

การมอบอำนาจบกพร่อง การมอบอำนาจบกพร่อง การยื่นคำร้องโดยอาศัยใบมอบอำนาจทั่วไป เป็นเพียงการมอบอำนาจบกพร่องเท่านั้น ไม่เป็นผลทำให้คำร้องของผู้ร้องเสียไปเมื่อผู้มอบอำนาจให้สัตยาบันแล้ว การมอบอำนาจสมบูรณ์ สภากาชาดไทยเป็นนิติบุคคล สิทธิและหน้าที่ของผู้จัดการมรดกโดยสภาพไม่ใช่สิทธิและหน้าที่ที่จะพึงมีพึงเป็นได้เฉพาะบุคคลธรรมดา สภากาชาดไทยจึงมีคุณสมบัติเป็นผู้จัดการมรดกได้ คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3166/2529 การที่สภากาชาดไทยมอบอำนาจให้เลขาธิการยื่นคำร้องคดีนี้โดยอาศัยใบมอบอำนาจทั่วไป ไม่ได้มอบอำนาจให้ฟ้องคดีได้ด้วย เป็นเพียงเรื่องการมอบอำนาจบกพร่องเท่านั้น ไม่เป็นผลถึงกับทำให้คำร้องของผู้ร้องเสียไป ก่อนสืบพยานผู้ร้องก็ได้ส่งใบมอบอำนาจให้เลขาธิการฟ้องคดีได้ ซึ่งถือว่าเป็นการให้สัตยาบันการมอบอำนาจให้ฟ้องคดีที่ได้กระทำไปแล้ว การมอบอำนาจให้เลขาธิการยื่นคำร้องคดีนี้จึงสมบูรณ์ ผู้ร้องมีอำนาจร้องคดีนี้ได้ เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า การจัดการมรดกยังไม่สิ้นสุดลง แม้การจัดการมรดกจะล่วงเลยมาเกินกว่าห้าปีแล้ว คดีของผู้ร้องก็ยังไม่ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1733 สิทธิและหน้าที่ของผู้จัดการมรดกโดยสภาพไม่ใช่จะพึงมีพึงเป็นได้เฉพาะบุคคลธรรมดา เมื่อการจัดการมรดกไม่ขัดกับวัตถุประสงค์ตามที่กำหนดไว้ในข้อบังคับหรือตราสารจัดตั้งของผู้ร้องซึ่งเป็นนิติบุคคลผู้ร้องก็ไม่อยู่ในฐานะต้องห้ามมิให้เป็นผู้จัดการมรดกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1718. ผู้ร้องยื่นคำร้องว่าผู้ร้องเป็นสมาคมและนิติบุคคลซึ่งจัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติว่าด้วยสภากาชาดไทย นายอุ่ย ได้ทำพินัยกรรมยกที่ดิน รวม 5 แปลง พร้อมสิ่งปลูกสร้างให้เป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้อง แต่ให้บุตรและหลานกับโรงพยายาลไฮ้หน่ำ มีสิทธิเก็บกิน ต่อมาผู้ทำพินัยกรรมได้วายชนม์ มรดกจึงตกทอดแก่ผู้ร้องโดยมีนางกิมเอง นางบ๊วย และนายหลีอัน เป็นผู้จัดการมรดกต่อมานายหลีอันถึงแก่ความตาย ในการจัดการมรดกนางกิมเองได้กระทำผิดหน้าที่ไม่มีความสามารถในการจัดการมรดกทำให้ผู้ร้องเสียหายขณะนี้นางกิมเองอยู่ในวันชราและป่วยเป็นอัมพาต ผู้ร้องจำเป็นต้องดูแลและรักษาทรัพย์สินซึ่งอยู่ในลักษณะเสื่อมโทรมจำเป็นต้องซ่อมแซมปรับปรุงจึงขอเป็นผู้จัดการมรดกร่วมกับนางบ๊วย โดยนางบ๊วย ยินยอมด้วย ผู้ร้องไม่เป็นผู้ต้องห้ามไม่ให้เป็นผู้จัดการมรดกขอให้ศาลมีคำสั่งถอนนางกิมเองออกจากการเป็นผู้จัดการมรดกตามพินัยกรรม และตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกร่วมกับนางบ๊วยต่อไป ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านว่าเลขาธิการสภากาชาดไทยไม่มีอำนาจยื่นคำร้อง คดีนี้ผู้คัดค้าน ได้ครอบครองทรัพย์มรดกมาโดยสงบเปิดเผยในฐานะเป็นเจ้าของตลอดมาจนปัจจุบันเป็นเวลา 35 ปี แล้วผู้ร้องไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นผู้จัดการมรดกตามกฎหมาย ผู้คัดค้านยังมีสุขภาพแข็งแรงสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ขอให้ยกคำร้อง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าให้ถอนผู้คัดค้านออกจากการเป็นผู้จัดการมรดกตามพินัยกรรมและตั้งให้สภากาชาดไทยเป็นผู้จัดการมรดกร่วมกับนางบ๊วย ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ประเด็นข้อแรก ผู้ร้องมีอำนาจร้องคดีนี้หรือไม่ พิเคราะห์แล้วเห็นว่า คดีนี้ผู้ร้องมีอำนาจฟ้องคดีอยู่แล้วการที่ผู้ร้องมอบอำนาจให้เลขาธิการยื่นคำร้องโดยอาศัยใบมอบอำนาจทั่วไปไม่ได้มอบอำนาจให้ฟ้องคดีได้ด้วย จึงเป็นเพียงเรื่องการมอบอำนาจบกพร่องเท่านั้น ไม่เป็นผลถึงกับทำให้คำร้องเสียไปปรากฏว่าก่อนสืบพยานผู้ร้องได้ส่งใบมอบอำนาจให้เลขาธิการฟ้องคดีได้ เป็นการให้สัตยาบันมอบอำนาจให้ฟ้องคดีที่ได้กระทำไปแล้ว การมอบอำนาจในคดีนี้จึงสมบูรณ์ผู้ร้องมีอำนาจฟ้องคดีนี้ได้ ประเด็นต่อไปมีว่า คดีของผู้ร้องขาดอายุความแล้วหรือไม่ ข้อเท็จจริงปรากฏว่า การจัดการมรดกรายนี้ยังไม่สิ้นสุดลง แม้การจัดการมรดกจะล่วงเลยมาเกินกว่าห้าปีแล้วคดีของผู้ร้องก็ยังไม่ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1733 ประเด็นข้อสุดท้ายมีว่า ผู้ร้องเป็นนิติบุคคลมีคุณสมบัติเป็นผู้จัดการมรดกและสมควรเป็นผู้จัดการมรดกรายนี้หรือไม่ พิเคราะห์แล้วตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 69 และ 70 นิติบุคคลย่อมมีสิทธิและหน้าที่เหมือนบุคคลธรรมดา เว้นเสียแต่สิทธิและหน้าที่นั้นจะไม่อยู่ในขอบวัตถุที่ประสงค์ของตนตามที่กำหนดไว้ในข้อบังคับหรือตราสารจัดตั้งหรือสิทธิและหน้าที่นั้นโดยสภาพจะพึงมีพึงเป็นได้เฉพาะบุคคลธรรมดาเท่านั้น สิทธิและหน้าที่ของผู้จัดการมรดกโดยสภาพไม่ใช่สิทธิและหน้าที่ที่จะพึงมีพึงเป็นได้เฉพาะบุคคลธรรมดา กรณีนี้เห็นว่าการจัดการมรดกไม่ขัดกับวัตถุประสงค์ตามที่กำหนดไว้ในข้อบังคับหรือตราสารจัดตั้งของผู้ร้อง ผู้ร้องไม่ได้อยู่ในฐานะที่ต้องห้ามไม่ให้เป็นผู้จัดการมรดก ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1718 จึงมีคุณสมบัติและสมควรเป็นผู้จัดการมรดกรายนี้
|