

ดุลพินิจศาลในการตั้งผู้จัดการมรดก ดุลพินิจศาลในการตั้งผู้จัดการมรดก การที่ทายาทได้มาร้องขอเป็นผู้จัดการมรดก ศาลไม่จำต้องตั้งผู้นั้นเสมอไป แม้ว่าผู้ร้องจะไม่เป็นบุคคลต้องห้าม ก็ตามศาลย่อมใช้ดุลพินิจคำนึงถึงความเหมาะสม เพื่อประโยชน์แก่กองมรดกด้วย ผู้ร้องมีความขัดแย้งกับทายาทอื่นอยู่ ถ้าตั้งผู้ร้องให้เป็นผู้จัดการมรดก อาจก่อความเสียหายได้ คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1966/2528 การตั้งผู้จัดการมรดกนั้น ศาลย่อมใช้ดุลพินิจถึงความเหมาะสม หรือในพฤติการณ์เพื่อประโยชน์แก่กองมรดกด้วยเมื่อ ข้อเท็จจริงปรากฏว่าผู้ร้อง ซึ่งเป็นทายาทมีความขัดแย้งกับทายาทอื่นอยู่ ถ้าตั้งผู้ร้อง ให้เป็นผู้จัดการมรดกอาจก่อ ให้เกิดความเสียหายได้ ถึงแม้ผู้ร้อง จะไม่เป็นบุคคล ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1718 ก็ตามศาลก็ไม่จำต้องตั้งผู้ร้องตามคำร้องทุกกรณีเสมอไป ผู้ร้องยื่นคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกของนางพวง ผู้ตาย ผู้ตายมิได้ทำพินัยกรรมหรือตั้งผู้จัดการมรดกไว้ มีทรัพย์มรดกคือที่ดินโฉนดเลขที่ 14842 และบ้านบนที่ดินแปลงนี้ มีเหตุขัดข้องในการจัดการมรดกจึงขอให้ตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดก ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง ผู้ร้องอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ผู้ร้องฎีกา ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่ทายาทผู้ตายได้มาร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกศาลไม่จำต้องตั้งผู้นั้นตามคำร้องทุกกรณีเสมอไป ถึงแม้ว่าผู้ร้องจะไม่เป็นบุคคลต้องห้ามให้เป็นผู้จัดการมรดกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1718 ก็ตามศาลย่อมใช้ดุลพินิจคำนึงถึงความเหมาะสม หรือในพฤติการณ์เพื่อประโยชน์แก่กองมรดกด้วย ผู้ร้องไม่ได้แจ้งเรื่องให้ทายาทอื่นทราบ จึงไม่มีทายาทมาเบิกความสนับสนุนให้ความยินยอม หรือไม่ขัดข้องในการที่จะตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดก ข้อเท็จจริงปรากฏว่าผู้ร้องมีความขัดแย้งกับทายาทอื่นอยู่ ถ้าตั้งผู้ร้องให้เป็นผู้จัดการมรดก อาจก่อความเสียหายได้ พิพากษายืน
|