ReadyPlanet.com


ที่ดินมรดกจากพ่อสู่ลูก....กรุณาตอบให้หน่อยนะค่ะ


คุณพ่อ จดทะเบียนแต่งงานกับคุณแม่นะคะ แต่คุณพ่อมีที่ดินผืนนึง ซึ่งเป็นสินมรดกทางฝั่งคุณพ่อ ซึ่งพ่อรับมาจากคุณย่าอีกทีนึง สรุปคือไม่ใช่สินสมรส  และ คุณพ่อ มีลูก 2 คน คือพี่สาว กับ ดิฉันที่ดินผืนนี้ ยังเป็น นส.3 ก ครุฑสีดำ  และ ที่ดินผืนนี้เป็นชื่อคุณพ่อ

แต่คุณพ่อยินยอมให้พี่สาว เข้ามาทำกินในที่ผืนนี้ นานแล้ว กว่า 10 ปี เพราะคุณพ่อบอกว่า ดีกว่าทิ้งไว้ให้เปล่าประโยชน์ โดยพี่สาวได้เข้าไปทำสวนยางในที่ดินผืนดังกล่าวของคุณพ่อ

แต่ต่อมา คุณพ่อ แอบไปโอนให้ดิฉัน โดยคุณพ่อบังคับให้ไป และ โอนให้เป็นชื่อดิฉันเรียบร้อยอย่างถูกต้องตามกฏหมายจากที่ดิน ทางอำเภอ

1. หลังจาก โอนมอบเสร็จแล้ว เจ้าหน้าที่ ที่ดินทางอำเภอ บอกว่า ดิฉันกับคุณพ่อควรแจ้งให้พี่สาวทราบ ภายใน 1 ปีอันนี้จริงหรือปล่าวค่ะ  

2. แต่หากไม่แจ้งให้พี่สาวทราบ หลังจาก 1 ปีผ่านไป ที่ดินผืนนี้ จะตกเป็นของพี่สาวโดยอัตโนมัติทันที การโอนให้ดิฉันก็จะสูญเปล่าและนี่คือปัญหา ที่จะถามค่ะ  ตามข้อ 1 และ ข้อ 2 …เพราะตอนนี้คุณแม่ป่วยอยู่ คุณพ่อกับดิฉันก็เลยยังไม่อยากแจ้งให้พี่สาวทราบ… เพราะว่าคุณแม่จะรักพี่สาวมาก หากคุณแม่รู้ไม่พอใจอาจจะป่วยมากขึ้น ก็เลยยังไม่บอกให้พี่สาวทราบ( พี่สาวไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของพ่อค่ะ )

3.  กรณี หากดิฉันกับคุณพ่อยังไม่ได้แจ้งให้พี่สาวทราบภายใน 1 ปี หลังจากโอนมอบมาแล้ว…. หากวันใดวันนึง คุณพ่อเป็นอะไรไปขึ้นมา  และ หลังจากนั้น พี่สาวก็จะทราบล่ะว่า คุณพ่อได้โอนให้เป็นชื่อดิฉันแล้ว พี่สาวจะต้องฟ้องร้องแน่นอน เพราะพี่สาวอาจอ้างสิทธิ์ได้ว่า.. พ่อไม่อยู่แล้ว เธอย่อมได้สิทธิ์นั้น ก็พ่อยินยอมให้เธอเข้ามาทำกินในที่ดินผืนนี้  มานานกว่า 10 ปีแล้ว  สิทธิ์ครอบครองเป็นเจ้าของที่ดินผืนนี้มันก็น่าจะเป็นของเธอ… แต่ จู่ๆ พอพ่อเป็นอะไรมา น้องสาวคือดิฉันกลับมาบอกว่า เธอ(คือพี่สาว )ไม่มีสิทธิ์ เพราะพ่อได้แอบโอนให้ฉันนานแล้ว …ประเด็นตรงนี้นะค่ะ พี่สาวฟ้องขึ้นมาเธอจะชนะมั๊ยค่ะ

4. แต่ตอนนี้ดิฉันอยากจะทำมากคือ อยากจะแจ้งให้พี่สาวทราบว่า ที่ดินผืนนี้เป็นของดิฉันแล้ว ดิฉันสามารถแจ้งด้วยวาจา ได้หรือไม่ คือเกรงว่า หากบอกไป เธอก็ต้องโวยวาย และ ก็อาจทำไม่รู้ไม่ชี้ ไม่รับทราบอะไรซักอย่างเพื่อดึงเรื่องประวิงเรื่องไว้อยู่อย่างนั้น หรือว่า ดิฉันจะให้ทางสำนักงานกฎหมายทนายความเป็นผู้ดำเนินการให้ก่อนที่จะสายเกินไป อาจจะเป็นการส่งจดหมายลงทะเบียนแบบตอบรับ ที่แบบว่า ให้เป็นหลักฐานแน่ชัดว่า เธอรับเรื่องรับทราบแล้วนะ โดยดิฉันจะส่งสำเนา นส.3 ให้กับสำนักงานทนายความ เป็นผู้ดำนินการต่อไป ได้ใช่มั๊ยค่ะหากทำแบบนี้

5. และหลังจากเธอทราบเรื่องแล้ว และ หากเธอไม่ยอมทำอะไรเลยภายใน 1 ปี เธอยังคงทำเฉย ยังคงทำสวนยางอยู่เป็นปกติเหมือนเดิม เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ดิฉันจะต้องทำอย่างไรดีค่ะ ฟ้องขับไล่ใช่มั๊ยค่ะ และหากเป็นแบบนั้น ดิฉันจะชนะหรือไม่ ในกรณีนี้ ,

- และจะต้องฟ้องที่ไหน

- ทำอย่างไร คือต้องเตรียมอะไรบ้าง และติดต่อใครที่ไหน

- ต้องให้สำนักงานทนายจัดการอย่างเดียวใช่มั๊ยค่ะ

- ค่าใช้จ่ายกรณีนี้ประมาณเท่าไหร่

- ที่ดินอยู่หาดใหญ่ หากทนายจะเดินเรื่องให้ ต้องไปฟ้องกันที่ไหนค่ะ

- ดิฉันรายได้ไม่มาก และกำลังเรียนต่ออยู่ที่ออสเตรเลียโดยเงินทุนของดิฉันเอง และ ก็เรียนไป ล้างจานใน   ร้านอาหารไทยเป็นรายได้เพื่อเป็นค่าเทอมไป หากดิฉันอยู่ทางนี้ แต่ติดต่อให้ทนายที่ เมืองไทยเดินเรื่องให้ได้มั๊ยค่ะ โดยเอกสารสำคัญที่ดินจะอีเมลล์มาให้ ค่าจ้างก็จะโอนเข้าบัญชี หรือ จ่ายชำระกันอย่างไร   

6. หากเธอทราบเรื่องแล้ว แต่ไม่ยอมและจะฟ้องกลับ เพื่อแย่งสิทธิครอบครอง หากเป็นเช่นนั้นดิฉันจะมีหนทางชนะหรือปล่าว

7. กรณี ที่ทางสำนักงานทนายความได้ส่งจดหมาย แจ้งให้พี่สาวทราบ ว่าที่ดินเป็นกรรมสิทธิ์ของดิฉันแล้ว  หลังจากนั้นดิฉันจะทราบได้อย่างไรว่า เธอโอเคหรือไม่ หรือหากเธอไม่โอเค เธอจะฟ้องกลับดิฉันอย่างไร และ ดิฉันจะทราบได้อย่างไรว่าเธอฟ้องหรือไม่ฟ้อง เพราะขณะนี้ดิฉันกำลังเรียนอยู่ที่ ออสเตรเลีย  เพราะหากเธอฟ้อง ดิฉันยังอยู่ทางนีั ก็จะไม่ทราบเรื่องอะไรเลย เรื่องมันก็จะผ่านไปเฉยๆ และดิฉันก็อาจจะเสียเปรียบ คือไม่มีใครคอยเป็นหูเป็นตาหรือคอยติดตามเรื่องนี้ให้ นอกจากคุณพ่อ แต่ท่านก็อายุเยอะแล้ว ดิฉันจะทำอย่างไรค่ะเนี่ย

 

8. ตอนนี้คุณพ่อยังแข็งแรงดีอยู่ค่ะ และ หากคุณพ่อเกิดใจอ่อน เพราะเห็นแก่แม่ที่กำลังป่วย หรือเกิดสงสารพี่สาวขึ้นมาอีก และทำให้คุณพ่อเปลี่ยนใจ มาบอกกับดิฉันว่า จะขอที่ดินทั้งหมดคืน ตรงนี้คุณพ่อจะทำได้หรือปล่าวค่ะ

(ลืมบอกไปว่า ดิฉันเป็นลูกสาวแท้ๆ แต่พี่สาวคนนี้ไม่ใช่ และท่าทีพี่เขยจะคอยบงการให้เธอแข็งข้อกับพ่อมากๆ พ่อเกรงว่าพวกเขาจะฮุบเอาทั้งหมด พ่อเป็นห่วงก็เลยโอนให้ดิฉันหมดเลย)

9. หากเธอรับทราบแล้ว และหากเธอไม่ฟ้องกลับ คือหมายความว่า เธอยินยอมรับทราบโดยดี แต่เธอก็ไม่กระตือรือร้นที่จะทำอะไรต่อ   ไม่Contact ให้ดิฉันทราบว่า เธอจะเอายังไง  ดิฉันก็จะไม่รู้อะไรเลย ก็เหมือนกับว่าแค่ได้ส่งจดหมายไปบอกเฉยๆ แค่นั้นเอง  หลังจากขั้นตอนนี้แล้ว ทางทนายคิดว่าควรทำเช่นไรอีกต่อไป

- ควรให้ทางทนายคอยติดตามความเป็นไปของเธอว่า เธอจะเอายังไง คือเป็นผู้ประสานงานให้ใช่มั๊ยค่ะ

- ทำหนังสือ สัญญาเช่าที่ดินส่งให้เธอ หากเธอจะยืนยันขอทำสวนยางในที่ดินผืนดังกล่าวต่อไป โดยคิดค่าเช่าเป็นรายเดือน

- หรือหากเธอไม่อยากทำสวนยางอีกต่อไป เธอจะตัดต้นยางเพื่อขาย ก็แล้วแต่เธอ และเธอก็ต้องออกจากที่ดินผื่นนั้น ไม่เข้าไปทำกินอีกต่อไป

- หากเธอบอกว่า เธอจะไม่เข้ามาทำกินในที่ดินผืนนี้อีกต่อไปแล้ว และเธอก็ไม่ต้องการต้นยางด้วย แต่ เธอบอกว่า จะขายต้นยางทั้งหมดในที่ดินผืนนั้นให้กับดิฉัน ในจำนวนหลักล้าน ซึ่งกรณีนี้ เธออาจจะแกล้ง ดึงเกมส์ให้มันยืดเยื้อ ซึ่งแน่นอนว่า เธอก็รู้ว่าดิฉันไม่มีปัญญารับซื้อต้นยางจากเธอแน่นอน เพราะเธออาจจะคิดว่า ก็ได้ฉันจะคืนที่ดินให้เธอแต่เธอจะต้องซื้อต้นยางจากฉันไปด้วยราคาแสนแพง ตรงนี้ ดิฉันไม่มีปัญญาแน่นอน หากดิฉันไม่รับข้อเสนอนี้ ดิฉันทำได้มั๊ยและ  จะต้องทำอย่างไรต่อไปอีกค่ะ

 - จากข้อข้างบ้น มันคล้ายๆ กับว่า เธอจะไม่ยอมออกจากที่ผืนนั้น แต่หากออก ดิฉันก็ต้องซื้อต้นยางเธอไว้ ด้วยราคาแพงกว่าที่ดินที่ประเมินไว้ เหมือนจะแกล้งกันน่ะค่ะ เธอจะทำเช่นนั้นได้มั๊ยค่ะ

ขอแสดงความนับถือ

น้ำผึ้ง 



ผู้ตั้งกระทู้ น้ำผึ้งค่ะ :: วันที่ลงประกาศ 2011-05-30 13:56:04


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (3297243)

1. หลังจาก โอนมอบเสร็จแล้ว เจ้าหน้าที่ ที่ดินทางอำเภอ บอกว่า ดิฉันกับคุณพ่อควรแจ้งให้พี่สาวทราบ ภายใน 1 ปีอันนี้จริงหรือปล่าวค่ะ  

ตอบ ถามว่าจริงไหม ผมเห็นว่าการบอกกล่าวดังกล่าวเป็นผลดีกับทางคุณมากกว่าจึงควรที่จะดำเนินการตามคำแนะนำ (เป็นหนังสือลงทะเบียนตอบรับ) เพื่อไม่ให้เขาอ้างการแย่งการครอบครองครับ

2. แต่หากไม่แจ้งให้พี่สาวทราบ หลังจาก 1 ปีผ่านไป ที่ดินผืนนี้ จะตกเป็นของพี่สาวโดยอัตโนมัติทันที การโอนให้ดิฉันก็จะสูญเปล่าและนี่คือปัญหา ที่จะถามค่ะ  ตามข้อ 1

ตอบ ขอตอบว่า เมื่อพี่สาวอยู่โดยอาศัยสิทธิของคุณพ่อ และคุณได้รับโอนมาจากคุณพ่อจึงต้องรับไปทั้งสิทธิและหน้าที่ เมื่อพี่สาวอาศัยสิทธิพ่อก็อาศัยสิทธิของเราด้วย ดังนั้นถ้าไม่บอกก็ไม่ถึงกับจะอ้างแย่งการครอบครองได้เว้นแต่พี่สาวได้บอกกล่าวเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือว่าต่อไปจะครองครองทรัพย์ที่ดินอย่างเป็นเจ้าของ ส่วนคุณรู้แล้วเพิกเฉยและไม่ฟ้องเรียกคืนภายใน 1 ปี ก็หมดสิทธิครับ

แต่อย่างไรก็ตาม ก็ควรแจ้งตามคำแนะนำที่ได้รับเพราะไม่ได้เสียเงินทองแต่อย่างไร เป็นการรักษาสิทธิของเราไว้

2 …เพราะตอนนี้คุณแม่ป่วยอยู่ คุณพ่อกับดิฉันก็เลยยังไม่อยากแจ้งให้พี่สาวทราบ… เพราะว่าคุณแม่จะรักพี่สาวมาก หากคุณแม่รู้ไม่พอใจอาจจะป่วยมากขึ้น ก็เลยยังไม่บอกให้พี่สาวทราบ( พี่สาวไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของพ่อค่ะ )

ตอบ ความจริงกับข้อกฎหมายอาจไปด้วยกันไม่ได้ทุกเรื่อง หากพี่สาวต้องเสียใจหรือแม่ต้องเสียใจ ถ้าเป็นเรื่องที่จำเป็นก็น่าจะทำเพราะแม่อาจมีชีวิตอีก 10 -20 ปี ก็ได้

3.  กรณี หากดิฉันกับคุณพ่อยังไม่ได้แจ้งให้พี่สาวทราบภายใน 1 ปี หลังจากโอนมอบมาแล้ว…. หากวันใดวันนึง คุณพ่อเป็นอะไรไปขึ้นมา  และ หลังจากนั้น พี่สาวก็จะทราบล่ะว่า คุณพ่อได้โอนให้เป็นชื่อดิฉันแล้ว พี่สาวจะต้องฟ้องร้องแน่นอน เพราะพี่สาวอาจอ้างสิทธิ์ได้ว่า.. พ่อไม่อยู่แล้ว เธอย่อมได้สิทธิ์นั้น ก็พ่อยินยอมให้เธอเข้ามาทำกินในที่ดินผืนนี้  มานานกว่า 10 ปีแล้ว  สิทธิ์ครอบครองเป็นเจ้าของที่ดินผืนนี้มันก็น่าจะเป็นของเธอ… แต่ จู่ๆ พอพ่อเป็นอะไรมา น้องสาวคือดิฉันกลับมาบอกว่า เธอ(คือพี่สาว )ไม่มีสิทธิ์ เพราะพ่อได้แอบโอนให้ฉันนานแล้ว …ประเด็นตรงนี้นะค่ะ พี่สาวฟ้องขึ้นมาเธอจะชนะมั๊ยค่ะ

ตอบ คำตอบข้างต้นน่าจะตอบคำถามข้อนี้ได้แล้วนะครับ

4. แต่ตอนนี้ดิฉันอยากจะทำมากคือ อยากจะแจ้งให้พี่สาวทราบว่า ที่ดินผืนนี้เป็นของดิฉันแล้ว ดิฉันสามารถแจ้งด้วยวาจา ได้หรือไม่ คือเกรงว่า หากบอกไป เธอก็ต้องโวยวาย และ ก็อาจทำไม่รู้ไม่ชี้ ไม่รับทราบอะไรซักอย่างเพื่อดึงเรื่องประวิงเรื่องไว้อยู่อย่างนั้น หรือว่า ดิฉันจะให้ทางสำนักงานกฎหมายทนายความเป็นผู้ดำเนินการให้ก่อนที่จะสายเกินไป อาจจะเป็นการส่งจดหมายลงทะเบียนแบบตอบรับ ที่แบบว่า ให้เป็นหลักฐานแน่ชัดว่า เธอรับเรื่องรับทราบแล้วนะ โดยดิฉันจะส่งสำเนา นส.3 ให้กับสำนักงานทนายความ เป็นผู้ดำนินการต่อไป ได้ใช่มั๊ยค่ะหากทำแบบนี้

ตอบ ก็เห็นด้วยครับ

5. และหลังจากเธอทราบเรื่องแล้ว และ หากเธอไม่ยอมทำอะไรเลยภายใน 1 ปี เธอยังคงทำเฉย ยังคงทำสวนยางอยู่เป็นปกติเหมือนเดิม เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ดิฉันจะต้องทำอย่างไรดีค่ะ ฟ้องขับไล่ใช่มั๊ยค่ะ และหากเป็นแบบนั้น ดิฉันจะชนะหรือไม่ ในกรณีนี้ ,

ตอบ ให้ทำสัญญาเช่าแบบถูก ๆ เช่นปีละ 100 บาทก็ได้ ถ้าไม่ยอมทำก็ฟ้องขับไล่ได้

6. หากเธอทราบเรื่องแล้ว แต่ไม่ยอมและจะฟ้องกลับ เพื่อแย่งสิทธิครอบครอง หากเป็นเช่นนั้นดิฉันจะมีหนทางชนะหรือปล่าว

ตอบ คุณได้เปรียบในทางคดีอย่างมาก

7. กรณี ที่ทางสำนักงานทนายความได้ส่งจดหมาย แจ้งให้พี่สาวทราบ ว่าที่ดินเป็นกรรมสิทธิ์ของดิฉันแล้ว  หลังจากนั้นดิฉันจะทราบได้อย่างไรว่า เธอโอเคหรือไม่ หรือหากเธอไม่โอเค เธอจะฟ้องกลับดิฉันอย่างไร และ ดิฉันจะทราบได้อย่างไรว่าเธอฟ้องหรือไม่ฟ้อง เพราะขณะนี้ดิฉันกำลังเรียนอยู่ที่ ออสเตรเลีย  เพราะหากเธอฟ้อง ดิฉันยังอยู่ทางนีั ก็จะไม่ทราบเรื่องอะไรเลย เรื่องมันก็จะผ่านไปเฉยๆ และดิฉันก็อาจจะเสียเปรียบ คือไม่มีใครคอยเป็นหูเป็นตาหรือคอยติดตามเรื่องนี้ให้ นอกจากคุณพ่อ แต่ท่านก็อายุเยอะแล้ว ดิฉันจะทำอย่างไรค่ะเนี่ย

ตอบ  ในเรื่องการฟ้องคดีนั้น โจทก์จะส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องไปที่ภูมิลำเนาตามทะเบียนบ้านดังนั้นต้องคอยเช็คเสมอ ๆ ว่ามีหมายศาลมาหรือไม่ มิฉะนั้นจะเสียโอกาสในการต่อสู้คดีครับ

8. ตอนนี้คุณพ่อยังแข็งแรงดีอยู่ค่ะ และ หากคุณพ่อเกิดใจอ่อน เพราะเห็นแก่แม่ที่กำลังป่วย หรือเกิดสงสารพี่สาวขึ้นมาอีก และทำให้คุณพ่อเปลี่ยนใจ มาบอกกับดิฉันว่า จะขอที่ดินทั้งหมดคืน ตรงนี้คุณพ่อจะทำได้หรือปล่าวค่ะ

ตอบ คุณพ่อไม่สามารถทำได้ครับ การถอนคืนการให้ต้องมีเหตุตามกฎหมาย เช่นประพฤติเนรคุณต่อผู้ให้

9. หากเธอรับทราบแล้ว และหากเธอไม่ฟ้องกลับ คือหมายความว่า เธอยินยอมรับทราบโดยดี แต่เธอก็ไม่กระตือรือร้นที่จะทำอะไรต่อ   ไม่Contact ให้ดิฉันทราบว่า เธอจะเอายังไง  ดิฉันก็จะไม่รู้อะไรเลย ก็เหมือนกับว่าแค่ได้ส่งจดหมายไปบอกเฉยๆ แค่นั้นเอง  หลังจากขั้นตอนนี้แล้ว ทางทนายคิดว่าควรทำเช่นไรอีกต่อไป

- ควรให้ทางทนายคอยติดตามความเป็นไปของเธอว่า เธอจะเอายังไง คือเป็นผู้ประสานงานให้ใช่มั๊ยค่ะ

ตอบ แก้ปัญหานี้ได้โดยการให้ทำสัญญาเช่ากับคุณหรือผู้รับมอบอำนาจของคุณก็ได้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 085 99604258

 - จากข้อข้างบ้น มันคล้ายๆ กับว่า เธอจะไม่ยอมออกจากที่ผืนนั้น แต่หากออก ดิฉันก็ต้องซื้อต้นยางเธอไว้ ด้วยราคาแพงกว่าที่ดินที่ประเมินไว้ เหมือนจะแกล้งกันน่ะค่ะ เธอจะทำเช่นนั้นได้มั๊ยค่ะ

เธอไม่ยอมออกจากที่ดิน แสดงว่ารู้แล้วว่าที่ดินเป็นของคุณ???????

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ทนายความ ลีนนท์ วันที่ตอบ 2011-06-10 18:28:21



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล