แม่ของดิฉันถูกฟ้องแจ้งความเท็จ ฐานประสงค์ให้ผู้อื่นได้รับโทษทางอาญา ซึ่งเป็นการฟ้องกลับค่ะ คือก่อนที่จะถูกฟ้องนี้ แม่ของดิฉันได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ที่สถานีตำรวจ เรื่องที่ถูกฉ้อโกง โดยผู้หญิงคนหนึ่ง มาหลอกกู้เงินไปในขั้นแรก มีการส่งใช้ดอกเบี้ยแล้วก็ขอกู้เพิ่มไปเป็นระยะๆ หลังจากนั้นได้ชักชวนให้เข้าร่วมเป็นสมาชิกโครงการออมทรัพย์ของบริษัทที่เขาทำงาน โดยหลอกให้แม่ของดิฉันหาเงินเพื่อฝากเข้าบัญชีบ่อยครั้ง เป็นจำนวนเงินที่มากขึ้นเรื่อยๆ อ้างว่า ถ้าฝากเงินจนครบที่กำหนด จะกู้เงินจากโครงการได้เป็นจำนวนมาก รวมทั้งหลอกให้แม่ดิฉันเล่นแชร์ โดยใช้ชื่อตัวเอง เนื่องจากเป็นแชร์แถวบ้านของเขา แต่กลับเปียแชร์เอาเงินไปใช้จนหมด โดยไม่แจ้งให้แม่ดิฉันทราบ แม่ดิฉันก็ต้องส่งแชร์ใช้หนี้แทน เขาบอกให้รวมไปกับหนี้ที่กู้ แต่ไม่ได้มาเขียนสัญญาให้ จนกระทั่งล่วงเลยเป็นปีๆ แม่ดิฉันเกิดสงสัยจึงขอดูบัญชีเงินฝากที่ส่งเข้าโครงการออมทรัพย์ เขาก็อ้างเอาตัวรอดไปเป็นคราวๆ จนกระทั่งหนีหายไป แม่ดิฉันจึงเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับสถานีตำรวจ ซึ่งได้ซักถามถึงเหตุการณ์ที่ผู้หญิงคนนี้มาหา และหลอกลวงแม่ดิฉันถึงบ้าน โดยบางครั้งได้มากับสามี ที่ภายหลังได้หย่าขาดจากกัน และไปมีภรรยาใหม่ ต่อมาอัยการได้ส่งสำนวนฟ้อง โดยฟ้องทั้งภรรยาผู้ฉ้อโกง และสามี แต่ศาลได้ยกฟ้องสามี เนื่องจากพยานหลักฐานไม่เพียงพอ ฝ่ายสามีจึงฟ้องแม่ดิฉันกลับในฐานแจ้งความเท็จ ทั้งที่ความจริงแม่ดิฉันเพียงแต่ให้การไปตามข้อเท็จจริง ซึ่งหาพยานหลักฐานไม่ได้ เพราะเขาจะมาในเวลาเย็น และกลางคืน และไม่เข้าในบ้านดิฉัน แต่ภรรยาเขาคุยกับแม่ดิฉันว่าเขามาด้วยกัน แม่ดิฉันก็เห็นว่าอยู่นอกรั้ว ก็ให้การตอบคำซักถามของตำรวจไป ซึ่งเมื่อได้รับหมายศาลให้ไปไต่สวนมูลฟ้อง ได้ว่าจ้างทนาย และทำหนังสือแต่งตั้งทนายไปรับฟังแทนแล้ว เนื่องจากแม่ดิฉันมีนัดกับหมอตรวจเบาหวานและความดัน (อายุ 76) และพ่อดิฉัน ก็ถูกฟ้องเป็นจำเลยที่ 2 เนื่องจากให้การสนับสนุนคำให้การของแม่ดิฉัน (พ่ออายุ 78) และป้าของดิฉันเป็นจำเลยที่ 3 หลังจากทนายรับค่าว่าจ้างไปแล้ว กลับมาบอกให้แม่ดิฉันยอมไกล่เกลี่ยในดคีแรก ซึ่งปัจจุบันดิฉันต้องช่วยแม่ดฺิฉันหาเงินใช้หนี้ ที่ก่อขึ้นเพราะเขาหลอกลวงเอาเงินไป รวมทั้งทรัพย์สินก็ติดจำนองเพื่อหาเงินให้เขา ดิฉันรู้สึกจนปัญญาที่จะสู้ต่อ เพราะลำพังหาเงินใช้หนี้ก็ลำบากแล้ว พ่อแม่ก็ไม่มีรายได้อะไร เพราะแก่มากแล้วก็ยังมีโรคอีก จะหาเงินจ้างทนายอีก ก็ไม่ไหวแล้ว ขอความกรุณาให้คำปรึกษา ชี้ทางให้ด้วยเถิดค่ะ ควรจะทำประการใดต่อไปได้บ้าง