ReadyPlanet.com
dot
ประมวลกฎหมาย
dot
bulletป.แพ่งและพาณิชย์
bulletพระราชบัญญัติ
bulletความรู้กฎหมาย
bulletสำนัก,ทนาย,ทนายความ
bulletแบบฟอร์มสัญญา
bulletปรึกษากฎหมาย
bulletวิชาชีพทนายความ
bulletข้อบังคับสภาทนายความ
bulletคำพิพากษาฎีกา
bulletเช่าซื้อขายฝากซื้อขาย
bulletเกี่ยวกับคดีอาญา
bulletเกี่ยวกับ วิ.แพ่ง
bulletคดีเกี่ยวกับวิ.อาญา
bulletคำพิพากษารวม
bulletครอบครองปรปักษ์
bulletการสิ้นสุดการสมรส
bulletการใช้กฎหมายอาญา
bulletคดียาเสพติดให้โทษ
dot
Newsletter

dot




สัญญาจ้างแรงงานนายจ้างมีอำนาจบังคับบัญชา

สัญญาจ้างแรงงานนายจ้างมีอำนาจบังคับบัญชา

ข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของนายจ้างที่ให้ลูกจ้างปฏิบัติตาม มีวันเวลาทำงานวันใด วันหยุดวันใด หากไม่อาจมาทำงานได้จะต้องปฏิบัติอย่างไร หากไม่ปฏิบัติตามนั้นจะมีผลอย่างไร ซึ่งเป็นการใช้อำนาจบังคับบัญชาในการปฏิบัติงานของลูกจ้างโดยแท้ หาใช่ ลูกจ้างทำงานได้โดยอิสระเพียงเพื่อให้ได้ผลสำเร็จของงานเท่านั้นไม่ และในสัญญาดังกล่าวกำหนดให้ นายจ้างจ่ายค่าบริการแก่ ลูกจ้างเป็นรายเดือนตอบแทนการทำงานตลอดระยะเวลาที่ ลูกจ้างทำงานให้นายจ้าง โดยกำหนดค่าล่วงเวลา ค่าล่วงเวลาในวันหยุด ค่าทำงานในวันหยุด หาใช่ นายจ้าง จ่ายสินจ้างให้ ลูกจ้าง เพื่อผลสำเร็จแห่งการงานที่ทำอันจะเป็นสัญญาจ้างทำของไม่ นอกจากนี้ สัญญาจ้างที่เป็นหมายเหตุยังกำหนดว่านอกเหนือจากหน้าที่ขับรถตามสัญญาแล้ว ยังมีกรณีที่ ลูกจ้าง ต้องทำงานอื่นตามที่นายจ้างมอบหมายอีกด้วย จะเห็นได้ว่าค่าตอบแทนในการทำงานจึงมิใช่เพียงเพื่อผลสำเร็จของการงานที่ทำคือขับรถเท่านั้น แต่เป็นค่าจ้างตลอดเวลาที่ทำงานให้ไม่ว่าเป็นงานหน้าที่ใดโดยกำหนดจ่ายเป็นรายเดือน ดังนั้น สัญญาจ้างระหว่างนายจ้างกับ ลูกจ้าง จึงมีลักษณะเป็นสัญญาจ้างแรงงานมิใช่สัญญาจ้างทำของ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7699/2551

  โจทก์มีข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานให้ จ. ปฏิบัติตาม มีวันเวลาทำงานวันใด วันหยุดวันใด หากไม่อาจมาทำงานได้จะต้องปฏิบัติอย่างไร หากไม่ปฏิบัติตามนั้นจะมีผลอย่างไร ซึ่ง

เป็นการใช้อำนาจบังคับบัญชาในการปฏิบัติงานของ จ. โดยแท้ หาใช่ จ. ทำงานได้โดยอิสระเพียงเพื่อให้ได้ผลสำเร็จของงานเท่านั้นไม่ และในสัญญาดังกล่าวกำหนดให้โจทก์จ่ายค่า

บริการแก่ จ. เป็นรายเดือนตอบแทนการทำงานตลอดระยะเวลาที่ จ. ทำงานให้โจทก์ โดยกำหนดค่าล่วงเวลา ค่าล่วงเวลาในวันหยุด ค่าทำงานในวันหยุด หาใช่โจทก์จ่ายสินจ้างให้ จ.

เพื่อผลสำเร็จแห่งการงานที่ทำอันจะเป็นสัญญาจ้างทำของไม่ นอกจากนี้ ในหัวข้อสุดท้ายของสัญญาดังกล่าวที่เป็นหมายเหตุยังกำหนดว่านอกเหนือจากหน้าที่ขับรถตามสัญญาแล้ว ยังมี

กรณีที่ จ. ต้องทำงานอื่นตามที่โจทก์มอบหมายอีกด้วย จะเห็นได้ว่าค่าตอบแทนในการทำงานจึงมิใช่เพียงเพื่อผลสำเร็จของการงานที่ทำคือขับรถเท่านั้น แต่เป็นค่าจ้างตลอดเวลาที่ทำงาน

ให้ไม่ว่าเป็นงานหน้าที่ใดโดยกำหนดจ่ายเป็นรายเดือน ดังนั้น สัญญาจ้างระหว่างโจทก์กับ จ. จึงมีลักษณะเป็นสัญญาจ้างแรงงานมิใช่สัญญาจ้างทำของดังที่โจทก์อุทธรณ์

          โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนคำสั่งที่ 19/2548 ลงวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2548 ของจำเลยที่วินิจฉัยว่า นายจักรกฤษณ์เป็นลูกจ้างของโจทก์ ให้โจทก์จ่ายค่าจ้างค้างจ่ายจำนวน 6,166 บาท

ค่าล่วงเวลา 8,530 บาท รวมเป็นเงิน 14,696 บาท แก่นายจักรกฤษณ์
          จำเลยให้การว่า ไม่มีเหตุที่จำเลยจะเพิกถอนคำสั่งที่ 19/2548 ดังกล่าว ขอให้ยกฟ้อง

          ศาลแรงงานกลางพิพากษายกฟ้อง
          โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

          ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า ศาลแรงงานกลางรับฟังข้อเท็จจริงตามที่คู่ความแถลงรับกันว่า โจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด นายจักรกฤษณ์เข้าทำงานกับโจทก์

เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2547 ตำแหน่งพนักงานขับรถ ได้รับค่าจ้างเดือนละ 5,000 บาท กำหนดจ่ายค่าจ้างทุกวันสิ้นเดือนโดยจ่ายผ่านธนาคาร โดยมีสัญญาจ้างกำหนดวันเวลาทำงาน คือ

วันจันทร์ถึงวันเสาร์ ตั้งแต่เวลา 8 นาฬิกา ถึง 17 นาฬิกา หยุดวันอาทิตย์ เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2547 นายจักรกฤษณ์ขับรถยนต์ของโจทก์หมายเลขทะเบียน ษศ 6893 กรุงเทพมหานคร

เพื่อนำผู้จัดการของโจทก์จากจังหวัดพระนครศรีอยุธยาไปโรงแรมเวสท์อินน์ กรุงเทพมหานคร นายจักรกฤษณ์ขับรถชนรถยนต์อื่นจำนวน 3 คัน ทำให้รถยนต์ของโจทก์และรถยนต์คู่

กรณีทั้งหมดได้รับความเสียหาย พนักงานสอบสวนสอบสวนที่เกิดเหตุแล้วมีความเห็นว่านายจักรกฤษณ์ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ทรัพย์ของผู้อื่นเสียหาย เปรียบเทียบปรับ 1,000

บาท นายจักรกฤษณ์ยินยอมชำระค่าปรับ ต่อมาวันที่ 27 ธันวาคม 2547 นายจักรกฤษณ์เข้าบริษัทเพื่อปฏิบัติหน้าที่ นายวจีเทพ ผู้บังคับบัญชาแจ้งว่าโจทก์เลิกจ้างแล้วโดยให้มีผลตั้งแต่

วันที่ 25 ธันวาคม 2547 เป็นต้นไป อ้างเหตุว่านายจักรกฤษณ์เจตนาทำให้ทรัพย์สินของบริษัทได้รับความเสียหาย โดยบอกเลิกจ้างด้วยวาจา และโจทก์คงค้างจ่ายค่าจ้าง ค่าล่วงเวลา

ค่าทำงานในวันหยุด ค่าแท็กซี่ นับแต่วันที่ 20 พฤศจิกายน 2547 ถึงวันที่ 25 ธันวาคม 2547 แก่นายจักรกฤษณ์เป็นเงิน 14,323.33 บาท ต่อมาวันที่ 29 ธันวาคม 2547 นายจักรก

ฤษณ์ยื่นคำร้องต่อจำเลยว่าโจทก์ไม่จ่ายค่าจ้าง  จำเลยสอบพยานบุคคลและพยานเอกสารแล้วเห็นว่าโจทก์มีฐานะเป็นนายจ้างของนายจักรกฤษณ์และค้างจ่ายค่าจ้าง ค่าล่วงเวลาแก่นายจัก

รกฤษณ์จริง จึงมีคำสั่งที่ 19/2548 ลงวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2548 ให้โจทก์จ่ายค่าจ้างและค่าล่วงเวลาแก่นายจักรกฤษณ์เป็นเงิน 14,696 บาท ได้แจ้งคำสั่งให้โจทก์และนายจักรกฤษณ์

ทราบ โจทก์เห็นว่าคำสั่งของจำเลยไม่ชอบจึงนำคดีมาฟ้องภายในกำหนดเวลาตามกฎหมาย

          ปัญหาวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์มีว่า หนังสือสัญญาจ้างระหว่างโจทก์กับนายจักรกฤษณ์เป็นสัญญาจ้างแรงงานหรือสัญญาจ้างทำของ เห็นว่า ข้อความในสัญญาดังกล่าว

โจทก์ได้วางข้อกำหนดกฎเกณฑ์ไว้ว่าในระหว่างที่นายจักรกฤษณ์ขับรถให้โจทก์ นายจักรกฤษณ์จะต้องปฏิบัติตัวอย่างไรจึงจะมีคุณสมบัติครบถ้วนในหัวข้อแรกโดยเฉพาะต้องมีความซื่อสัตย์

ขยันหมั่นเพียรในการทำงาน มีกริยา มารยาท สุภาพเรียบร้อย ซึ่งคุณสมบัติดังกล่าวนี้โดยปกติแล้วเป็นคุณสมบัติของลูกจ้างที่นายจ้างในสัญญาจ้างแรงงานประสงค์จะให้ลูกจ้างปฏิบัติ มิ

ใช่คุณสมบัติที่จำเป็นของผู้รับจ้างในสัญญาจ้างทำของเพราะสัญญาจ้างทำของมุ่งถึงผลสำเร็จของการงานที่ว่าจ้างนั้นเป็นสำคัญ ทั้งเมื่อพิจารณาในหัวข้อที่สองซึ่งเป็นกฎข้อบังคับที่บังคับ

ให้นายจักรกฤษณ์จะต้องปฏิบัติตามแล้วจะเห็นได้ชัดเจนว่าโจทก์มีข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานให้นายจักรกฤษณ์ปฏิบัติตาม มีวันเวลาทำงานวันใด วันหยุดวันใด หากไม่อาจมาทำงานได้

จะต้องปฏิบัติอย่างไร หากไม่ปฏิบัติตามนั้นจะมีผลอย่างไร ซึ่งเป็นการใช้อำนาจบังคับบัญชาในการปฏิบัติงานของนายจักรกฤษณ์โดยแท้ หาใช่นายจักรกฤษณ์ทำงานได้โดยอิสระเพียงเพื่อ

ให้ได้ผลสำเร็จของงานเท่านั้นไม่ ทั้งในหัวข้อที่สามในเรื่องค่าบริการแล้วยิ่งเห็นได้ชัดเจนว่าเป็นเงินที่โจทก์ตกลงจ่ายให้แก่นายจักรกฤษณ์เป็นรายเดือนตอบแทนการทำงานตลอดระยะ

เวลาที่นายจักรกฤษณ์ทำงานให้โจทก์ โดยกำหนดค่าล่วงเวลา ค่าล่วงเวลาในวันหยุด ค่าทำงานในวันหยุดให้ด้วย หาใช่โจทก์จ่ายสินจ้างให้นายจักรกฤษณ์เพื่อผลสำเร็จแห่งการงานที่ทำ

อันจะเป็นสัญญาจ้างทำของไม่ ยิ่งไปกว่านั้นในหัวข้อสุดท้ายที่ระบุเป็นหมายเหตุไว้ยังมีข้อความกำหนดไว้ด้วยว่าวันไหนที่ผู้ใช้บริการไม่ได้ใช้บริการ เช่น ไปต่างประเทศ ผู้ให้บริการต้อง

มาทำหน้าที่อื่นที่ผู้ใช้บริการมอบหมาย ซึ่งหมายความว่านอกเหนือจากหน้าที่ขับรถตามสัญญาแล้ว ยังมีกรณีที่นายจักรกฤษณ์ต้องทำงานอื่นตามที่โจทก์มอบหมายอีกด้วย ค่าตอบแทน

ในการทำงานจึงมิใช่เพียงเพื่อผลสำเร็จของการงานที่ทำคือการขับรถเท่านั้น แต่เป็นการจ่ายค่าจ้างตลอดเวลาที่ทำงานให้ไม่ว่าเป็นงานหน้าที่ใดโดยกำหนดจ่ายเป็นรายเดือน สัญญาจ้าง

ระหว่างโจทก์กับนายจักรกฤษณ์จึงมีลักษณะเป็นสัญญาจ้างแรงงาน มิใช่สัญญาจ้างทำของดังที่โจทก์อุทธรณ์ ที่ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยมานั้นชอบแล้ว อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น

          พิพากษายืน
 

ป.พ.พ. มาตรา 575
พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 มาตรา 5    
มาตรา 575    อันว่าจ้างแรงงานนั้นคือสัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่งเรียกว่าลูกจ้างตกลงจะทำงานให้แก่บุคคลอีกคนหนึ่งเรียกว่านายจ้างและนายจ้างตกลงจะให้สินจ้างตลอดเวลาที่ทำงานให้

มาตรา 587    อันว่าจ้างทำของนั้น คือสัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่งเรียกว่าผู้รับจ้างตกลงจะทำการงานสิ่งใดสิ่งหนึ่งจนสำเร็จให้แก่บุคคลอีกคนหนึ่งเรียกว่าผู้ว่าจ้างและผู้ว่าจ้างตกลงจะให้สินจ้างเพื่อผลสำเร็จแห่งการที่ทำนั้น




กฎหมายแรงงาน

เลิกจ้างอ้างเหตุลูกจ้างปกปิดคุณวุฒิเกี่ยวกับเนติบัณฑิตอันเป็นเท็จ
ฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานกรณีร้ายแรง
นายจ้างมีอำนาจลงโทษตักเตือนบังคับบัญชาเป็นการจ้างแรงงาน
ลงโทษลูกจ้างในความผิดเรื่องนั้นแล้วไม่อาจอ้างคำเตือนเดิมเลิกจ้าง
ลูกจ้างส่งภาพโป๊ลามกอนาจารในเวลาทำงาน
เพิกถอนคำสั่งพนักงานตรวจแรงงาน
นายจ้างไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย
เลิกจ้างได้โดยไม่ต้องตักเตือนเป็นหนังสือ
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีฐานะเป็นนายจ้าง
ย้ายตำแหน่งลูกจ้างเป็นอำนาจของนายจ้างในทางบริหาร
เพิกถอนกระบวนพิจารณาของศาลแรงงาน
เล่นอินเตอร์เน็ตในเวลาทำงานเลิกจ้างไม่ต้องบอกล่วงหน้า
นายจ้างมอบอำนาจบังคับบัญชาให้ผู้อื่น
ค่าครองชีพจึงเป็นค่าจ้างที่ต้องถือเป็นเกณฑ์ในการคำนวณจ่ายค่าชดเชย
เงินค่านายหน้าในการยึดรถนอกจากค่าจ้างรายเดือนถือเป็นค่าจ้าง
สัญญายอมความหลีกเลี่ยงไม่เป็นธรรมแก่ลูกจ้าง
สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า