เจ้าของรวมจะเรียกให้แบ่งทรัพย์สินในเวลาที่ไม่เป็นโอกาสอันควรไม่ได้
แม้ว่าเจ้าของรวมในบ้านพร้อมที่ดินมีสิทธิตามกฎหมายที่จะเรียกให้แบ่งกันได้ก็ตาม แต่การเรียกให้แบ่งก็ต้องเป็นเวลาที่เหมาะสม เจ้าของรวมจะเรียกให้แบ่งทรัพย์สินในเวลาที่ไม่เป็นโอกาสอันควรไม่ได้ แล้วอย่างไรที่จะถือว่าไม่เป็นโอกาสอันควร ศาลยกตัวอย่างในคดีนี้ว่า ที่ดินแปลงพิพาทโจทก์ฟ้องขอให้แบ่ง จำเลยอ้างว่าที่ดินเป็นที่ตั้งของนิติบุคคลที่มีโจทก์จำเลยเป็นหุ้นส่วน เมื่อข้อเท็จจริงเป็นว่า ได้เลิกกิจการไปแล้ว
ถอนอำนาจปกครองตามบันทึกการหย่า(คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4681/2552)
สามีภิริยากันต่อมาจดทะเบียนหย่ากันโดยบันทึกท้ายทะเบียนการหย่าว่าให้บุตรผู้เยาว์ทั้งสองอยู่ในอำนาจปกครองของภริยาแต่ผู้เดียว ให้สามีจ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์ทั้งสองเดือนละ 60,000 บาท สามีเคยนำเงินฝากเข้าบัญชีของภริยาเพื่อประโยชน์ของบุตรผู้เยาว์ทั้งสองเป็นเงิน 500,000 บาท แต่ภริยาก็ถอนเงินไปใช้เป็นประโยชน์ส่วนตัวจนหมด พฤติการณ์เปลี่ยนแปลงไปไม่สมควรจะเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์ทั้งสองอีกต่อไป ขอให้ถอนอำนาจปกครอง และแต่งตั้งสามีเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์ทั้งสองกับทั้งให้มีอำนาจหากศาลมีคำสั่งให้สามีเป็นฝ่ายออกเงินค่าอุปการะเลี้ยงดูต่อไปเช่นเดิม ขอให้มีคำสั่งแก้ไขค่าอุปการะเลี้ยงดูเหลือเดือนละ 20,000 บาท ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้สามีจ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์ทั้งสองในระหว่างเรียนชั้นอนุบาลและชั้นประถมคนละเดือนละ 10,000 บาท ในระดับชั้นมัธยมศึกษาคนละเดือนละ 15,000 บาท ในระดับชั้นอุดมศึกษาคนละเดือนละ 20,000 บาท จนกว่าศาลจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษายืน ฎีกาของภริยาว่าที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้ลดค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์ทั้งสองชอบแล้วหรือไม่ เห็นว่า ศาลมีอำนาจแก้ไขในเรื่องดังกล่าวได้เมื่อพฤติการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาต้องกันมาให้ลดค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์ทั้งสองมานั้น จึงเหมาะสมแล้ว
การสอบสวน-อำนาจฟ้อง
คดีนี้แม้พนักงานสอบสวนแจ้งให้จำเลยทราบถึงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการกระทำซึ่งกล่าวหาว่าจำเลยได้กระทำผิดตามบันทึกคำให้การว่า ตามวันเวลาเกิดเหตุผู้ต้องหาได้ใช้อาวุธปืนยิงแมวของผู้กล่าวหาที่ 2 และที่ 3 ซึ่งเข้าบ้านของจำเลย และเจ้าพนักงานตำรวจได้ร่วมกันจับกุมตัวจำเลยได้พร้อมด้วยอาวุธปืนนำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี ก็ตาม แต่ก็มีข้อความต่อไปที่แสดงว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน ถือได้ว่ามีการแจ้งให้จำเลยทราบถึงข้อเท็จจริงและรายละเอียดเกี่ยวกับเวลาและสถานที่ซึ่งเกิดการกระทำที่กล่าวหาว่าจำเลยกระทำความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานพอที่จำเลยจะเข้าใจได้ดีแล้ว การสอบสวนในความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานจึงชอบ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 15274/2553
สิทธิเรียกดอกเบี้ยผิดนัด
เมื่อผู้ให้เช่าซื้อรับรถยนต์ที่เช่าซื้อคืนจากจำเลยแล้วจึงถือว่าจำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาในส่วนที่ให้คืนรถยนต์ที่เช่าซื้อแล้ว ผู้ให้เช่าซื้อจะบังคับคดีให้จำเลยชำระราคารถยนต์แทนอีกไม่ได้ และย่อมไม่มีสิทธิเรียกดอกเบี้ยที่คิดจากราคารถยนต์ ส่วนความเสียหายที่เกิดขึ้นในระหว่างที่จำเลยยังครอบครองใช้ประโยชน์ในทรัพย์สินอยู่ ศาลก็ได้กำหนดค่าเสียหายเป็นค่าใช้ทรัพย์หรือค่าขาดประโยชน์ไว้อีกส่วนหนึ่งด้วยแล้ว จึงไม่มีเหตุที่จะอ้างได้ว่าผู้ให้เช่าซื้อชอบที่จะคิดดอกเบี้ยจากราคารถยนต์ในช่วงระยะเวลาที่จำเลยยังไม่ส่งมอบรถยนต์คืนและถือว่าดอกเบี้ยนั้นเป็นค่าเสียหายส่วนหนึ่งของหนี้ตามคำพิพากษา จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดชำระดอกเบี้ยในส่วนนี้ ในคดีนี้โจทก์ซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันซึ่งศาลพิพากษาให้ร่วมรับผิดกับจำเลยแม้จะได้ชำระดอกเบี้ยเป็นเงินจำนวน 80,185 บาท ไปก็ถือไม่ได้ว่าเป็นการที่ต้องสูญหายหรือเสียหายไปอย่างใดๆ เพราะการค้ำประกัน เป็นเรื่องที่โจทก์จะต้องไปว่ากล่าวเอาแก่ผู้ให้เช่าซื้อ โจทก์ไม่อาจรับช่วงสิทธิมาฟ้องไล่เบี้ยเอาเงินจำนวนดังกล่าวคืนจากจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3554/2554
แจ้งข้อความอันเป็นเท็จ
จำเลยรู้ดีว่าลายมือชื่อที่จำเลยอ้างว่าปลอมนั้น ความจริงแล้วเป็นลายมือชื่อที่จำเลยซึ่งลงชื่อไว้ มิใช่ลายมือชื่อปลอมดังจำเลยอ้าง การที่จำเลยแจ้งว่ามีการปลอมลายมือชื่อจึงเป็นการแจ้งข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดทางอาญาแก่พนักงานสอบสวนโดยรู้อยู่แล้วว่ามิได้มีการกระทำความผิดเกิดขึ้นจริง อันเป็นความผิดตาม ป.อาญา. มาตรา 173
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1424/2554
หนังสือรับสภาพหนี้ไม่ใช่เป็นการแปลงหนี้ใหม่
หนังสือรับสภาพหนี้มิใช่เป็นการแปลงหนี้ใหม่อันจะทำให้หนี้เดิมระงับสิ้นไปเมื่อหนี้ตามสัญญาเช่าซื้อยังไม่ระงับ หนี้ตามสัญญาค้ำประกันการเช่าซื้อย่อมไม่ระงับเช่นกัน จำเลยที่ 2 ในฐานะผู้ค้ำประกันจึงหาหลุดพ้นความรับผิดไม่ แม้จำเลยที่ 2 มิได้ลงลายมือชื่อในหนังสือสัญญารับสภาพหนี้ดังกล่าวยินยอมค้ำประกันการชำระหนี้ตามหนังสือสัญญารับสภาพหนี้แก่โจทก์ด้วยก็ตาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9221/2544
พนักงานสอบสวนมิได้ขอฝากขังต่อศาลภายในกำหนด
เมื่อพ้นอำนาจการควบคุมตัวผู้ต้องหาของพนักงานสอบสวนแล้ว พนักงานสอบสวนต้องปล่อยตัวผู้ต้องหาไป หาใช่เป็นเหตุให้โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องไม่ เมื่อโจทก์ฟ้องคดีภายในอายุความโจทก์ย่อมมีสิทธินำคดีอาญามาฟ้องได้ ฎีกาของจำเลยที่ 1 ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4294/2550 การควบคุมตัวจำเลยที่ 1 ในชั้นสอบสวน ซึ่งพนักงานสอบสวน