ReadyPlanet.com
dot
ประมวลกฎหมาย
dot
bulletป.แพ่งและพาณิชย์
bulletพระราชบัญญัติ
bulletความรู้กฎหมาย
bulletสำนัก,ทนาย,ทนายความ
bulletแบบฟอร์มสัญญา
bulletปรึกษากฎหมาย
bulletวิชาชีพทนายความ
bulletข้อบังคับสภาทนายความ
bulletคำพิพากษาฎีกา
bulletเช่าซื้อขายฝากซื้อขาย
bulletเกี่ยวกับคดีอาญา
bulletเกี่ยวกับ วิ.แพ่ง
bulletคดีเกี่ยวกับวิ.อาญา
bulletคำพิพากษารวม
bulletครอบครองปรปักษ์
bulletการสิ้นสุดการสมรส
bulletการใช้กฎหมายอาญา
bulletคดียาเสพติดให้โทษ
dot
Newsletter

dot




สัญญาขายฝากเป็นนิติกรรมอำพรางสัญญากู้ยืมเงิน

สัญญาขายฝากเป็นนิติกรรมอำพรางสัญญากู้ยืมเงิน

การกู้ยืมเงินกันโดยผู้กู้ได้ทำสัญญาขายฝากที่ดินไว้ให้ผู้ให้กู้และสัญญาขายฝากกำหนดสินไถ่ไว้สูงเกินกว่าต้นเงินกู้ที่ได้รับจริงเป็นนิติกรรมอำพรางนิติกรรมการกู้ยืมเงินจึงตกเป็นโมฆะ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 155 วรรคหนึ่ง สัญญาขายฝากไม่สามารถบังคับได้ แต่ต้องบังคับตามนิติกรรมการกู้ยืมเงินที่ถูกอำพรางไว้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 155 วรรคสอง ให้ถือว่าสัญญาขายฝากเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมเงิน ศาลชอบที่จะเพิกถอนการขายฝากโดยผู้ให้กู้ยังคงยึดถือโฉนดที่ดินจนกว่าจะได้รับชำระหนี้เงินกู้และดอกเบี้ยครบถ้วน
     
คำพิพากษาศาลฎีกาที่  4686/2552

          เมื่อสัญญาขายฝากที่ดินเป็นนิติกรรมอำพรางนิติกรรมการกู้ยืมเงินจึงเป็นนิติกรรมที่ตกเป็นโมฆะตาม ป.พ.พ. มาตรา 155 วรรคหนึ่ง จำเลยจะขอให้บังคับโจทก์ทั้งสองชำระเงินตามราคาขายฝากที่ดินเป็นต้น เงินกู้ไม่ได้ แต่ต้องบังคับตามนิติกรรมการกู้ยืมเงินที่ถูกอำพรางไว้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 155 วรรคสอง โดยถือเพียงว่าสัญญาขายฝากที่ดินเป็นหลักฐานว่าโจทก์ทั้งสองได้กู้ยืมเงินจากจำเลย และโจทก์ทั้งสองได้มอบโฉนดที่ดินของตนให้จำเลยยึดถือไว้เป็นหลักประกันเงินกู้เท่านั้น สำหรับการขายฝากที่ดินระหว่างโจทก์ทั้งสองและจำเลยเมื่อตกเป็นโมฆะดังวินิจฉัยแล้ว ศาลชอบที่จะพิพากษาให้เพิกถอนเสียได้โดยจำเลยยังคงยึดถือโฉนดที่ดินของโจทก์ทั้งสองไว้ได้จนกว่าโจทก์ทั้งสองจะชำระเงินกู้และดอกเบี้ยแก่จำเลยครบถ้วน

โจทก์ทั้งสองฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้พิพากษาว่า สัญญาขายฝากเป็นโมฆะ ให้จำเลยรับชำระหนี้เงินกู้ต้นเงินจำนวน 1,200,000 บาท ดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี เป็นเวลา 8 เดือน รวมเป็นเงินจำนวน 1,260,000 บาท จากโจทก์ทั้งสอง ให้จำเลยจดทะเบียนไถ่ถอนการขายฝากที่ดินดังกล่าว และมอบโฉนดที่ดินคืนแก่โจทก์ทั้งสอง หากจำเลยไม่ยอมจดทะเบียนไถ่ถอนการขายฝาก ให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย

          จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง

          ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยรับชำระหนี้จากโจทก์ทั้งสองเป็นเงินจำนวน 1,065,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 26 กันยายน 2540 จนถึงวันที่ 25 กันยายน 2541 และให้จำเลยจดทะเบียนไถ่ถอนการขายฝากที่ดินโฉนดเลขที่ 25867 และ 22233 ตำบลหาดนางแก้ว อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี หากจำเลยไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 5,000 บาท ข้อหาอื่นให้ยก (ที่ถูก คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก)

          จำเลยอุทธรณ์

          ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
          จำเลยฎีกา

          ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าข้อเท็จจริงที่โจทก์ทั้งสองและจำเลยมิได้โต้แย้งกันในชั้นฎีกาฟังเป็นยุติว่า โจทก์ทั้งสองทำสัญญาขายฝากที่ดินโฉนดเลขที่ 25867 และ 22233 ตำบลหาดทรายแก้ว อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี ของโจทก์ที่ 1 และที่ 2 ตามลำดับไว้แก่จำเลย ตามสัญญาขายฝากที่ดิน เพื่ออำพรางนิติกรรมการกู้ยืมเงินซึ่งโจทก์ทั้งสองกู้ยืมจากจำเลย

          จำเลยฎีกาข้อแรกว่า เมื่อโจทก์ทั้งสองและจำเลยกู้ยืมเงินกันโดยถือเอาสัญญาขายฝากที่ดิน เป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืม จึงต้องถือเอาจำนวนเงินตามสัญญาขายฝากที่ดินซึ่งระบุจำนวนเงินที่ตกลงขายฝากกันแปลงละ 900,000 บาท เป็นต้นเงินกู้ที่โจทก์ทั้งสองจะต้องชำระให้แก่จำเลยนั้น เมื่อสัญญาขายฝากที่ดินเป็นนิติกรรมอำพรางนิติกรรมการกู้ยืมเงินระหว่างโจทก์ทั้งสองกับจำเลยสัญญาขายฝากที่ดินจึงเป็นนิติกรรมที่ตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 155 วรรคหนึ่ง จำเลยจะขอให้บังคับโจทก์ทั้งสองชำระเงินตามราคาขายฝากที่ดินแปลงละ 900,000 บาท เป็นต้นเงินกู้ไม่ได้ แต่ต้องบังคับตามที่โจทก์ทั้งสองและจำเลยมีเจตนาจะผูกพันในนิติกรรมการกู้ยืมเงินที่ถูกอำพรางไว้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 155 วรรคสอง โดยถือเพียงว่าสัญญาขายฝากที่ดินเป็นหลักฐานว่าโจทก์ทั้งสองได้กู้ยืมเงินจากจำเลย และโจทก์ทั้งสองได้มอบโฉนดที่ดินของตนให้จำเลยยึดถือไว้เป็นหลักประกันเงินกู้เท่านั้น สำหรับการกู้ยืมเงินซึ่งเป็นนิติกรรมที่ถูกอำพรางนั้น ศาลล่างทั้งสองรับฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์ทั้งสองกู้เงินจำเลยเพียง 1,065,000 บาท เท่าที่จำเลยส่งมอบให้ตามบันทึกของสามีจำเลย จำเลยมิได้ฎีกาโต้แย้งว่า บันทึกของสามีจำเลยไม่ถูกต้องอย่างไร คงฎีกาขอให้โจทก์ทั้งสองชำระเงินเพิ่มอีก 735,000 บาท เพื่อให้ครบยอดเงิน 1,800,000 บาท ซึ่งเป็นราคาขายฝากที่ดินทั้งสองแปลงในสัญญาขายฝากที่ดิน เมื่อข้อเท็จจริงยุติแล้วว่าสัญญาขายฝากที่ดินดังกล่าวเป็นนิติกรรมอำพราง ราคาขายฝากตามสัญญาขายฝากที่ดินดังกล่าวจึงไม่ใช่จำนวนเงินที่ศาลจะบังคับให้โจทก์ทั้งสองชำระแก่จำเลยได้ โจทก์ทั้งสองคงต้องรับผิดชำระเงินเท่าที่กู้ยืมจากจำเลย 1,065,000 บาท เท่านั้น ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น สำหรับการขายฝากที่ดินระหว่างโจทก์ทั้งสองและจำเลยเมื่อตกเป็นโมฆะดังวินิจฉัยแล้วก็ชอบที่จะพิพากษาให้เพิกถอนเสีย

          ที่จำเลยฎีกาข้อสุดท้ายในปัญหาเรื่องดอกเบี้ยว่า จำเลยไม่เห็นพ้องด้วยที่ศาลล่างทั้งสองให้โจทก์ทั้งสองชำระดอกเบี้ยเพียงถึงวันที่ 25 กันยายน 2541 นั้นในปัญหาดังกล่าวศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยว่า เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2541 อันเป็นวันที่โจทก์ทั้งสองขอปฏิบัติการชำระหนี้ โจทก์ทั้งสองได้เตรียมตั๋วแลกเงินพร้อมชำระหนี้ทั้งต้นเงินและดอกเบี้ยครบถ้วนตามนิติกรรมการกู้ยืมเงินแต่จำเลยไม่ยอมรับชำระหนี้ในวันที่โจทก์ทั้งสองกำหนด โดยปราศจากมูลอันจะอ้างกฎหมายได้ จำเลยในฐานะเจ้าหนี้ย่อมตกเป็นผู้ผิดนัด โจทก์ทั้งสองจึงต้องชำระดอกเบี้ยจนถึงวันที่จำเลยผิดนัดเท่านั้น

          พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยรับชำระหนี้จากโจทก์ทั้งสองเป็นเงิน 1,065,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 26 กันยายน 2540 ถึงวันที่ 25 กันยายน 2541 และให้เพิกถอนนิติกรรมการขายฝากที่ดินโฉนดเลขที่ 25867 และ 22233 ตำบลหาดแก้ว อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี ระหว่างโจทก์ทั้งสองกับจำเลยเมื่อวันที่ 26 กันยายน 2541 แต่ยังคงให้จำเลยยึดโฉนดที่ดินดังกล่าวไว้จนกว่าโจทก์ทั้งสองจะชำระเงินและดอกเบี้ยดังกล่าวแก่จำเลยครบถ้วน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ นอกจากที่แก้คงเป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2

เพิ่มเพื่อนไลน์ QR CODE

 

QR CODE 




คำพิพากษาฎีกาทั่วไป

ความผิดทางอาญาในการใช้เครื่องหมายการค้าของผู้อื่น
นิติบุคคลเชิดกรรมการเป็นตัวแทนทำหนังสือมอบอำนาจไม่ประทับตราสำคัญ
อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครอง
ต้องมีผู้พิพากษาอย่างน้อยสองคนจึงเป็นองค์คณะ
อัตราโทษปรับไม่เกินสองแสนบาทเกินอำนาจศาลแขวงพิจารณาพิพากษา
ความเป็นผู้ประกันตนสิ้นสุดลงเมื่อสิ้นสภาพการเป็นลูกจ้าง
อายัดเงินฝากในบัญชี หลักประกันขอปล่อยตัวชั่วคราว
เพิกถอนนิติกรรมซื้อขายที่ดินสินสมรส
บุริมสิทธิพิเศษเหนือสังหาริมทรัพย์
ครอบครองปรปักษ์ในที่ดินของตนเอง
อำนาจการควบคุมตัวผู้ต้องหาของพนักงานสอบสวน
ไม่ได้บรรยายฟ้องว่ากระทำโดยพลาด
ผู้พิพากษาคนเดียวลงโทษจำคุก 8 เดือนได้หรือไม่?
กฎหมายเดิมยกเลิกไปแล้วลงโทษได้หรือไม่?
หากปรากฏว่าคดีก่อนเป็นการฟ้องร้องดำเนินคดีอย่างสมยอมกันสิทธิฟ้องคดีอาญาไม่ระงับ
หลอกลวงผู้เสียหายให้ขายดาวน์รถยนต์
คำสั่งรับฎีกาของจำเลยไม่ชอบ
ผู้เช่าซื้อมีอำนาจแจ้งความดำเนินคดีฐานยักยอกได้
ไม่มีเจตนาเล่นการพนันด้วยจึงเป็นผู้เสียหายโดยนิตินัย
ทารกในครรภ์มารดาสามารถมีสิทธิต่าง ๆ ได้
คำแถลงการณ์ปิดคดีในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง
การจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุด
บุคคลล้มละลายมีอำนาจฟ้องคดีอาญา
เรียกโฉนดที่ดินคืนจากเจ้าหนี้เงินกู้ยืม
ยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย
พ.ร.บ.ล้างมลทิน กับการเพิ่มโทษจำเลย
พรบ- ล้างมลทินไม่อาจมีผลย้อนหลังได้
สเปรย์พริกไทยไม่เป็นอาวุธโดยสภาพ
รับเงินไปโดยปราศจากมูลอันจะอ้างกฎหมายได้
จำเลยให้การรับสารภาพแต่ศาลยกฟ้อง
การนับอายุของบุคคลให้เริ่มนับแต่วันเกิด
ร้องสภาทนายความจัดระเบียบ-ทนายความทวงหนี้
เช็คที่มีผู้แก้ไขเปลี่ยนแปลงในข้อสำคัญ-แก้ไขวันที่
ความผิดยาเสพติดให้ศาลลงโทษจำคุกและปรับด้วยเสมอ
หนี้ที่ต้องห้ามเจ้าหนี้ขอรับชำระหนี้
ร้านอาหารเปิดเพลงMP3ไม่ละเมิดลิขสิทธิ์
ลูกจ้างจะต้องเลือกใช้สิทธิทางใดทางหนึ่ง ทางศาลแรงงาน หรือพนักงานตรวจแรงงาน
การฟ้องคดีล้มละลาย ข้อสันนิษฐานของกฎหมาย
ร้านอินเทอร์เน็ตและเกมส์ลงเพลงละเมิดลิขสิทธิ์ในคอมพิวเตอร์
เจ้าของรวมจะเรียกให้แบ่งทรัพย์สินในเวลาที่ไม่เป็นโอกาสอันควรไม่ได้
ลูกจ้างได้รับประโยชน์ไม่เป็นการที่ต้องรับภาระมากกว่าที่พึงคาดหมายได้
การยื่นฎีกาเกี่ยวกับคดียาเสพติด
ฟ้องร้องคดีในลักษณะสมยอม
ลงลายมือชื่อรับรองคนต่างด้าว
ร้านอาหารตามสั่งเปิดแผ่นวีซีดีแพลงให้ลูกค้าฟัง
ฟ้องบุคคลล้มละลายเป็นคดีแพ่ง
ผู้ใหญ่บ้านถูกจับยาเสพติดมีโทษจำคุก 3 เท่า
เมาแล้วขับจำคุก 3 ปี โจทก์อ้างบทกฎหมายไม่ครบถ้วน
ศาลมีคำสั่งเป็นคนสาบสูญถือว่าถึงแก่ความตาย-เงินฌาปนกิจ
ทนายความละเมิดอำนาจศาล
สามีภริยาจดทะเบียนหย่ากันเพื่อประโยชน์ในการเสียภาษี