ReadyPlanet.com
dot
ประมวลกฎหมาย
dot
bulletป.แพ่งและพาณิชย์
bulletพระราชบัญญัติ
bulletความรู้กฎหมาย
bulletสำนัก,ทนาย,ทนายความ
bulletแบบฟอร์มสัญญา
bulletปรึกษากฎหมาย
bulletวิชาชีพทนายความ
bulletข้อบังคับสภาทนายความ
bulletคำพิพากษาฎีกา
bulletเช่าซื้อขายฝากซื้อขาย
bulletเกี่ยวกับคดีอาญา
bulletเกี่ยวกับ วิ.แพ่ง
bulletคดีเกี่ยวกับวิ.อาญา
bulletคำพิพากษารวม
bulletครอบครองปรปักษ์
bulletการสิ้นสุดการสมรส
dot
Newsletter

dot




การโอนการครอบครอง | อำนาจฟ้อง

   -ปรึกษากฎหมาย

     ทนายลีนนท์ พงษ์ศิริสุวรรณ โทร.085-9604258

      ทนายเอกชัย อาชาโชติธรรม โทร.083-1378440

   -ปรึกษากฎหมายผ่านทางไลน์ ไอดีไลน์   

   (1) @leenont 

   (2) @peesirilaw  

   (3) 0859604258 เพิ่มด้วยหมายเลขโทรศัพท์

  -Line Official Account : เพิ่มเพื่อน QR CODE

 

การโอนการครอบครอง | อำนาจฟ้อง

ในเรื่องการโอนการครอบครองและอำนาจฟ้องของโจทก์ คดีฟังได้ว่า ที่ดินเป็นของสุขาภิบาลอำเภอและให้ผู้อื่นเช่า ผู้เช่าให้ผู้ขายอยู่ในที่ดินโดยอาศัยสิทธิการเช่าของผู้เช่า ดังนั้นแม้ผู้ขายที่ดินจะได้ขายให้โจทก์จริง ผู้ขายก็ไม่มีสิทธิครอบครองที่จะโอนให้โจทก์ได้ โจทก์จึงไม่ได้สิทธิครอบครองที่ดิน เมื่อโจทก์ไม่ใช่ผู้มีสิทธิครอบครองจึงไม่มีอำนาจฟ้อง

ศาลวินิจฉัยว่าโจทก์อยู่ในที่ดินโดยอาศัยสิทธิการเช่าของผู้อื่น คดีนี้โจทก์มีพยานบุคคลเข้าเบิกความลอย ๆ ว่า ได้มีการซื้อขายที่ดินต่อกันมาเป็นทอด ๆ แต่ไม่มีสัญญาซื้อขายมาแสดง ได้ความว่าโจทก์ซื้อที่ดินมาจากนายเต็งลิ้ม แต่พยานจำเลยเบิกความฟังได้ว่า นายเต็งลิ้ม เป็นผู้เช่าที่ดินจากจำเลย ดังนั้นถ้านายเต็งลิ้มซื้อมาอีกทอดหนึ่งจริงก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเช่าที่ดินจากจำเลย 

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 693/2534

   จำเลยเป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาท ได้ให้ ต. เช่า ต.ให้อ.อาศัยอยู่ในที่ดินพิพาทดังนั้นแม้อ. จะขาย ที่ดินพิพาทให้โจทก์จริง อ. ก็ไม่มีสิทธิครอบครองที่จะโอนให้ โจทก์ โจทก์จึงไม่ได้สิทธิครอบครองที่ดินพิพาทและไม่มีอำนาจฟ้องจำเลย

  โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาท โดยซื้อมาจากนายอารมย์ จูวัฒนาสำราญ ผู้ครอบครอง และทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทมาตั้งแต่ พ.ศ. 2500 ต่อมาจำเลยที่ 2 ได้สมคบกับนายอำเภอบรบือยื่นคำขอจับจองที่ดินพิพาท นายอำเภอบรบือได้ออกใบจองให้ ในวันเดียวกันจำเลยที่ 2 ได้ยื่นคำขอให้ออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ในที่ดินพิพาท ต่อมาอำเภอบรบือได้ออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้ จำเลยที่ 2 ได้ทำสัญญายกที่ดินพิพาทให้แก่จำเลยที่ 1 โดยเสน่หา การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นการฉ้อฉลเพื่อให้ที่ดินของนายอารมย์ตกเป็นของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 ได้ก่อสร้างตลาดสดและถนนในที่ดินพิพาท โดยไม่ได้รับอนุญาต ทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้มีคำพิพากษาแสดงว่าโจทก์เป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาท เพิกถอนนิติกรรมที่จำเลยทั้งสองทำขึ้นทุกฉบับ ห้ามจำเลยที่ 1 ก่อสร้างตลาดสดและถนนในที่ดินพิพาทและให้จำเลยที่ 1 ออกจากที่ดินพิพาท จำเลยทั้งสองให้การว่าโจทก์ไม่มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทจึงไม่ถูกโต้แย้งสิทธิ ไม่มีอำนาจฟ้อง ฟ้องโจทก์เป็นฟ้องซ้ำ โจทก์นำคดีมาฟ้องเกิน 1 ปีนับแต่ถูกแย่งการครอบครอง โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง ขอให้ยกฟ้องศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนโจทก์ฎีกา

 ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "พิเคราะห์แล้ว ข้อที่ต้องวินิจฉัยตามที่โจทก์ฎีกามีว่า โจทก์มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทหรือไม่โจทก์นำสืบว่า เดิมที่ดินพิพาทเป็นที่ดินมือเปล่า มีจ่าสิบตำรวจโต๊ะเป็นผู้ครอบครอง จ่าสิบตำรวจโต๊ะขายที่พิพาทให้แก่นายแป๊ะกุ่ย แซ่โค้ว ในราคา 2,000 บาท นายแป๊ะกุ่ยขายให้นายอารมย์ 10,000 บาท และนายอารมย์ขายให้โจทก์ในราคา 400,000 บาท โจทก์ไม่ได้เข้าครอบครองที่ดินพิพาทโดยให้นายอารมย์เช่าปีละ 5,000 บาท จำเลยนำสืบว่า เดิมที่ดินพิพาทเป็นของจ่าสิบตำรวจโต๊ะจ่าสิบตำรวจโต๊ะยกให้แก่อำเภอบรบือ อำเภอบรบือให้นายเต็งลิ้มเช่าปีละ 500 บาท ต่อมาเมื่อมีการจัดตั้งสุขาภิบาลอำเภอบรบือจำเลยที่ 1 ขึ้น ทางอำเภอบรบือจึงยกที่ดินพิพาทให้แก่จำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 ยังคงให้นายเต็งลิ้มเช่าตลอดมา ในพ.ศ. 2511 คณะกรรมการของจำเลยที่ 1 เห็นว่าที่ดินพิพาทยังไม่มีหนังสือแสดงสิทธิ จึงประชุมและลงมติให้จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นกรรมการของจำเลยที่ 1 ไปดำเนินการจำเลยที่ 2 ได้ยื่นคำขอจับจองที่ดินพิพาทและขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ที่ดินพิพาท เมื่อเจ้าพนักงานที่ดินได้ดำเนินการตามระเบียบแล้ว ได้ออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ที่ดินพิพาทให้แก่จำเลยที่ 2 ซึ่งจำเลยที่ 2 ได้ทำการโอนใส่ชื่อจำเลยที่ 1 ลงในหนังสือรับรองการทำประโยชน์ทันที เห็นว่า นอกจากจำเลยจะมีนายไมตรี ไนยะกูล นายประถม ศิริมาลา นายจำนูญ กาวิละ ซึ่งเคยรับราชการในตำแหน่งนายอำเภอบรบือ และเป็นประธานกรรมการของจำเลยที่ 1 เข้าเบิกความยืนยันข้อเท็จจริงดังกล่าวนี้แล้วยังมีเอกสารซึ่งแสดงว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้ครอบครองที่ดินพิพาทคือ หนังสือรับรองการทำประโยชน์ หลักฐานการขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ของจำเลยที่ 2 หลักฐานที่จำเลยที่ 2 ยกที่ดินพิพาทให้แก่จำเลยที่ 1 ปรากฏตามเอกสารหมาย ล.1 และ ล.7 นอกจากนี้จำเลยยังมีเอกสารซึ่งแสดงว่านายเต็งลิ้มเป็นผู้เช่าที่ดินพิพาทจากจำเลยที่ 1 ปรากฏตามเอกสารหมาย ล.2 ล.3 ล.8 และ ล.9 ส่วนโจทก์มีแต่พยานบุคคลเข้าเบิกความลอย ๆ ว่า ได้มีการซื้อขายที่ดินพิพาทต่อกันมาเป็นทอด ๆ แต่ไม่มีสัญญาซื้อขายมาแสดงนอกจากนั้นนายอารมย์เบิกความว่า นายอารมย์ร่วมกับนายเต็งลิ้มซื้อที่ดินพิพาทจากนายแป๊ะกุ่ย ซึ่งถ้าคนทั้งสองซื้อที่ดินพิพาทจากนายแป๊ะกุ่ยจริง นายเต็งลิ้มก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเช่าที่ดินพิพาทจากผู้ใด ส่วนที่นายอารมย์ยังไม่ได้ขอหนังสือรับรองการทำประโยชน์นั้น นายอารมย์อ้างว่านายเต็งลิ้มเป็นคนต่างด้าวไม่อาจมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินได้ จึงตกลงว่ารอให้ลูกชายของนายเต็งลิ้มโตเสียก่อนจึงจะไปขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ เพื่อจะได้ใส่ชื่อลูกชายของนายเต็งลิ้มลงในหนังสือรับรองการทำประโยชน์ เห็นว่า เป็นข้ออ้างที่ปราศจากเหตุผล เพราะหากนายอารมย์ซื้อที่ดินพิพาทจริงนายอารมย์ก็สามารถที่จะขอให้ทางราชการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ในชื่อของตนเองก่อนได้ และเมื่อลูกชายนายเต็งลิ้มโต จะเพิ่มชื่อลงในหนังสือรับรองการทำประโยชน์ก็ย่อมทำได้ พยานหลักฐานของจำเลยทั้งสองมีน้ำหนักมากกว่าพยานหลักฐานของโจทก์ คดีฟังได้ว่า ที่ดินพิพาทเป็นของจำเลยที่ 1 และให้นายเต็งลิ้มเช่า นายอารมย์อยู่ในที่ดินพิพาทโดยอาศัยสิทธิการเช่าของนายเต็งลิ้ม ดังนั้นแม้นายอารมย์ขายที่ดินพิพาทให้โจทก์จริง นายอารมย์ก็ไม่มีสิทธิครอบครองที่จะโอนให้โจทก์ได้ โจทก์จึงไม่ได้สิทธิครอบครองที่ดินพิพาทเมื่อโจทก์ไม่ใช่ผู้มีสิทธิครอบครองจึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสองศาลล่างทั้งสองศาลพิพากษายกฟ้องโจทก์ชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น"
               พิพากษายืน

ป.พ.พ. มาตรา 1378, 1402

  มาตรา 1378 การโอนไปซึ่งการครอบครองนั้น ย่อมทำได้โดยส่งมอบทรัพย์สิน ที่ครอบครอง
       มาตรา 1402 บุคคลใดได้รับสิทธิอาศัยในโรงเรือน บุคคลนั้นย่อมมี สิทธิอยู่ในโรงเรือนนั้นโดยไม่ต้องเสียค่าเช่า

ป.วิ.พ. มาตรา 55

มาตรา 55 เมื่อมีข้อโต้แย้งเกิดขึ้น เกี่ยวกับสิทธิหรือหน้าที่ของ บุคคลใดตามกฎหมายแพ่ง หรือบุคคลใดจะต้องใช้สิทธิทางศาล บุคคลนั้นชอบที่จะเสนอคดีของตนต่อศาลส่วนแพ่งที่มีเขตอำนาจได้ ตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายแพ่งและประมวลกฎหมายนี้




กรรมสิทธิ์ทรัพย์สินสิทธิครอบครอง

บุคคลใดยึดถือที่ดินมีเจตนายึดถือเพื่อตนย่อมได้สิทธิครอบครอง
ยึดถือที่ดินเพื่อตนกับมีชื่อในทะเบียนสิทธิใดดีกว่า?
เจ้าของที่ดินไม่ได้ไประวังแนวเขต
ตัดไม้ประดู่ในที่ดิน ส.ป.ก. 4-01 จำคุก 6 เดือน
สิทธิเหนือพื้นดินจะได้มาก็แต่โดยนิติกรรมเท่านั้น
สิทธิครอบครองที่ดินของรัฐ
สร้างบ้านโดยอาศัยสิทธิไม่ตกเป็นส่วนควบ
อำนาจฟ้องขับไล่ผู้มีสิทธิอาศัย
อายุความหนึ่งปี | แย่งการครอบครอง
สิทธิครอบครอง | อำนาจฟ้องขับไล่