

นายจ้างมอบอำนาจบังคับบัญชาให้ผู้อื่น นายจ้างมอบอำนาจบังคับบัญชาให้ผู้อื่น บริษัทนายจ้างจ้างลูกจ้างทำงานในตำแหน่งวิศวกร บริษัทนายจ้างประกอบกิจการออกแบบและเป็นที่ปรึกษาโครงการก่อสร้างท่อก๊าซ บริษัทนายจ้างรับงานเป็นที่ปรึกษาให้กับบริษัทวอร์เลย์... บริษัทนายจ้างได้ส่งลูกจ้างไปทำงานให้กับบริษัทวอร์เลย์...ต่อมาเมื่องานเสร็จทางบริษัทวอร์เลย์...แจ้งให้บริษัทนายจ้างทราบว่าการปฏิบัติงานของลูกจ้างเสร็จสิ้นแล้ว จึงเป็นการส่งตัวลูกจ้างคืนบริษัทนายจ้างไม่ใช่เป็นการบอกเลิกสัญญาจ้าง และบริษัทนายจ้างเป็นผู้จ่ายค่าตอบแทนในการทำงานของลูกจ้างในขณะทำงานกับบริษัทวอร์เลย์...ค่าตอบแทนนั้นเป็นการจ่ายตอบแทนการทำงานตามสัญญาจ้างระหว่างบริษัทนายจ้างกับลูกจ้างสำหรับระยะเวลาการทำงานปกติของบริษัทนายจ้างจึงเป็นค่าจ้าง การที่ลูกจ้างต้องปฏิบัติตามคำสั่งของบริษัทวอร์เลย์..ก็เป็นการที่บริษัทนายจ้างมอบอำนาจบังคับบัญชาให้ใช้แทนในระหว่างที่ปฏิบัติงานกับบริษัทวอร์เลย์... มาตรา 575 อันว่าจ้างแรงงานนั้นคือสัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่งเรียกว่าลูกจ้างตกลงจะทำงานให้แก่บุคคลอีกคนหนึ่งเรียกว่านายจ้างและนายจ้างตกลงจะให้สินจ้างตลอดเวลาที่ทำงานให้ คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4970/2552 จำเลยมีวัตถุประสงค์หลักคือประกอบกิจการออกแบบและเป็นที่ปรึกษาโครงการก่อสร้างท่อก๊าซ จำเลยรับจ้างเป็นวิศวกรที่ปรึกษาออกแบบในโครงการท่อส่งก๊าซให้บริษัท ว. จำเลยจ้างโจทก์เป็นวิศวกรและส่งโจทก์ไปทำงานในโครงการดังกล่าวของบริษัท ว. จำเลยเป็นผู้จ่ายค่าตอบแทนในการทำงานที่โจทก์ไปทำงานที่บริษัท ว. ให้โจทก์ตลอดมา อันเป็นการจ่ายค่าตอบแทนการทำงานตามสัญญาจ้างระหว่างโจทก์กับจำเลยสำหรับระยะเวลาการทำงานปกติของโจทก์จึงเป็นค่าจ้าง การที่โจทก์ต้องปฏิบัติตามคำสั่งและการบังคับบัญชาของบริษัท ว. นั้น เป็นกรณีที่จำเลยมอบอำนาจบังคับบัญชาบางส่วนของตนไปให้บริษัท ว. ใช้แทนจำเลยในระหว่างที่โจทก์ไปปฏิบัติงานตามคำสั่งของจำเลยเพื่อให้งานสำเร็จลุล่วงไปตามสัญญาจ้างระหว่างจำเลยกับบริษัท ว. เมื่องานออกแบบเสร็จสิ้นลง บริษัท ว. มีหนังสือถึงจำเลยแจ้งว่าการปฏิบัติงานของโจทก์สิ้นสุดลง เป็นกรณีที่บริษัท ว. แจ้งส่งตัวโจทก์คืนให้จำเลย แสดงว่าอำนาจในการเลิกจ้างโจทก์ยังคงอยู่ที่จำเลย หาได้ทำให้จำเลยไม่มีอำนาจบังคับบัญชาโจทก์แต่อย่างใดไม่ โจทก์จึงเป็นลูกจ้างของจำเลย โจทก์ฟ้องว่า ขอให้บังคับจำเลยจ่ายค่าล่วงเวลา 1,748 บาท ค่าทำงานในวันหยุด 18,664 บาท และค่าชดเชย 210,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี และจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า 70,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ จำเลยให้การและแก้ไขคำให้การว่า ขอให้ยกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา พิพากษายกคำพิพากษาศาลแรงงานกลาง ย้อนสำนวนไปให้ศาลแรงงานกลางพิจารณาในประเด็นค่าชดเชย สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า ค่าล่วงเวลา และค่าทำงานในวันหยุด แล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 243 (3) (ข) ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 31 |