ReadyPlanet.com


ที่ดินมีปัญหา


ตอนสมัยแม่เป็นสาว(ตอนนี้แม่ อายุ 65 แล้วค่ะ) แม่ทำงานได้เงินก็ซื้อที่ดิน ที่นา วัว ควาย สละสมไว้ แต่แม่ให้เป็นชื่อยายหมด แม่มีพี่ชาย, น้องสาว และน้องชาย (ครอบครัวนี้มี 4 พี่น้อง แม่ของดิฉันเป็นคนที่สอง) ซื้อ ญาติผู้ใหญ่ เพื่อนฝูง หรือ คนเฒ่า คนแก่ ในหมู่บ้าน เค้าก็รู้ว่า ที่ทั้งหมดเป็นของแม่ แม่ให้ทุกคนได้ทำมาหากิน และอยู่บนที่นี้ ยายอยู่กับน้าสาวและครอบครัวของน้าสาว และน้าชายก็เคยอยู่ในบริเวณแปลบ้านเดียวกันเหมือนกัน แต่คนละหลัง ระยะหลังด้ย้ายออกไปจากแปลงนี่  เนื่องจากปัญหาเรื่องที่ดิน นี่แหละค่ะ น้าสาวไม่ยอมแบ่งสักที ต่างคน ต่างก็มีครอบครัวกันไปหมด ทุกคนก็ต้องการในส่วนที่เป็นของตัวเอง ให้กับลูกหลานตัวเอง แต่น้าสาวกับนิ่งเฉย อ้างว่าที่ติดจำนอง  สักประมาณ เกือบ 10 ปีเห็นจะได้  ยายเสียค่ะ  ช่วงที่ยายยังดีอยู่ แต่นอนอยู่โรงพยาบาล ตอนหลังช่วงที่ยายใกล้จะเสียที่โรงพยาบาล น้าใช้หมึกปั๊มลายนิ้วมือยาย แล้วเอาที่ดินเข้าจำนองที่ ธกส.  ซึ่งตัวน้าชายเองไม่รู้เรื่องนี้เลย แม่ก็เพิ่งมารู้ตอนที่เค้าเอาที่ไปเข้า ธกส. เรียบร้อยแล้ว ซึ่งที่ดินทั้งหมด ยังไม่ได้ทำการแบ่งแต่อย่างไร

ตัวดิฉันมารู้อีกที ก็ตอนที่น้าเค้ามาโกหกกับแม่ว่า ที่มันจะขาดแล้ว แม่พูดไปว่า ก็แกเอาไปเข้าเอง ก็ต้องมีปัญญาไปถ่ายออกเอง และมารู้อีกทีว่า ลูกชายของน้า ไปถ่ายออกมาแล้ว ไม่รู้ว่า จำนองไว้ เท่าไหร เค้าบอกว่า ทั้งต้น ทั้งดอก จ่ายไป 350,000 บาท ดิฉันโทรไปคุยกับตัวน้าสาว และน้าเขย ถามเกี่ยวกับที่ดิน(ทั้งที่รู้ความจริงอยู่แล้ว) เค้าบอกว่า ที่มันนะจะขาด  แล้วหลานไปถ่ายออกมา ตอนนี้เลยใส่เป็นชื่อหลานไปแล้ว (และตอนนี้ไอ้หลานชายคนนี้ เค้ามีเมียแล้ว แต่ยังไม่ได้แต่งกัน อยู่กินกันเป็นผัวเมีย ดิฉันเกรงว่า ถ้าปล่อยไว้นานกว่านี้ สงสัยคงไม่ได้เหลืออะไรแน่ๆ) ดิฉันถามว่า ก็ในเมื่อมันเป็นสมบัติของยาย ซึ่งจะต้องแบ่งให้พี่น้องฝ่ายแม่   แต่ทำไมถึงไปใส่ชื่อหลานหละ เค้าบอกว่า เพราะว่า ลูกเค้า(หลาน) เป็นคนไปไถ่ออกมา ต้องใส่ชื่อหลาน ทั้งๆ ที่เงินที่เค้ากู้ออกมา พวกญาติพี่น้องแม่ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง หรือได้ใช้เงินนั้นกันเลย สักบาทเดียว (ประมาณว่า จะอ้างว่าที่ดินจะขาด แล้วหลานไปถ่ายออกมาก็เลยต้องยกให้หลานประมาณเนี่ยค่ะ)

 (ดิฉันไม่แน่ใจว่า ตอนนี้ที่ดินมันเหลือเท่าไหรแล้ว แต่ฟังจากที่แม่บอก แม่บอกว่า ที่ดิน มีประมาณ 35-40 ไร่ ที่ดินอยู่ที่ ต.บ้านหนองโพ อ.ขามสะแกแสง จ.นครราชสีมา ค่ะ)

ดิฉันขอปรึกษาว่า

·         ดิฉันต้องการเรียกร้องในส่วนที่ ที่เป็นของแม่คืนบางได้ไหม ทุกทางไม่ว่า จะเป็นทั้งหมด หรือบางส่วน

·         ฝ่ายหลานชาย จะมาอ้างว่า เค้าไปไถ่ออกมาก ได้ไหมค่า ทั้งๆที่ บ้านดิฉัน และบ้านน้าชาย ไม่มีใครได้ใช้เงินก้อนนี้กันเลย

·         เค้าได้เงินมา ก็มาซื้อรถไถ่นา ยกบ้านใหม่ 2 หลัง ใหญ่โต หรูหรา เป็นเศรษฐีประจำหมู่บ้านไปแล้ว โชว์ว่า บ้านฉันมีเงิน มีทอง มีลูกชายทำงานรายได้ดี ประมาณเนี่ยค่ะ

·         มีเปอเซ็นต์ที่แม่จะเรียกร้องคืนในส่วนทั้งหมดได้ไหมค่ะ  เพราะเท่าที่ดิฉันอ่านในเว๊ป จากกรณีหลายๆ ท่าน ที่ดินของแม่ทั้งหมด มันจะกลายเป็นน้องสาวเค้าได้ครอบครองโดยปรปักษ์แล้ว ถูกต้องไหมค่ะ เพราะทางบ้านดิฉัน(แม่) ไม่เคยสนใจ หรือเรียกร้องในส่วนใดๆๆ เลย จนปล่อยเรื่องราวให้มันยาวขนาดนี้

·         ถ้าน้าเค้าอ้างว่า ดิฉันต้องเอาเงิน จำนวน 350,000 บาท ไปไถ่ หรือซื้อที่ดิน จากหลานชายกลับคืน เค้าจะอ้างได้ไหมค่ะ และถ้าดิฉันซื้อกลับคืนแล้ว ดิฉันสามารถที่จะใส่เป็นชื่อดิฉันทั้งหมดได้ไหมค่ะ

·         หลังจากนั้น ถ้าดิฉันเอาที่ดินทั้งหมดไปเอา ธกส. อีกรอบ ไม่สนใจว่า จะได้ มากกว่า หรือน้อยกว่า 350,000 บาท  แล้วปล่อยให้ขาด ให้ธกส. ยืดเลย จะมีปัญหามาถึงตัวดิฉันไหมค่ะ (ดิฉันต้องการแก้เผ็ดฝ่ายน้าสาวและครอบครัว ซึ่งเห็นแก่ตัวมากๆๆ ค่ะ)



ผู้ตั้งกระทู้ อัญชลี คุ้มงาน (anchalee-at-home-dot-in-dot-th) :: วันที่ลงประกาศ 2011-07-11 18:02:25


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (3301890)

ที่ดินมีชื่อยายเป็นเจ้าของ กฎหมายสันนิษฐานว่าเป็นของยายไม่ใช่ของแม่ เมื่อยายได้โอนไปในระหว่างมีชีวิต ย่อมตกได้แก่ผู้รับโอนโดยเสน่หา เว้นแต่จะมีการพิสูจน์ได้ว่ามีการฉ้อฉลประการใด?

เมื่อน้ารับโอนที่ดินไปแล้วจะนำไปจำนอง หรือโอนให้แก่บุคคลใดก็ได้

ผู้แสดงความคิดเห็น ทนายความ ลีนนท์ วันที่ตอบ 2011-07-22 18:41:03


ความคิดเห็นที่ 2 (3302393)

ดิฉันโดนลูกพี่ลูกน้องของมารดาฟ้องปรปักษ์ที่ดินที่เป็นมรดกของมารดาแปลงหนึ่งซึ่งตอนประมาณปี38บิดาที่ยังมีชีวิตอยู่ยื่นขอเป็นผู้จัดการมรดกและทำเรื่องโอนให้โดยฝ่ายที่ฟ้องไม่มีการคัดค้านและในปี50ดิฉันได้ทำการรังวัดที่ดินซึ่งผู้ฟ้องก็เซ็นชื่อยอมรับเขตข้างเคียงให้แต่พอดิฉันจะให้เช่าที่ดินกลับแจ้งว่าพวกเขาครอบครองมาก่อนดิฉันยอมรับว่ามึนสุดๆในชีวิตเลยค่ะทั้งที่เราถือโฉนดไว้กับมือเสียภาษีเองตลอดตั้งแต่ได้มรดกมาเขายังแจ้งความไม่ให้ดิฉันเก็บผลประโยชน์ในที่ของตัวเองได้ท่านทนายความท่านใดเมตตาชี้ทางออกให้ดิฉันด้วยเถอะค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ไขข้อสงสัย (garakes-at-hotmail-dot-com)วันที่ตอบ 2011-07-27 17:05:21


ความคิดเห็นที่ 3 (3302448)

การที่จะอ้างว่าได้มีการครอบครองปรปักษ์ที่ดินมีโฉนดของผู้อื่นจะต้องพิสูจน์ให้ศาลเชื่อให้ได้ว่าได้ครอบครองที่อย่างเจตนาเป็นเจ้าของ และเปิดเผย สงบ ด้วย การที่จะอ้างว่าครอบครองมาเกิน 10 ปี อย่างเดียวแต่การครอบครองครั้งแรกเป็นไปโดยขออนุญาตแล้ว แม้จะอยู่เกิน 100 ปี ก็ไม่อาจอ้างครอบครองปรปักษ์ได้

กฎหมายให้สันนิษฐานว่า ผู้มีชื่อในทะเบียนหรือโฉนดเป็นเจ้าของที่ดินและมีสิทธิครอบครองจึงมีสิทธิฟ้องขับไล่ได้ครับ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ทนายความ ลีนนท์ วันที่ตอบ 2011-07-28 09:52:24


ความคิดเห็นที่ 4 (3302449)

การพิสูจน์การครอบครองปรปักษ์
แม้การซื้อขายที่ดินจะเป็นโมฆะอันเนื่องมาจากไม่ได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ก็ตาม แต่ถ้าผู้ขายสละการครอบครองและผู้ซื้อได้เข้าครอบครองที่ดินที่ซื้อขายกันโดยสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันเป็นเวลา 10 ปี ก็ได้กรรมสิทธิ์ เมื่อไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่ามีการซื้อขายกันจริงหรือได้ครอบครองที่ดินโดยสงบ เปิดเผย อย่างเป็นเจ้าของ ผู้มีชื่อทางทะเบียนได้รับข้อสันนิษฐานทางกฎหมายว่าเป็นผู้มีสิทธิครอบครองตามกฎหมาย และมีสิทธิฟ้องขับไล่ได้
 
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5929/2552 (อ่านเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่)

 

ผู้แสดงความคิดเห็น * วันที่ตอบ 2011-07-28 09:53:52



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล