และการที่โจทก์ไปร้องเรียนต่อผู้บังคับบัญชาของจำเลยที่ 2 ทำให้จำเลยที่ 2 ถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย และหากคณะกรรมการหลงเชื่อจะทำให้จำเลยที่ 2 ถูกออกจากงานและเสื่อมเสียชื่อเสียง จึงให้โจทก์ชดใช้ค่าเสียหายนั้น เป็นคดีอันเกิดแต่มูลละเมิดซึ่งไม่ได้อาศัยเหตุแห่งการหย่าและการเรียกค่าทดแทนตามฟ้องเดิมเป็นมูลหนี้ แต่เป็นการกล่าวอ้างการกระทำอีกตอนหนึ่งของโจทก์อันเป็นคนละเรื่องคนละประเด็นแตกต่างกันกับคำฟ้องเดิม ฟ้องแย้งของจำเลยที่ 2 จึงไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิม ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสาม ประกอบพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.2553 มาตรา 6 ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 มีคำพิพากษานั้นต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของจำเลยที่ 2 ฟังไม่ขึ้น

          อนึ่ง ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฟ้องแย้งโดยไม่ได้สั่งคืนค่าขึ้นศาลในส่วนฟ้องแย้งให้แก่จำเลยนั้นเป็นการไม่ชอบ เห็นสมควรแก้ไขให้ถูกต้อง

พิพากษายืน คืนค่าขึ้นศาลในส่วนฟ้องแย้งในศาลชั้นต้นให้แก่จำเลยค่าฤชาธรรมเนียมในส่วนฟ้องแย้งในชั้นฎีกาให้เป็นพับ
 




ค่าทดแทนจากสามีและหญิงชู้

รู้ว่าสามีไปมีหญิงอื่นเกินหนึ่งปีก็ฟ้องเรียกค่าเสียหายได้
แสดงตนโดยเปิดเผยว่ามีความสัมพันธ์ฉันชู้สาว
ค่าเสียหาย ค่าทดแทนที่ภริยาต้องอับอาย