บทความที่เกี่ยวข้องน่าจะเป็นประโยชย์
ตามที่คุณต้องการไปเรียนภาษาที่ประเทศอังกฤษ แต่มีความกังวลใจเกี่ยวกับการขอวีซ่าเนื่องจากเคยกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดในขณะที่มีอายุ 17 – 18 ปี โดยศาลพิพากษาให้คุมความประพฤติ และรอการลงโทษเป็นเวลา 2 ปี นั้น
ในการยื่นใบสมัครขอวีซ่านักเรียนไปประเทศอังกฤษนั้น คุณต้องกรอกข้อมูลเกี่ยวกับการต้องคำพิพากษาดังกล่าวด้วย เนื่องจากแบบฟอร์มใบสมัครมีคำถามเกี่ยวกับการต้องคำพิพากษาคดีอาญารวมอยู่ด้วย คุณควรกรอกตามความเป็นจริง เพราะหน่วยงานของรัฐในประเทศไทยมีข้อมูลการกระทำความผิดอาญาดังกล่าวไว้ในฐานข้อมูลระบบคอมพิวเตอร์ของกองทะเบียนประวัติอาชญากร แม้จะเป็นการกระทำความผิดในขณะที่คุณเป็นเยาวชนก็ตาม ส่วนภายหลังเมื่อมีการออกกฎหมายล้างมลทินในปี พ.ศ.2550 ก็มีผลเพียงว่า ผู้ต้องโทษและได้พ้นโทษก่อนหรือในวันที่ กฎหมายนี้ใช้บังคับ ให้ถือว่าบุคคลนั้นไม่เคยถูกลงโทษในกรณีความผิดนั้น ๆ มาก่อนอันจะนำไปเป็นเหตุเพิ่มโทษเมื่อมีการกระทำความผิดอาญาซ้ำอีกเท่านั้น อย่างไรก็ตาม กฎหมายล้างมลทินก็ไม่ได้กำหนดให้หน่วยงานของรัฐต้องล้างข้อมูลการกระทำความผิดอาญาดังกล่าวแต่อย่างใด ดังนั้น ในการกรอกข้อมูลใบสมัครขอวีซ่า คุณจึงต้องกรอกตามความเป็นจริง เพราะภายหลังหากมีการตรวจสอบพบว่าคุณกรอกข้อมูลใดเป็นเท็จ ก็อาจจะถูกห้ามเข้าประเทศอังกฤษเป็นเวลา 10 ปี
ในส่วนการพิจารณาให้วีซ่าเป็นดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่รัฐบาลอังกฤษโดยแท้ แม้คุณเคยต้องโทษคดีอาญาดังกล่าว แต่ก็กระทำเมื่อเป็นเยาวชนซึ่งผ่านมานานประมาณ 13 ปีแล้ว และจำนวนยาเสพติดก็ไม่มากโดยศาลพิพากษาเพียงให้คุมความประพฤติและรอการลงโทษเป็นเวลา 2 ปี ซึ่งเจ้าหน้าที่จะพิจารณาข้อเท็จจริงดังกล่าวประกอบคุณสมบัติและข้อเท็จจริงอื่นๆ ด้วย ดังนั้นในการให้ข้อมูลเป็นลายลักษณ์อักษรหรือในการสัมภาษณ์ที่จะมีขึ้นในอนาคต คุณจึงควรให้รายละเอียดและข้อเท็จจริงเพิ่มเติมทั้งที่เกี่ยวกับการกระทำผิดดังกล่าวรวมตลอดถึงข้อเท็จจริงอื่นๆ อันจะเป็นประโยชน์ในการพิจารณาให้วีซ่าแก่คุณ หากในที่สุด คุณถูกปฏิเสธไม่ได้รับวีซ่าคุณก็อาจอุทธรณ์การปฏิเสธดังกล่าวได้ ซึ่ง สฝคป. ขอแนะนำให้คุณศึกษารายละเอียดการสมัครวีซ่าและการอุทธรณ์ เมื่อถูกปฏิเสธไม่ให้รับวีซ่าจากเว็บไซด์ http://www.bia.homeoffice.gov.uk/
จาก
สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคุ้มครองสิทธิประชาชนระหว่างประเทศ |