ReadyPlanet.com


คดีเช่าซื้อรถยนต์


ขอรบกวนสอบถามเรื่องเช่าซื้อรถยนต์ ค่ะ

 เริ่มแรก ปี 48 ป้าและแม่ของดิฉัน ตกลงจะร่วมกันเช่าซื้อรถยนต์ ด้วยกัน แต่ว่าการเช่าซื้อนั้น ใช้ชื่อของดิฉันเป็นคนเช่าซื้อ โดยป้าเป็นคนออกค่าดาวน์รถ 2แสนและแม่ออก7หมื่นรวม270,000 บาท การผ่อนรถ ก็จะมีเงินของป้า3แสนและเงินแม่1แสน รวม 4แสน เงินสี่แสนนี้นำไปให้ลุงกู้ยืมดอกร้อย 3ต่อเดือน ได้ดอกเบี้ย 12000 นำมาเป็นค่าผ่อนรถ จนปัจจุบัน ปี 53 แม่ละป้าเกิดผิดใจทะเลาะกัน ป้ามาทวงรถยนต์คือจากแม่ แต่แม่ไม่ยอม  กรณีเช่นนี้ ป้าสามารถ ฟ้องร้องเรียกรถยนต์คืนได้หรือไม่ได้ ค่ะ   (กรรมสิทธ์ในรถตามเอกสารเป็นชื่อของดิฉันค่ะ แต่รายละเอียดต่างๆเป็นไปตามที่แจ้ง ค่ะ ) จึงอยากเรียนถาม ว่า กรณี ป้าสามารถ ฟ้องร้องเรียกรถยนต์คืนได้ หรือ ไม่

ปล. ตอนนี้ มีจม.ทนายความ แจ้งมา1ฉบับ เพื่อทวงรถคืน แต่ในจม.นั้น แจ้งว่าเป็นเงินป้าทั้งหมด เลยไม่มีเงินแม่เลย ค่ะ



ผู้ตั้งกระทู้ nanree :: วันที่ลงประกาศ 2010-08-16 13:58:19


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (3232357)

การเสนอเงินให้ 360,000 บาท ก็น่าจะสมเหตุสมผล หากพิจารณาจากราคารถยนต์ปัจจุบันในท้องตลาดขายไม่ถึง 360,000 บาท

หากไม่สามารถตกลงกันได้ก็ควรรอให้เขาฟ้องมาแล้วค่อยไปไกล่เกลี่ยกันที่ศาลก็ได้ครับ หรือติดต่อผ่านทนายความ ที่ทำหนังสือมาถึงเราก็ได้ เขาจะได้อธิบายให้ป้าฟัง

 

 

 

 

ยินดีให้คำปรึกษากฎหมาย

ผู้แสดงความคิดเห็น ทนายความ ลีนนท์ วันที่ตอบ 2010-08-17 05:53:35


ความคิดเห็นที่ 2 (3233101)

ขอเรียนถามต่อว่า ถ้ากรณีตกลงกันไม่ได้

1.  ถ้ามีการฟ้องร้องกันจริงๆ ศาลจะพิจารณาจากมูลค่าทรัพย์สินปัจจุบันใช่ไม่ ค่ะ

2. กรณีตามที่แจ้งข้างต้น มีอายุความของทรัพย์สิน หรือไม่ค่ะ คือเหมือนเขาอยากจะฟ้องร้องเพื่อความสะใจเท่านั้นนะค่ะ ถ้าเป็นเครสแบบนี้ ดิฉันมีสิทธิทำอะไร ได้บ้างแล้วมีสิทธ์ชนะคดีได้มากน้อยเพียงใด

3. การที่ทนายความส่งจม.ให้ดิฉัน1 ฉบับ (คู่กรณีเพราะเมีกรรมสิทธ์ในรถ)และส่งให้แม่ดิฉันอีก1ฉบับ เช่นนี้ถือว่ากระทำได้หรือไม่ ได้ยินป้าเขาบอกว่าอยากจะประจานแม่ นะค่ะ

ขอบคุณอย่างสูง ค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น nanree วันที่ตอบ 2010-08-18 13:36:16


ความคิดเห็นที่ 3 (3233252)

1.  ถ้ามีการฟ้องร้องกันจริงๆ ศาลจะพิจารณาจากมูลค่าทรัพย์สินปัจจุบันใช่ไม่ ค่ะ

ตอบ---- ต้องดูที่คำฟ้องก่อนครับว่าเขาตั้งเรื่องฟ้องมาว่าอย่างไรเพราะชื่อรถยนต์ตามที่บอกมามีชื่อคุณเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์อยู่ ดังนั้น ควรจัดการปัญหาต่าง ๆ ตามความเป็นจริงดีที่สุด ใครออกเงินมาเท่าไหร่ ใครใช้ประโยชน์มากน้อยกว่ากัน ความเป็นญาติกันน่าจะรักษาไว้ หากต้องแตกหักเพราะเรื่องเงินทองก็เป็นเรื่องน่าเสียหายครับ

2. กรณีตามที่แจ้งข้างต้น มีอายุความของทรัพย์สิน หรือไม่ค่ะ คือเหมือนเขาอยากจะฟ้องร้องเพื่อความสะใจเท่านั้นนะค่ะ ถ้าเป็นเครสแบบนี้ ดิฉันมีสิทธิทำอะไร ได้บ้างแล้วมีสิทธ์ชนะคดีได้มากน้อยเพียงใด

ตอบ-- การมีชื่อของคุณเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ เป็นการถือครองแทนแม่+ป้า ดังนั้นรถยนต์เป็นกรรมสิทธิ์รวมของแม่+ป้า เมื่อเจ้าของที่แท้จริงเขาจะเรียกทรัพย์คืนก็ย่อมได้ตลอดไป ไม่มีอายุความครับ (ความเห็น)

เรื่องแพ้-ชนะคดี อย่าให้ตอบเลยครับ เพราะมีองค์ประกอบมาก ยังขอยืนยันว่าทุกคนควรได้สิทธิตามที่ได้ออกเงินไป เพียงแต่ตกลงกันให้ได้ว่า ค่าเสื่อมราคาของรถยนต์ใครจะเสียมากกว่ากัน การมีเรื่องถึงโรงถึงศาลไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุด หากตกลงกันเองได้ ประหยัดเวลาและเงินทองมาก และประการสำคัญ ขอให้รักษาความเป็นญาติไว้น่าจะมีค่ามากกว่าเงินทอง (ความเห็นนะ)

3. การที่ทนายความส่งจม.ให้ดิฉัน1 ฉบับ (คู่กรณีเพราะมีกรรมสิทธ์ในรถ)และส่งให้แม่ดิฉันอีก1ฉบับ เช่นนี้ถือว่ากระทำได้หรือไม่ ได้ยินป้าเขาบอกว่าอยากจะประจานแม่ นะค่ะ

ตอบ---- ทำได้ครับ เขาอยากได้เงินเขาคืน แต่เขาอาจจะเรียกมากไป หรือเกินสิทธิที่มีอยู่หรือไม่อย่างไร ก็เป็นเรื่องที่ศาลเป็นผู้ชี้ขาด แต่การส่งจดหมายมีสิทธิทำได้ครับ เพราะหากการส่งจดหมายทำให้คุณเสียหายอย่างไรคุณก็มีสิทธิเรียกให้ชดใช้ค่าเสียหายได้เช่นกัน

 

 

ยินดีให้คำปรึกษากฎหมาย

ผู้แสดงความคิดเห็น ทนายความ ลีนนท์ วันที่ตอบ 2010-08-18 16:37:26



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล