ReadyPlanet.com


ให้ทุกอย่างแล้ว.... แต่ยังโดนก่อกวน


เรียนท่านทนาย  รบกวนขอคำแนะนำค่ะ

สามีของดิฉันเคยมีครอบครัวมาก่อนแล้ว และมีบุตรกับคู่สมรสเดิมจำนวน 2 คนและได้มีข้อตกลงกันก่อนที่จะไปจดทะเบียนหย่าคือให้เงินก้อนนึงสำหรับคู่สมรสเก่า เนื่องจากชีวิตคู่เดิมนั้น ฝ่ายหญิงให้เหตุผลว่า แม้ฝ่ายชายจะมีหน้าที่การงานและหาเงินเลี้ยงครอบครัวได้แต่ไม่สามารถทนต่อนิสัยการชอบดื่มสุราของฝ่ายชายได้ แม้ฝ่ายชายจะพยายามปรับปรุงนิสัยตนเองแล้วก็ตาม แต่ฝ่ายหญิงก็ยืนยันว่า จากนี้ไปไม่สามารถใช้ชีวิตคู่ร่วมกันต่อไปได้ (เหตุผลของแยกทางกันคือปัญหาการดำเนินชีวิตคู่ของฝ่ายหญิง และฝ่ายชาย  ดิฉันไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องราวก่อนหน้านี้ค่ะ)  ฝ่ายหญิงจึงขอหย่า และขอเป็นผู้เลี้ยงดูบุตรทั้ง 2 คนเพียงฝ่ายเดียว โดยขอให้ฝ่ายชายส่งค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรทั้ง 2 คนเดือนละ 6,000.- จนกว่าบุตรทั้ง 2 คนจะอายุครบ 20 ปี (ทั้ง 2 ฝ่ายได้แยกกันอยู่ตั้งแต่พฤษภาคม 2553 โดยบุตรทั้ง 2 คนอยู่ในความดูแลของฝ่ายหญิง)

เมื่อ 27 มค. 2554 ได้จดทะเบียนหย่า (ด้วยวิธีตกลงกันเอง ไม่ได้มีการฟ้องร้องต่อศาลใดๆ)  โดยมีบันทึกแนบท้ายทะเบียนหย่าคือให้

1.ทั้งคู่หย่ากันด้วยความสมัครใจ ได้นำหนังสือสัญญาการหย่า มาแสดงและได้แนบติดพร้อมบันทึกนี้แล้ว

2. คู่หย่าได้แต่งงานอยู่กินกันมา 8 ปี มีบุตร 2 คน ได้แก่ XXX โดยให้บุตรทั้ง 2 คนอยู่ในอำนาจปกครองของมารดา

3. มีทัพย์สิน ได้แก่   ไม่ประสงค์จะบันทึก

4. มีหนี้สิน ได้แก่ ไม่ประสงค์จะบันทึก

ให้นาย XX ฝ่ายชาย จ่ายค่าเลี้ยงดูบุตรทั้ง 2 คนเดือนละ 6,000.- จนกว่าบุตรทั้ง 2 คนจะอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ หรือจนกว่านาง XXX ฝ่ายหญิง แต่งงานจดทะเบียนสมรสใหม่ ให้นาย XXX ฝ่ายชายจ่ายค่าเลี้ยงดูบุตรเหลือเดือนละ 3,000.- จนกว่าบุตรทั้ง 2 คนอายุครบ 20 ปี

การใช้คำนำหน้า ฝ่ายหญิง ประสงค์จะใช้คำว่านางสาว

และเมื่อจดทะเบียนหย่าแล้วฝ่ายชายก็นำส่งค่าอุปการะเดือนละ 6,000.- มาทุกๆ เดือน (แต่ไม่ได้เก็บ สลิปการโอนไว้) และนอกจากค่าอุปการะเลี้ยงดูดังกล่าวแล้วนั้น หากฝ่ายหญิงร้องเรียกเงินเพื่อการอื่นใดๆ สำหรับบุตรทั้ง 2 คนเพิ่มอีกต่างหาก หากฝ่ายชายมีกำลังให่้ได้ก็จะให้ตามความเหมาะสม เช่น ชุดนักเรียน ค่าเทรม ค่าเล่าเรียนต่างๆ หรือของต่างๆ ที่บุตรต้องการ 

หลังจากที่ต่างฝ่ายต่างแยกกันอยู่   ฝ่ายชายและดิฉันก็เริ่มคบหาดูใจกัน และตกลงแต่งงานกันเมื่อ ต้นปีที่ผ่านมา โดยเมื่อ 20 เมษายน 2555 ที่ผ่านมาดิฉันและสามีได้ไปจดทะเบียนสมรสกัน ซึ่งทางกฎหมายน่าจะถือว่าเป็นการเริ่มชีวิตคู่ใหม่ของฝ่ายชายแล้ว โดยทั้งนี้การส่งค่าอุปการะแก่บุตรทั้ง 2 คน ก็ยังคงส่งให้เช่นเดิมไม่เคยขาด มิหน่ำซ้ำ ยังให้มากกว่าเดิมอีกเพราะทางฝ่ายหญิงนั้นเดี๋ยวก็ขอค่านู้น นี้ นั้น โดยใช้บุตรเป็นข้ออ้างตลอด แม้บางเรื่องที่สามีและดิฉันเห็นว่าไม่สมควร แต่สุดท้ายแล้วดิฉันก็จะเป็นคนดำเนินการโอนหรือจัดหาสิ่งของที่ฝ่ายหญิงเรียกร้องให้เสมอ (โดยฝ่ายหญิงไม่รู้ว่าดิฉันเป็นคนโอนหรือจัดหาให้ ที่ดิฉันให้เพราะก่อนหน้านี้เราเคยรู้จักกันมาก่อน ดิฉันก็รักน้อง น้องก็รักดิฉัน      หากฝ่ายหญิงบอกว่าเป็นการให้น้อง ดิฉันก็จะดำเนินการให้ แม้บางครั้งจะเป็นการกระทำโดยที่สามีของดิฉันไม่ทราบเลยก็มี  เพราะบางครั้งที่ฝ่ายหญิงร้องขอมา แต่สามีของดิฉันไม่เห็นด้วย เค้าก็จะไม่ให้ พร้อมกับบอกดิฉันว่าเป็นการสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ เช่น 23.30 น. ฝ่ายหญิงโทรมาขอเงิน 4,000.- เพื่อจะซื้อโทรศัพท์มือถือให้แก่บุตรที่มีอายุ 3 ขวบ สามีของดิฉันก็ตอบฝ่ายหญิงไปว่าไม่มีเหตุผลจำเป็นที่เด็กอายุ 3 ขวบจะใช้ ผมไม่ให้คุณ แต่เมื่อดิฉันได้ยิน ดิฉันก็จะแอบโอนเงินให้ฝ่ายหญิง)

ย้อนเวลากลับไปประมาณ 2 เดือนหลังนี้ ฝ่ายหญิงเริ่มก่อกวนและวุ่นวายมากขึ้นเรื่อยๆ เช่น การโทรศัพท์มาหาสามีของดิฉันทุกวัน บางวันก็หลายครั้งมาก หรือแม้กระทั่งการโทรศัพท์มาหาในยามวิกาล  โดยจะใช้บุตรเป็นข้ออ้างเช่นเคย (ทั้งๆ ที่ไม่ใช่เหตุผลที่สมควร)  นอกจากนี้ยังมีการส่งข้อความหวานๆ เช่นคนรักกันทำกัน แต่เมื่อสามีดิฉันถามกลับไปว่าส่งข้อความหวานๆ มาเพื่ออะไร คุณรู้ใช่มั๊ยว่าผมมีครอบครัวใหม่แล้ว  ฝ่ายหญิงก็จะบอกว่า ไม่ได้ทำ แต่จะบอกว่าเป็นคนอื่นทำ (ทั้งๆ ที่ เรามีหลักฐาน) จนเมื่อวานนี้ฝ่ายหญิงก็ยังโทรมาหาสามีของดิฉันอีก  และสามีดิฉันได้บอกว่า ถ้าไม่มีเรื่องของบุตรไม่ต้องโทรมาก่อกวน ถ้าไม่งั้นจะไม่ให้ค่าอุปการะและอื่นๆ ที่ร้องขออีก   เพราะสามีของดิฉันเป็นห่วงความรู้สึกของดิฉัน ไม่อยากให้ชีวิตคู่ที่มีอยู่ต้องสั่นครอนอีก  ยิ่งบอกก็เหมือนยิ่งยุค่ะ เพราะยิ่งบอกว่า ไม่ให้เค้าโทรมาก่อกวน  เค้ายิ่งโทรมาก่อกวน

(ดิฉันขอร้องให้สามีของดิฉัน รับโทรศัพท์ฝ่ายหญิงทุกครั้ง เพราะน้องทั้ง 2 คนอยู่ในความดูแลของเค้า เราจะรู้ความเป็นอยู่ของน้องทั้ง 2 คนได้ก็คือจากเค้า   หากแม้กระทั้งแค่ครั้งเดียวที่สามีของดิฉันไม่รับโทรศัพท์ของฝ่ายหญิงเค้า มันอาจจะเป็นครั้งเดียวที่จะทำให้เราเสียใจไปตลอดชีวิตก็ได้ หากการติดต่อมาในครั้งนั้นมันสำคัญยิ่ง   เพราะเราไม่อาจรู้ได้ว่าการติดต่อครั้งไหนจะเป็นเรื่องอะไร  ดังนั้นขอร้องให้รับการติดต่อจากเค้าทุกครั้ง)

เข้าใจว่าฝ่ายหญิงต้องการก่อกวนให้ชีวิตคู่ของดิฉันไม่มีความสุข   ก็ในเมื่อที่ผ่านมาก็คิอความต้องการของฝ่ายหญิงเค้าทุกอย่าง  และเค้าคงเห็นว่า พอสามีของดิฉันแต่งงานมาอยู่กินกับดิฉันแล้ว เค้ามีชีวิตที่เป็นอยู่ดีกว่าตอนที่อยู่กับเค้า

ลืมบอกค่ะ ว่าปัจจุบันบุตรคนโตอยู่กับยายที่อยู่จังหวัดเดียวกับที่สามีของดิฉันและดิฉันอยู่ หากมีโอกาสสามีของดิฉันและดิฉันก็จะไปรับมาเที่ยวและซื้อของให้ตามโอกาส     สำหรับตัวฝ่ายหญิงและบุตรคนเล็กได้ไปทำกิจการค้าขายและเรียนหนังสืออยู่ที่ต่างจังหวัดค่ะ

สามีของดิฉันและดิฉันจะต้องทำอย่างไรค่ะ ถ้าอยากจะไม่ให้ฝ่ายหญิงเค้าก่อกวนและวุ่นวายแบบนี้ เพราะพูดด้วยดีๆ แล้วก็แล้ว และพอพูดแบบมีเงื่อนไง เค้าก็จะอ้างว่าเค้ามีหมายศาลและบุตรอยู่ในการดูแลของเค้านะ



ผู้ตั้งกระทู้ ฟ้าสีเทา :: วันที่ลงประกาศ 2012-06-18 10:40:17


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (3342524)

เมื่อได้อ่านข้อความทั้งหมดแล้วพอสรุปได้ว่า อดีตภริยาโทรมาหาสามีเพื่อก่อความรำคาญเท่านั้น เมื่อสามีของคุณตัดสินใจเด็ดขาดแล้วว่าจะไม่มีเยื่อใยในทางชู้สาวและความสัมพันธ์ฉันครอบครัวอีกต่อไป เห็นว่าน่าจะไม่ใช่ปัญหายุ่งยากที่จะหาทางหลีกเลี่ยงปัญหาได้ และสามีของคุณคงหาทางที่จะยุติปัญหาต่าง ๆ ได้ เพราะเป็นเรื่องต่อเนื่องจากความสัมพันธ์เดิมของสามีคุณ ขอเวลาให้สามีคุณได้มีเวลาจัดการปัญหาและเชื่อว่าอดีตภริยาน่าจะเลิกราไปเองเมื่อวิธีการของเขาไม่สร้างความแตกแยกให้ครอบครัวใหม่ของคุณ เป็นธรรมดาที่คุณจะร้อนใจในเรื่องนี้ แต่ทุกอย่างจะจบลงด้วยดีด้วยระยะเวลา ขอให้อดทนครับ 

ผู้แสดงความคิดเห็น ทนายลีนนท์ วันที่ตอบ 2012-08-19 12:04:42



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล