ReadyPlanet.com
dot
ประมวลกฎหมาย
dot
bulletป.แพ่งและพาณิชย์
bulletพระราชบัญญัติ
bulletความรู้กฎหมาย
bulletสำนัก,ทนาย,ทนายความ
bulletแบบฟอร์มสัญญา
bulletปรึกษากฎหมาย
bulletวิชาชีพทนายความ
bulletข้อบังคับสภาทนายความ
bulletคำพิพากษาฎีกา
bulletเช่าซื้อขายฝากซื้อขาย
bulletเกี่ยวกับคดีอาญา
bulletเกี่ยวกับ วิ.แพ่ง
bulletคดีเกี่ยวกับวิ.อาญา
bulletคำพิพากษารวม
bulletครอบครองปรปักษ์
bulletการสิ้นสุดการสมรส
bulletการใช้กฎหมายอาญา
bulletคดียาเสพติดให้โทษ
dot
Newsletter

dot




สัญญายอมความหลีกเลี่ยงไม่เป็นธรรมแก่ลูกจ้าง

สัญญายอมความหลีกเลี่ยงไม่เป็นธรรมแก่ลูกจ้าง

ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 19 เป็นกฎหมายพิเศษเกี่ยวด้วยแรงงาน มีวัตถุประสงค์เพื่อให้เป็นธรรมแก่ลูกจ้าง เป็นการคุ้มครองและอำนวยประโยชน์แก่ลูกจ้าง เป็นกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ข้อตกลงที่ผิดแผกแตกต่างไปจากกฎหมายนี้ ตกเป็นโมฆะไม่มีผลบังคับ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่  283/2516

 ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 19 เป็นกฎหมายพิเศษเกี่ยวด้วยแรงงาน ซึ่งประกาศขึ้นใช้แทนพระราชบัญญัติแรงงาน พ.ศ.2499 มีวัตถุประสงค์เพื่อมิให้มีเหตุการณ์ต่างๆ อันเกิดจากความไม่เป็นธรรมแก่ลูกจ้าง เป็นการคุ้มครองและอำนวยประโยชน์แก่ลูกจ้าง ทั้งป้องกันมิให้เกิดความระส่ำระสายในการเศรษฐกิจของประเทศและความสงบสุขของบ้านเมือง จึงเป็นกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน

 ลูกจ้างของโจทก์ถึงแก่ความตายขณะปฏิบัติหน้าที่ โจทก์กับมารดาของผู้ตายได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความในเรื่องเงินค่าทดแทนกันไว้หากโจทก์จะต้องจ่ายเงินค่าทดแทนตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 19 ตามคำวินิจฉัยของเจ้าหน้าที่ซึ่งกระทรวงมหาดไทยแต่งตั้ง โจทก์จะต้องจ่ายเงินค่าทดแทนเป็นรายเดือน เดือนละ 200 บาท มีกำหนด 5 ปี คำนวณแล้วเป็นเงินถึง 12,000 บาท. แต่ตามสัญญาประนีประนอมยอมความโจทก์จ่ายเงินเพียง 2,000 บาทเท่านั้น เป็นการหลีกเลี่ยงก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมแก่ลูกจ้างสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวในส่วนที่เกี่ยวกับเงินค่าทดแทน จึงเป็นข้อตกลงที่ผิดแผกแตกต่างไปจากประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 19 ซึ่งเป็นกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ตกเป็นโมฆะ ไม่มีผลบังคับ

  (วรรคแรก วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่2/2516)

 โจทก์ฟ้องว่า นายบุญน้อย อินอ่อน ลูกจ้างของโจทก์ซึ่งทำหน้าที่พนักงานเก็บค่าโดยสารประจำรถโดยสารประจำทางของโจทก์ ขณะปฏิบัติหน้าที่ ได้กระโดดลงจากรถและถูกล้อรถทับถึงแก่ความตาย เป็นการฝ่าฝืนคำสั่งอันชอบด้วยกฎหมายของโจทก์ ต่อมาโจทก์กับนางดีมารดา นายบุญน้อยได้ทำหนังสือสัญญาประนีประนอมยอมความกัน โดยโจทก์ยอมชดใช้ค่าเสียหายให้นางดี 2,000 บาท และโจทก์เป็นผู้จัดการศพ นางดีไม่ติดใจเรียกค่าสินไหมทดแทนทั้งทางแพ่งและทางอาญา แต่นางดีกลับยื่นคำร้องขอรับเงินค่าทดแทนอีก เจ้าหน้าที่ของจำเลยได้วินิจฉัยให้โจทก์จ่ายเงินค่าทดแทนแก่นางดีเป็นรายเดือน ๆ ละ 200 บาท มีกำหนด 5 ปี และให้โจทก์จ่ายค่าทำศพแก่ผู้จัดการศพ 1,080 บาท โจทก์อุทธรณ์ จำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 2 ในฐานะอธิบดี วินิจฉัยยืนตาม ขอให้ศาลสั่งให้จำเลยเพิกถอนคำวินิจฉัย

   จำเลยต่อสู้ว่านายบุญน้อยมิได้ฝ่าฝืนคำสั่งของโจทก์ สิทธิรับเงินค่าทดแทนของนางดีไม่ระงับ คำวินิจฉัยของจำเลยชอบแล้ว จำเลยที่ 2 ไม่ต้องรับผิดเป็นส่วนตัว

   ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า โจทก์กับนางดีได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันแล้วก่อนระงับสิทธินางดีที่จะเรียกเงินค่าทดแทน จำเลยไม่มีอำนาจออกคำสั่งให้โจทก์ใช้เงินค่าทดแทนแก่นางดีอีก พิพากษาว่าคำวินิจฉัยของจำเลยไม่ผูกพันโจทก์ให้จำต้องปฏิบัติ

    จำเลยอุทธรณ์

   ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 19 เป็นกฎหมายพิเศษคู่กรณีหลีกเลี่ยงทำสัญญาประนีประนอมกันเองไม่ได้ จึงไม่ตัดสิทธินางดีที่จะร้องขอรับเงินค่าทดแทน พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์

  รองอธิบดีผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ทำความเห็นแย้ง

     โจทก์ฎีกา

      ศาลฎีกาวินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ว่า ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 19 เป็นกฎหมายพิเศษเกี่ยวด้วยแรงงาน ซึ่งประกาศขึ้นใช้แทนพระราชบัญญัติแรงงาน พ.ศ. 2499 และปรากฏตามคำปรารภของคณะปฏิวัติว่าเพื่อกำหนดการคุ้มครองและอำนวยประโยชน์แก่ลูกจ้าง และป้องกันมิให้เกิดความระส่ำระสายในการประกอบอุตสาหกรรม พาณิชยกรรมอันจะเป็นภัยร้ายแรงแก่การดำเนินงานเศรษฐกิจเพื่อความเจริญรุ่งเรืองของประเทศวัตถุประสงค์ที่ออกประกาศของคณะปฏิวัติฉบับนี้ กล่าวโดยสรุปก็เพื่อให้มีเหตุการณ์ต่าง ๆ อันเกิดจากความไม่เป็นธรรมแก่ลูกจ้าง เป็นการคุ้มครองและอำนวยประโยชน์แก่ลูกจ้าง ทั้งป้องกันมิให้เกิดความระส่ำระสายในการเศรษฐกิจของประเทศและความสงบสุขของบ้านเมือง ฉะนั้น ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับนี้จึงเป็นกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน

  การที่โจทก์และนางดี อินอ่อน มารดาของนายบุญน้อย อินอ่อนลูกจ้างโจทก์ ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความในเรื่องเงินค่าทดแทนกันไว้ ศาลฎีกาเห็นว่าย่อมเป็นการหลีกเลี่ยงก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมแก่ลูกจ้าง กล่าวคือ หากโจทก์จะต้องจ่ายเงินค่าทดแทนตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 19 ตามคำวินิจฉัยของจำเลยที่ 2 โจทก์จะต้องจ่ายเงินค่าทดแทนเป็นรายเดือน ๆ ละ 200 บาท มีกำหนด 5 ปี คำนวณแล้วเป็นเงินถึง 12,000 บาท แต่ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ โจทก์จ่ายเงินเพียง 2,000 บาท เท่านั้น ดังนั้น สัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวในส่วนที่เกี่ยวกับเงินค่าทดแทน จึงเป็นข้อตกลงที่ผิดแผกแตกต่างไปจากประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 19 ซึ่งเป็นกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน สัญญาประนีประนอมยอมความนี้ในส่วนที่เกี่ยวกับเงินค่าทดแทน จึงตกเป็นโมฆะ ไม่มีผลบังคับ จำเลยจึงมีอำนาจวินิจฉัยสั่งให้โจทก์จ่ายเงินค่าทดแทนได้ตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 19 และประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่องหลักเกณฑ์และวิธีการจ่ายเงินค่าทดแทนตลอดจนจำนวนเงินค่าทดแทน ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว

    พิพากษายืน    




กฎหมายแรงงาน

เลิกจ้างอ้างเหตุลูกจ้างปกปิดคุณวุฒิเกี่ยวกับเนติบัณฑิตอันเป็นเท็จ
ฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานกรณีร้ายแรง
นายจ้างมีอำนาจลงโทษตักเตือนบังคับบัญชาเป็นการจ้างแรงงาน
ลงโทษลูกจ้างในความผิดเรื่องนั้นแล้วไม่อาจอ้างคำเตือนเดิมเลิกจ้าง
ลูกจ้างส่งภาพโป๊ลามกอนาจารในเวลาทำงาน
เพิกถอนคำสั่งพนักงานตรวจแรงงาน
นายจ้างไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย
เลิกจ้างได้โดยไม่ต้องตักเตือนเป็นหนังสือ
สัญญาจ้างแรงงานนายจ้างมีอำนาจบังคับบัญชา
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีฐานะเป็นนายจ้าง
ย้ายตำแหน่งลูกจ้างเป็นอำนาจของนายจ้างในทางบริหาร
เพิกถอนกระบวนพิจารณาของศาลแรงงาน
เล่นอินเตอร์เน็ตในเวลาทำงานเลิกจ้างไม่ต้องบอกล่วงหน้า
นายจ้างมอบอำนาจบังคับบัญชาให้ผู้อื่น
ค่าครองชีพจึงเป็นค่าจ้างที่ต้องถือเป็นเกณฑ์ในการคำนวณจ่ายค่าชดเชย
เงินค่านายหน้าในการยึดรถนอกจากค่าจ้างรายเดือนถือเป็นค่าจ้าง
สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า