ReadyPlanet.com


ถูกพี่ชายโกงเพราะความไว้ใจ คนดีต้องมีชะตากรรมแบบนี้เหรอครับ


เกริ่นนำก่อนครับว่า ที่ดินเป็นของปู่ และปู่มีลูก 3 คน คือ พี่สาวคนโต พี่ชาย และพ่อของผม ต่อมาได้มีนักธุรกิจมาเช่าที่ของปู่ทำกิจการ และให้ผลตอบแทนเป็นค่าเช่า ต่อมาเมื่อปู่และย่าเสีย ก็ได้ให้พี่ชายเป็นผู้จัดการมรดก (พี่สาวไปทำงานที่อื่น) ต่อมาก็ตกลงกันว่าใกล้หมดสัญญาเช่าครอบครัวจะทำธุรกิจนี้ต่อ โดยก่อนหมดสัญญาประมาณ 2 ปี พี่ชายได้ไปกู้เงินเพื่อซื้อกิจการและดำเนินการต่อ (ชื่อผู้กู้คือพี่ชายและพ่อของผม) ด้วยความเจ้าเล่ห์และจอมวางแผน พี่ชายได้ลาออกจากราชการ เพื่อมาเป็นผู้จัดการ โดยอ้างว่าลาออกมาแล้วไม่มีงาน (ไม่ได้มีพี่น้องคนไหนบอกให้ทำซะหน่อยนะครับ) ในตอนนี้พี่สาวคนโตได้ขายที่ดินให้กับพี่ชายและพ่อของผมและไปใช้ชีวิตที่อื่นโดยไม่ยุ่งเกี่ยวแล้ว ดังนั้นที่ดินทุกแปลงที่เป็นที่ตั้งของกิจการ จึงเป็นชื่อร่วมของพี่ชายและพ่อของผม หลังจากการเข้าทำกิจการ ทางพ่อผมได้ตกลงให้พี่ชายเป็นผู้รับใบอนุญาตและเป็นผู้จัดการมรดก  เพราะไว้ใจให้ทำและเห็นว่าเป็นพี่ชาย ต่อมาพี่ชายก็เริ่มแผนการ โดยให้ภรรยาตนเองมาทำการเงิน ตนเองเป็นผู้อำนวยการ พ่อเคยคัดค้าน แต่สุดท้ายก็ด้านมาทำจนได้ แต่เนื่องจากพ่อผมเป็นคนดี และไม่อยากให้ครอบครัวมีปัญหา ก็เลยไม่ว่าอะไร ขอแค่แบ่งส่วนแบ่งกำไรอย่างยุติธรรม การดำเนินกิจการก็ผ่านไปสิบกว่าปี ตลอดเวลาที่ผ่านมา พี่ชายพยายามประกาศตัวเองตลอดว่าเป็น เจ้าของ-ผู้รับใบอนุญาตแต่เพียงผู้เดียว ออกทางสื่อบ้าง ทางสิ่งพิมพ์บ้าง ซึ่งตลอดเวลาสิบกว่าปีพี่ชายชอบอ้างว่ากำไรไม่ค่อยมีบ้าง ฯลฯ เลยแบ่งเงินให้น้อย ปัจจุบันผ่านมา 18 ปี บ้านผมก็ยังคงลุ่มๆดอนๆเหมือนเดิม มีเพียงเงินเดือนที่พี่ชายให้รายเดือน 5 หมื่นบาท และเงินรายปี ปีละ ล้าน(เพิ่งมาให้ 3-4 ปีล่าสุดนี่เองครับ) แต่ทางพี่ชายกลับมีเงินและทรัพย์สินร่วมร้อยล้าน อีกทั้งยังฮุบทำตัวเป็นเจ้าของกิจการเพียงคนเดียว อีกทั้งโฉนดที่เป็นชื่อร่วมยังเอาไปเก็บไว้ไม่เคยให้พ่อผมดูเลย สาเหตุที่ทางครอบครัวผมยังไม่ฟ้องประเด็นคือ  การทำสัญญาในตอนแรกไม่ได้จดทะเบียนเป็นห้างหุ้นส่วน แต่พ่อผมทำสัญญาแค่เป็นคนให้เช่าที่ดินทำกิจการ เพราะพี่ชายเป็นคนต้นคิดและวางแผน เค้าบอกไม่อยากเสียภาษีแพง เราก็เลยยอมตามนั้น(แบบไม่เต็มใจ) ซึ่งทางบ้านผมก็ไม่ได้คิดอะไรแค่ไว้ใจเค้าอยากทำอะไรก็ทำ แต่ตอนนี้มันส่งผลอย่างร้ายแรง การแบ่งผลกำไรไม่ยุติธรรมและพี่ชายทำตัวเป็นเจ้าของคนเดียว สัญญาเช่าที่พ่่อทำไว้อีกประมาณสองปีจะหมด ผมอยากสอบถามว่า

 1.บ้านผมจะเรียกร้องความยุติธรรมอะไรได้บ้าง

2.กิจการจะถูกพี่ชายฮุบไว้คนเดียวหรือไม่เพราะเค้าประกาศตัวมาตลอดและเป็นผู้รับใบอนุญาตทำกิจการ

3.เมื่อหมดสัญญา หากบ้านผมไม่ต่อและขอจดทะเบียนให้ถูกต้องจะทำได้หรือไม่ครับ หากฟ้องร้องจะเสียเปรียบเพราะไปทำสัญญาเป็นแค่ผู้ให้เช่าที่ทำกิจการหรือไม่ครับ อดทนมานานมากละครับ ขอคำปรึกษาด้วยครับ
 



ผู้ตั้งกระทู้ Be Good Man :: วันที่ลงประกาศ 2010-11-10 21:38:46


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (3258770)

1.บ้านผมจะเรียกร้องความยุติธรรมอะไรได้บ้าง

ตอบ--มรดกของปู่ตกได้แก่ทายาท เมื่อไม่ได้เรียกร้องเอา ตามที่บอกมาก็เกิน 10  ปีแล้ว ก็หมดสิทธิครับ

2.กิจการจะถูกพี่ชายฮุบไว้คนเดียวหรือไม่เพราะเค้าประกาศตัวมาตลอดและเป็นผู้รับใบอนุญาตทำกิจการ

ตอบ-- ก็ต้องฟ้องศาลว่า พี่ชายเป็นผู้ดำเนินการแทน ครอบครองทรัพย์สินและกิจการแทน เป็นกรรมสิทธิ์ร่วมของทายาทอื่น ส่วนทางฝ่ายคุณจะมีพยานหลักฐานมากพอที่จะให้ศาลเชื่อหรือไม่ เป็นรายละเอียดที่ต้องไปว่าในชั้นพิจารณาคดี ตอนนี้เป็นข้อมูลที่ฝ่ายคุณให้มาฝ่ายเดียวอาจคลาดเคลื่อนต่อความเป็นจริงอยู่บ้างก็เป็นเรื่องธรรมดา ธรรมชาติของมนุษย์

3.เมื่อหมดสัญญา หากบ้านผมไม่ต่อและขอจดทะเบียนให้ถูกต้องจะทำได้หรือไม่ครับ หากฟ้องร้องจะเสียเปรียบเพราะไปทำสัญญาเป็นแค่ผู้ให้เช่าที่ทำกิจการหรือไม่ครับ อดทนมานานมากละครับ ขอคำปรึกษาด้วยครับ
 

ตอบ--ในข้อนี้ จะตอบได้ต้องมีข้อเท็จจริงมากกว่านี้ครับ ว่าพ่อคุณเป็นผู้ให้เช่าโดยอาศัยสิทธิใด ในเมื่อบอกว่าเป็นทรัพย์มรดกของปู่

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ทนายความ ลีนนท์ วันที่ตอบ 2010-11-11 10:20:05


ความคิดเห็นที่ 2 (3258787)

ขอบคุณมากครับที่ช่วยตอบประเด็นนี้นะครับ ข้อมูลเป็นข้อเท็จจริงทั้งหมด แต่ผมอาจเขียนไม่ชัดเจนต้องขออภัยจริงๆครับ จริงๆแล้วไม่ได้เขียนเพิ่มเติมให้ทางผมดูดีแต่อย่างใดนะครับ ฟังดูเหมือนนิยายไปบ้างแต่ก็คือความจริงนะครับ สรุปคือ

1. หลังจากปู่และย่าเสียไป ที่ดินที่เป็นที่ตั้งของกิจการทั้งหมด ก็โอนเป็นของ พี่สาวคนโต(ป้าผม) พี่ชาย(ลุง) และพ่อผม เป็นชื่อร่วมกัน สามพี่น้อง

2. ภายหลังป้าได้ขายที่ดินในส่วนของตนเองให้กับลุงและพ่อของผม ดังนั้น กรรมสิทธิ์ที่ดินทุกแปลงที่ตั้งกิจการ จึงถูกโอนเป็นชื่อลุงและพ่อผมคู่กันทุก แปลง จึงเป็นที่มาของคำถามข้อที่ 3 ว่า ใช้สิทธิไหนในการเป็นผู้ให้เช่านะครับ นั่นคือเป็นที่รู้กันของสองครอบครัวว่า กิจการนี้เป็นของทั้งสองครอบครัวแล้วในตอนนี้ คือลุงและพ่อผม  และมีพี่ชายเป็นคนบริหาร(เพราะเราไว้ใจให้ทำ)  แต่ไม่ได้จดทะเบียนกิจการเป็นชื่อร่วมแบบห้างหุ้นส่วน(ซึ่งควรจะทำตั้งแต่ตอนนั้น) แต่ทำเป็นสัญญาเช่าให้ทำกิจการแทน โดยพี่ชายเป็นคนทำกิจการและให้พ่อผมเป็นผู้ให้เช่าที่ทำกิจการ ทางกฏหมายเป็นแบบนี้ครับ

3. แต่ข้อเท็จจริงในข้อ 2 คือกิจการเป็นของทั้งลุงและพ่อผม ซึ่งเค้าก็พูดตลอดว่าเป็นกิจการของเรา ของตระกูลเรา แต่ทางปฏิบัติกลับวางแผนไว้ทุกอย่างที่จะทำให้เป็นของตนเองแต่เพียงผู้เดียว

ท้ายนี้ขอขอบคุณ คุณทนายความลีนนท์ มากๆนะครับ ที่ให้ข้อมูลนี้ คุณลีนนท์เป็นทนายคนแรกที่ครอบครัวผมได้ปรึกษาในเรื่องนี้นะครับ เพราะบ้านผมไม่อยากให้เกิดที่สุดคือ การฟ้องร้องกันเองในครอบครัวเรื่องมรดกที่ปู่ทิ้งไว้ให้ ขอบคุณครับ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น Be Good Man วันที่ตอบ 2010-11-11 12:00:26


ความคิดเห็นที่ 3 (3273090)

จากข้อมูลในตอนแรกแจ้งว่าทางพี่ชาย (ลุง) มีทรัพย์สิน เป็น ร้อยล้าน น่าจะเป็นกิจการใหญ่พอสมควร และกิจการแบบนี้ควรจะได้จดทะเบียนนิติบุคคล ถ้ามีการดำเนินกิจการเป็นนิติบุคคลก็น่าจะมีข้อเท็จจริงเกี่ยวกับผู้ถือหุ้น ดังนั้นสิทธิและหน้าที่ของผู้ถือหุ้นของกิจการก็จะเป็นไปตามสัดส่วนของผู้ถือหุ้นครับ

เมื่อกลับไปคำถามเดิมครับ

3.เมื่อหมดสัญญา หากบ้านผมไม่ต่อและขอจดทะเบียนให้ถูกต้องจะทำได้หรือไม่ครับ หากฟ้องร้องจะเสียเปรียบเพราะไปทำสัญญาเป็นแค่ผู้ให้เช่าที่ทำกิจการหรือไม่ครับ อดทนมานานมากละครับ ขอคำปรึกษาด้วยครับ
 

ตอบ--เมื่อพ่อคุณเป็นผู้ให้เช่าและสัญญาเช่าสิ้นสุดลงตามสัญญา การจะต่อสัญญาเช่าหรือไม่ก็เป็นสิทธิของผู้ให้เช่าครับ แต่ตามข้อเท็จจริงที่ให้มา ทางลุงก็เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์รวมอยู่ด้วย ทางลุงอาจใช้สิทธิทางศาลเพื่อขอให้แบ่งกรรมสิทธิ์รวมก็ได้ และการที่จะให้เขารื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากที่ดินที่เป็นกรรมสิทธิ์รวมก็ต้องใช้สิทธิทางศาลเช่นเดียวกันครับ คือฟ้องขังไล่ เพราะถ้าเขาไม่ยอมออกจากที่ดินก็ต้องขอบารมีศาลในที่สุดอยู่ดีครับ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ทนายความ ลีนนท์ วันที่ตอบ 2010-11-14 10:41:45



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล