

มาตรา 391 คู่สัญญากลับสู่ฐานะเดิม มาตรา 391 คู่สัญญากลับสู่ฐานะเดิม มาตรา 391 เมื่อคู่สัญญาฝ่ายหนึ่งได้ใช้สิทธิเลิกสัญญาแล้วคู่สัญญาแต่ละฝ่ายจำต้องให้อีกฝ่ายหนึ่งได้กลับคืนสู่ฐานะดั่งที่เป็นอยู่เดิมแต่ทั้งนี้จะให้เป็นที่เสื่อมเสียแก่สิทธิของบุคคลภายนอกหาได้ไม่ (วรรค 2 ) ส่วนเงินอันจะต้องใช้คืนในกรณีดั่งกล่าวมาในวรรคต้นนั้น ท่านให้บวกดอกเบี้ยเข้าด้วยคิดตั้งแต่เวลาที่ได้รับไว้ (วรรค 3)ส่วนที่เป็นการงานอันได้กระทำให้และเป็นการยอมให้ใช้ทรัพย์นั้นการที่จะชดใช้คืน ท่านให้ทำได้ด้วยใช้เงินตามควรค่าแห่งการ นั้นๆหรือถ้าในสัญญามีกำหนดว่าให้ใช้เงินตอบแทนก็ให้ใช้ตามนั้น (วรรค 4) การใช้สิทธิเลิกสัญญานั้นหากระทบกระทั่งถึงสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายไม่ โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินค่าว่าจ้างงวดงาน ศาลฎีกาวินิจฉัย เรื่องสัญญาเลิกกันแล้วให้คู่สัญญากลับคืนสู่ฐานะเดิม ส่วนการงานที่ได้ทำให้แก่กันนั้นก็ให้ใช้ตามควรค่าแห่งการนั้น ๆ และค่าของงานดังกล่าวเป็นการทำให้คู่สัญญากลับคืนสู่ฐานะเดิมได้ ค่าของงานต้องคิดให้ตามความเป็นจริงจะยึดเอาค่าจ้างตามสัญญาไม่ได้ นอกจากนั้นยังต้องพิจารณาว่าคู่สัญญาฝ่ายใดเป็นฝ่ายผิดสัญญาก่อนมีการบอกเลิกสัญญาและมีการกำหนดค่าเสียหายหรือเบี้ยปรับกันไว้อย่างไรด้วย และเบี้ยปรับนั้นหากสูงเกินส่วนศาลมีอำนาจลดลงเป็นจำนวนพอสมควรได้ คดีนี้มีการตกลงกันว่า หากโจทก์ส่งมอบงานล่าช้าให้จำเลยมีสิทธิเรียกค่าปรับจากโจทก์ได้ เมื่อค่าปรับในสัญญาไม่ปรากฏว่ามีการคิดคำนวณโดยมีหลักเกณฑ์ใด และไม่ปรากฏว่าจำเลยได้รับความเสียหายเป็นจำนวนที่แท้จริงเท่าใด แต่ได้ความว่าหลังจากจำเลยบอกเลิกสัญญาต่อโจทก์แล้ว จำเลยได้ว่าจ้างผู้รับเหมารายอื่นให้ทำงานส่วนที่เหลือให้แล้วเสร็จได้เป็นราคาที่น้อยลงเมื่อเทียบกับราคาที่ว่าจ้างโจทก์ อันแสดงว่าโจทก์คิดราคาค่าก่อสร้างที่ค่อนข้างสูง แต่เมื่อพิเคราะห์ถึงทางได้เสียของจำเลยในฐานะที่เป็นเจ้าหนี้ที่จะมีสิทธิคิดค่าปรับจากโจทก์ได้ตามสัญญา ค่าปรับดังกล่าวก็ยังถือว่าสูงเกินสมควร เห็นควรกำหนดให้จำเลยมีสิทธิได้รับค่าปรับเสียใหม่ให้เหมาะสม คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7618/2552 เมื่อสัญญาเลิกกัน คู่สัญญาต้องให้อีกฝ่ายหนึ่งกลับคืนสู่ฐานะเดิม การกำหนดค่าของงานที่จะต้องชดใช้แก่กัน จึงมิใช่เป็นค่าตอบแทนหรือค่าเสียหาย แต่เป็นหนทางหนึ่งที่จะสามารถทำให้คู่สัญญากลับคืนสู่ฐานะเดิมได้ ส่วนค่าของงานที่จะชดใช้แก่กันนั้น ก็ต้องพิจารณาจากมูลค่าของงานที่โจทก์ทำให้แก่จำเลยตามความเป็นจริง จะยึดเอาค่าจ้างที่จะต้องชำระตามงวดงานที่กำหนดไว้ในสัญญาที่เลิกกันแล้วมาเป็นหลักเกณฑ์อีกไม่ได้ เพราะค่าจ้างที่กำหนดให้ชำระตามสัญญานั้นอาจมีการกำหนดสิ่งที่มิใช่ค่าของงานลงไปด้วย ที่โจทก์และจำเลยตกลงกันว่า จะใช้เงินจำนวนหนึ่ง เมื่อไม่ชำระหนี้หรือชำระหนี้ไม่ถูกต้องสมควร ถือเป็นเบี้ยปรับ หากสูงเกินส่วน ศาลมีอำนาจลดลงเป็นจำนวนพอสมควรได้ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 383 ความรับผิดในชั้นที่สุดสำหรับค่าฤชาธรรมเนียม ศาลมีอำนาจใช้ดุลพินิจให้ฝ่ายใดเป็นผู้เสียก็ได้ โดยคำนึงถึงเหตุสมควรและความสุจริตในการดำเนินคดี มาตรา 383 ถ้าเบี้ยปรับที่ริบนั้นสูงเกินส่วนศาลจะลดลงเป็นจำนวนพอสมควรก็ได้ ในการที่จะวินิจฉัยว่าสมควรเพียงใดนั้น ท่านให้พิเคราะห์ถึงทางได้เสียของเจ้าหนี้ทุกอย่างอันชอบด้วยกฎหมายไม่ใช่แต่เพียงทางได้เสียในเชิงทรัพย์สิน เมื่อได้ใช้เงินตามเบี้ยปรับแล้วสิทธิเรียกร้องขอลดก็เป็นอันขาดไป
|