

หนี้ที่ต้องห้ามเจ้าหนี้ขอรับชำระหนี้ หนี้ที่ต้องห้ามเจ้าหนี้ขอรับชำระหนี้ ปัญหาว่าหนี้เงินค่าชดเชยและสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าของลูกจ้างจะยื่นขอรับชำระหนี้จากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ในคดีล้มละลายได้หรือไม่นั้นต้องพิจารณาถึงสิทธิของลูกจ้าง(เจ้าหนี้)ที่จะได้รับเงินค่าชดเชยและสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าเกิดขึ้นเมื่อใด ในขณะที่นายจ้างถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด เจ้าหนี้เงินค่าชดเชยและสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้ายังมีฐานะเป็นลูกจ้างอยู่ ดังนั้นหนี้ดังกล่าวไม่ได้เกิดขึ้นก่อนศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้จึงต้องห้ามมิให้ขอรับชำระหนี้ คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5523/2552 การที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้เด็ดขาด มีผลเพียงทำให้ลูกหนี้ไม่สามารถกระทำการใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินหรือกิจการของตน ต้องให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เป็นผู้จัดการหรือกระทำการแทน ตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย ฯ มาตรา 22 และ 24 หามีผลทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างลูกหนี้ผู้เป็นนายจ้างกับเจ้าหนี้ซึ่งเป็นลูกจ้างสิ้นสุดไปด้วยไม่ ทั้งไม่มีกฎหมายใดบัญญัติว่า เมื่อศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้เด็ดขาดแล้วลูกจ้างของลูกหนี้หมดสิทธิที่จะทำงานให้ลูกหนี้ต่อไป แม้ศาลจะมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้เด็ดขาด เจ้าหนี้ก็ยังมีฐานะเป็นลูกจ้างของลูกหนี้อยู่นั่นเอง กรณียังไม่ถือว่ามีการเลิกจ้างตาม พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน ฯ มาตรา 118 สิทธิในการรับเงินค่าชดเชยและสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าจึงไม่เกิดขึ้นก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้เด็ดขาดและต้องห้ามมิให้เจ้าหนี้ขอรับชำระหนี้ ตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย ฯ มาตรา 94 คดีสืบเนื่องมาจากศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้ (จำเลย) เด็ดขาดเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2544 เจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ค่าชดเชยและสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าจำนวน 56,000 บาท จากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์นัดตรวจคำขอรับชำระหนี้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 104 แล้ว ไม่มีผู้ใดโต้แย้งคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้รายนี้ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สอบสวนแล้วมีความเห็นว่า ควรให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ค่าชดเชยและค่าสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าจำนวน 56,000 บาท จากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 130 (6) ศาลล้มละลายกลางพิจารณาแล้วมีคำสั่งว่า เจ้าหนี้ถูกเลิกจ้างหลังจากที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาด หนี้ดังกล่าวจึงไม่ใช่หนี้ที่มีอยู่ก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ จึงให้ยกคำขอรับชำระหนี้ ค่าคำขอให้เป็นพับ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา ศาลฎีกาแผนกคดีล้มละลายวินิจฉัยว่า ปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของเจ้าพนักงานพิทักษ์มีว่า การที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาดถือว่าเป็นการเลิกจ้างระหว่างลูกหนี้กับเจ้าหนี้ อันมีผลให้เจ้าหนี้มีสิทธิขอรับชำระหนี้ค่าชดเชยและสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าหรือไม่ เห็นว่า การที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาดนั้น มีผลเพียงทำให้ลูกหนี้ไม่สามารถกระทำการใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินหรือกิจการของตน ต้องให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เป็นผู้จัดการหรือกระทำการแทน ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 22 และมาตรา 24 หามีผลทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างลูกหนี้ผู้เป็นนายจ้างกับเจ้าหนี้ซึ่งเป็นลูกจ้างต้องสิ้นสุดหรือระงับไปด้วยไม่ ทั้งไม่มีบทกฎหมายใดบัญญัติว่า เมื่อศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้เด็ดขาดแล้วลูกจ้างของลูกหนี้หมดสิทธิที่จะทำงานให้ลูกหนี้ต่อไป ประกอบกับในระหว่างที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาด เจ้าหนี้ได้รับอนุญาตให้ลางานเพื่อไปรับราชการทหารเป็นระยะเวลา 2 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2543 ถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2545 โดยไม่ปรากฏว่ามีการเลิกจ้างเจ้าหนี้ก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาดแต่อย่างใด ดังนั้น แม้ศาลล้มละลายกลางจะมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาดเจ้าหนี้ก็ยังมีฐานะเป็นลูกจ้างของลูกหนี้อยู่นั่นเอง กรณียังไม่ถือว่ามีการเลิกจ้างเจ้าหนี้ในวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาด ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 มาตรา 118 สิทธิในการรับเงินค่าชดเชยและสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าจึงยังไม่เกิดขึ้นในวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาด ดั่งที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์อุทธรณ์ หนี้ค่าชดเชยและสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าตามคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้จึงมิได้เกิดขึ้นก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาด จึงต้องห้ามมิให้เจ้าหนี้ขอรับชำระหนี้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 94 ที่ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งยกคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้รายนี้ ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล อุทธรณ์ของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ให้เป็นพับ
|