
ข้อต่อสู้เรื่องขาดอายุความของผู้ค้ำประกัน
กรมสรรพากรโจทก์รู้ถึงความตายของเจ้ามรดกแล้ว การที่โจทก์ฟ้องจำเลยซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันให้ชำระหนี้ภาษีอากร พ้นกำหนด 1 ปี นับแต่วันที่โจทก์รู้ถึงความตายของเจ้ามรดกนั้น สิทธิเรียกร้องของโจทก์ต่อกองมรดก จึงขาดอายุความตาม ป.พ.พ. มาตรา 1754 วรรคสาม จำเลยในฐานะผู้ค้ำประกันย่อมยกข้อต่อสู้ดังกล่าวได้ตามมาตรา 694
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 743/2552
กรมสรรพากร โจทก์
มาตรา 694 นอกจากข้อต่อสู้ซึ่งผู้ค้ำประกันมีต่อเจ้าหนี้นั้น ท่านว่าผู้ค้ำประกันยังอาจยกข้อต่อสู้ทั้งหลาย ซึ่งลูกหนี้มีต่อเจ้าหนี้ ขึ้นต่อสู้ได้ด้วย
มาตรา 1754 ห้ามมิให้ฟ้องคดีมรดกเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งปี นับแต่เมื่อเจ้ามรดกตาย หรือนับแต่เมื่อทายาทโดยธรรมได้รู้ หรือควรได้รู้ถึงความตายของเจ้ามรดก
คดีฟ้องเรียกตามข้อกำหนดพินัยกรรม มิให้ฟ้องเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งปี นับแต่เมื่อผู้รับพินัยกรรมได้รู้หรือควรได้รู้ถึงสิทธิซึ่งตนมีอยู่ตามพินัยกรรม
ภายใต้บังคับแห่ง มาตรา 193/27 แห่งประมวลกฎหมายนี้ ถ้าสิทธิเรียกร้องของเจ้าหนี้อันมีต่อเจ้ามรดกมีกำหนดอายุความยาวกว่าหนึ่งปี มิให้เจ้าหนี้นั้นฟ้องร้องเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งปีนับแต่เมื่อเจ้าหนี้ได้รู้ หรือควรได้รู้ถึงความตายของเจ้ามรดก
ถึงอย่างไรก็ดี สิทธิเรียกร้องตามที่ว่ามาในวรรคก่อน ๆ นั้น มิให้ฟ้อง ร้องเมื่อพ้นกำหนดสิบปีนับแต่เมื่อเจ้ามรดกตาย
________________________________
กรมสรรพากรโจทก์รู้ถึงความตายของ อ. แล้ว การที่โจทก์ฟ้องจำเลยซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันให้ชำระหนี้ภาษีอากร พ้นกำหนด 1 ปี นับแต่วันที่โจทก์รู้ถึงความตายของ อ. สิทธิเรียกร้องของโจทก์ต่อกองมรดกของ อ. จึงขาดอายุความตาม ป.พ.พ. มาตรา 1754 วรรคสาม จำเลยในฐานะผู้ค้ำประกันย่อมยกข้อต่อสู้ดังกล่าวได้ตามมาตรา 694
________________________________
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นกรมในรัฐบาลสังกัดกระทรวงการคลังมีหน้าที่จัดเก็บภาษีอากรต่างๆ ตามประมวลรัษฎากรและตามกฎหมายอื่น จำเลยเป็นผู้ค้ำประกันหนี้ของนายอุดม ลูกหนี้ภาษีอากรค้างชำระต่อโจทก์ โดยนายอุดมประกอบกิจการรับเหมาก่อสร้างและเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2541 เจ้าพนักงานของจำเลยมีหนังสือแจ้งการประเมินให้นายอุดม ชำระภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมเบี้ยปรับและเงินเพิ่มสำหรับเดือนภาษีสิงหาคม 2539 เป็นเงินรวม 17,181.53 บาท และสำหรับเดือนภาษีกันยายน 2539 เป็นเงินรวม 236, 358.13 บาท เนื่องจากตรวจสอบพบว่า นายอุดมยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีมูลค่าเพิ่มในแต่ละเดือนภาษีดังกล่าวไว้ไม่ครบถ้วนถูกต้อง นายอุดมได้รับหนังสือแจ้งการประเมินโดยชอบแล้วมิได้อุทธรณ์โต้แย้งการประเมินต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ ต่อมาวันที่ 2 พฤศจิกายน 2542 นายอุดมยื่นคำร้องขอขยายเวลาหรือขอผ่อนชำระค่าภาษีอากรตามการประเมินต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ของโจทก์รวม 24 งวด โดยมีจำเลยเป็นผู้ทำสัญญาค้ำประกันการชำระหนี้ของนายอุดมต่อโจทก์ นายอุดมได้ผ่อนชำระหนี้ภาษีอากรค้างชำระบางส่วนแล้วผิดนัดไม่ชำระ คงค้างชำระหนี้ค่าภาษีอากรสำหรับเดือนภาษีกันยายน 2539 เป็นเงิน 84,920 บาท ต่อมานายอุดมถึงแก่ความตาย จำเลยในฐานะผู้ค้ำประกันจึงต้องร่วมรับผิดในหนี้ภาษีอากรค้างชำระของนายอุดมซึ่งเมื่อคำนวณถึงวันฟ้องเป็นเงินทั้งสิ้น 115,748 บาท โจทก์ทวงถามแล้วแต่จำเลยเพิกเฉย ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 115,748 บาท แก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยเป็นผู้ค้ำประกันหนี้ค่าภาษีอากรของนายอุดมจริง เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2545 นายอุดมถึงแก่ความตาย โจทก์รู้ว่านายอุดมถึงแก่ความตายตั้งแต่ปี 2545 การที่โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2549 จึงเกินกำหนด 1 ปี นับแต่โจทก์ได้รู้หรือควรจะรู้ว่านายอุดมถึงแก่ความตาย ฟ้องโจทก์จึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1754 วรรคสาม ขอให้ยกฟ้อง
ศาลภาษีอากรกลางพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงที่คู่ความไม่โต้แย้งกันฟังเป็นยุติในเบื้องต้นว่า เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2541 เจ้าพนักงานของโจทก์ได้มีหนังสือแจ้งการประเมินให้นายอุดมชำระภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมเบี้ยปรับและเงินเพิ่มสำหรับเดือนภาษีสิงหาคมและกันยายน 2539 เป็นเงิน 17,181.53 บาท และ 236,358.13 บาท ตามลำดับ นายอุดมมิได้อุทธรณ์คัดค้านการประเมิน แต่ได้ยื่นคำร้องขอขยายเวลาหรือขอผ่อนชำระภาษีอากร (ท.ป.2) เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2542 ตามเอกสารหมาย จ.2 แผ่นที่ 382 โดยมีจำเลยเข้าทำสัญญาค้ำประกันการผ่อนชำระภาษีอากรดังกล่าวตามเอกสารหมาย จ.2 แผ่นที่ 385 ถึง 388 นายอุดมได้ผ่อนชำระค่าภาษีอากรแล้วบางส่วนคงค้างชำระ 84,920 บาท ต่อมาวันที่ 4 มกราคม 2545 นายอุดมถึงแก่ความตายตามสำเนาใบมรณบัตรเอกสารหมาย ล.1 แผ่นที่ 31 สรรพากรพื้นที่พัทลุงได้มีหนังสือลงวันที่ 10 ตุลาคม 2546 ทวงถามจำเลยในฐานะผู้ค้ำประกันให้ชำระหนี้ภาษีอากรค้างดังกล่าวแล้วตามหนังสือทวงถามและใบตอบรับเอกสารหมาย จ.2 แผ่นที่ 188 และ 189 แต่จำเลยเพิกเฉย
มีปัญหาวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ประการเดียวว่า ฟ้องโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ ในปัญหานี้โจทก์นำสืบว่า สรรพากรพื้นที่พัทลุงและสำนักงานสรรพากรภาค 12 ไม่ใช่ผู้แทนโจทก์ โจทก์เพิ่งทราบเหตุแห่งการตายของนายอุดม เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2548 ตามบันทึกข้อความที่ กค 0732/8654 ลงวันที่ 19 ตุลาคม 2548 เอกสารหมาย จ.2 แผ่นที่ 1 และ 2 การที่โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2549 จึงไม่ขาดอายุความ ส่วนจำเลยนำสืบว่าหลังจากนายอุดมถึงแก่ความตายแล้ว ประมาณกลางปี 2545 ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ได้ฟ้องทายาทของนายอุดมต่อศาลจังหวัดพัทลุงเป็นคดีหมายเลขแดงที่ 1215/2545 ซึ่งโจทก์ได้ยื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ของนายอุดมในคดีดังกล่าวด้วย ทั้งนางกิ้มทายาทของนายอุดมก็ได้ไปให้การและส่งมอบหลักฐานใบมรณบัตรของนายอุดมต่อเจ้าพนักงานของโจทก์เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2545 จึงถือว่าโจทก์ทราบการตายของนายอุดมตั้งแต่ปี 2545 เห็นว่า ก่อนที่โจทก์จะยื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 1215/2545 ของศาลจังหวัดพัทลุง ระหว่างธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) โจทก์ นางกิ้ม กับพวก จำเลย ได้ความว่าสรรพากรพื้นที่พัทลุงมีบันทึกข้อความลงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2547 ถึงสรรพากรภาค 12 สรุปความว่า ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ได้ฟ้องทายาทโดยธรรมของนายอุดม เพื่อบังคับจำนองเมื่อวันที่ 23 กันยายน 2545 และจะมีการบังคับคดีขายทอดตลาดที่ดินของนายอุดมซึ่งติดจำนองธนาคารดังกล่าว แต่เนื่องจากนายอุดมเสียชีวิตแล้วเมื่อวันที่ 4 มกราคม 2545 ฉะนั้นเพื่อให้ได้รับชำระภาษีอากรค้างจึงเห็นควรยื่นคำร้องเฉลี่ยทรัพย์ และขอให้สรรพากรภาค 12 จัดส่งใบแต่งทนายความให้สรรพากรพื้นที่พัทลุงเพื่อดำเนินการต่อไป รายละเอียดปรากฏตามเอกสารหมาย จ.2 แผ่นที่ 178 และ 180 ต่อมาสรรพากรภาค 12 มีบันทึกลงวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2547 ตามเอกสารหมาย จ.2 แผ่นที่ 177 แจ้งให้สรรพากรพื้นที่พัทลุงดำเนินการยื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์พร้อมกับส่งใบแต่งทนายความซึ่งลงนามโดยนายโยธิน สรรพากรภาค 12 จำนวน 4 ฉบับ ไปด้วย จากเอกสารที่โจทก์ส่งต่อศาลในคดีนี้ปรากฏว่ามีใบแต่งทนายความ 1 ฉบับ ระบุว่า ผู้ลงนามเป็นผู้แต่งทนายความคือนายโยธิน สรรพากรภาค 12 ปฏิบัติราชการแทนอธิบดีกรมสรรพากร ตามเอกสารหมาย จ.2 แผ่นที่ 162 กรณีจึงมีเหตุผลให้เชื่อได้ว่า ผู้ที่ดำเนินการแทนโจทก์ในการยื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ในคดีหมายเลขแดงที่ 1215/2545 ของศาลจังหวัดพัทลุง ก็คือนายโยธิน สรรพากรภาค 12 ซึ่งปฏิบัติราชการแทนอธิบดีของโจทก์ เมื่อเป็นดังนี้ย่อมต้องถือว่าโจทก์ทราบการตายของนายอุดมแล้วตั้งแต่วันที่โจทก์ยื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ในคดีดังกล่าว แม้ทางพิจารณาจะไม่ปรากฏว่า โจทก์ยื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์เมื่อใด แต่ปรากฏจากหนังสือแจ้งผลคดีของอัยการจังหวัดพัทลุง ตามเอกสารหมาย จ.2 แผ่นที่ 142 และ 143 ว่า เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2547 ศาลจังหวัดพัทลุงมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์เฉลี่ยทรัพย์ในคดีนี้ได้ กรณีจึงถือได้ว่าอย่างช้าที่สุดในวันที่ 10 พฤษภาคม 2547 โจทก์รู้ถึงความตายของนายอุดมแล้ว การที่โจทก์ฟ้องจำเลยเมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2549 ซึ่งพ้นกำหนด 1 ปี นับแต่วันที่โจทก์รู้ถึงความตายของนายอุดม สิทธิเรียกร้องของโจทก์ต่อกองมรดกของนายอุดมจึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1754 วรรคสาม จำเลยในฐานะผู้ค้ำประกันย่อมยกข้อต่อสู้ดังกล่าวขึ้นอ้างได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 694 ที่ศาลภาษีอากรกลางพิพากษามานั้นชอบแล้ว”
พิพากษายืน จำเลยไม่ได้แก้อุทธรณ์ จึงไม่กำหนดค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ให้
( ทองหล่อ โฉมงาม - องอาจ โรจนสุพจน์ - ชาลี ทัพภวิมล )
จำเลยมีหนี้สินล้นพ้นตัวตามข้อสันนิษฐานของกฎหมาย
การฟ้องคดีล้มละลาย โจทก์อาจอ้างว่าจำเลยมีหนี้สินล้นพ้นตวตามความเป็นจริง หรือตามข้อสันนิษฐานของกฎหมายก็ได้ ในกรณที่โจทก์ฟ้องโดยอ้างข้อสันนิษฐานของกฎหมาย โจทก์ก็มีหน้าที่เพียงนำสืบให้ต้องด้วยข้อสันนิษฐาน ถ้าโจทก์สืบไม่ได้ก็ถือไม่ได้ว่าลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัวตามข้อสันนิษฐานของกฎหมาย ศาลก็ต้องยกฟ้อง แต่ถ้าโจทก์ฟ้องโดยอ้างว่า จำเลยมีหนี้สินล้นพ้นตัวตามข้อสันนิษฐานของกฎหมายและตามความเป็นจริงด้วย
http://www.peesirilaw.com/พระราชบัญญัติล้มละลาย/การฟ้องคดีล้มละลาย.html
ลูกจ้างจะต้องเลือกใช้สิทธิทางใดทางหนึ่ง
ให้ลูกจ้างจะต้องเลือกใช้สิทธิทางใดทางหนึ่งระหว่างใช้สิทธิฟ้องคดีต่อศาลแรงงานหรือจะยื่นคำร้องต่อพนักงานตรวจแรงงานก็ได้แต่เพียงทางเดียว จะใช้สิทธิพร้อมกันทั้งสองทางไม่ได้ การที่โจทก์ยื่นคำร้องต่อพนักงานตรวจแรงงานแล้ว โจทก์จึงไม่มีสิทธิที่จะนำคดีไปฟ้องศาลแรงงานอีกจนกว่าการดำเนินการของพนักงานตรวจแรงงานจะสิ้นสุด
http://www.peesirilaw.com/กฎหมายแรงงาน/ลูกจ้างจะต้องเลือกใช้สิทธิทางใดทางหนึ่ง.html
มีเส้นทางอื่นออกไม่ตัดสิทธิขอคุ้มครองประโยชน์
การร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้จำเลยเปิดทางพิพาทชั่วคราวก่อนศาลพิพากษาเป็นการขอเพื่อจัดให้มีวิธีคุ้มครองอย่างหนึ่ง การที่โจทก์สามารถใช้เส้นทางอื่นออกไปสู่ทางสาธารณะได้นั้น หาตัดสิทธิของโจทก์ในการที่จะร้องขอให้ศาลมีคำสั่งใช้วิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษาไม่ เพราะโจทก์ฟ้องว่ายังมีสิทธิที่จะใช้ทางพิพาทออกไปสู่ทางสาธารณะได้อีกทางหนึ่งด้วย กรณีจึงมีเหตุที่โจทก์จะขอให้ศาลมีคำสั่งใช้วิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษาในชั้นอุทธรณ์ได้
http://www.peesirilaw.com/ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง/สิทธิขอคุ้มครองประโยชน์ชั่วคราว.html
พิพากษายกฟ้องโดยผู้พิพากษาคนเดียว
ความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ในการพิจารณาพิพากษาคดีของศาลชั้นต้นต้องมีผู้พิพากษาอย่างน้อยสองคนจึงเป็นองค์คณะที่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี ตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม โจทก์ฟ้องจำเลยต่อศาลชั้นต้นซึ่งเป็นศาลจังหวัด ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโดยผู้พิพากษาคนเดียวเป็นผู้พิจารณาพิพากษาคดี จึงเป็นการไม่ชอบด้วยพระธรรมนูญศาลยุติธรรม
http://www.peesirilaw.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=538794868&Ntype=58
สิทธิบอกเลิกสัญญาจะซื้อจะขายห้องชุด
จำเลยมีหนังสือชี้แจงความคืบหน้าโครงการอาคารชุดถึงโจทก์ระบุว่า จำเลยคาดว่าจะสามารถดำเนินการก่อสร้างห้องชุดให้แล้วเสร็จและแจ้งการรับโอนกรมสิทธิ์ห้องชุดได้ในไม่ช้านี้แสดงว่าจำเลยก่อสร้างห้องชุดไม่แล้วเสร็จภายในปีที่กำหนด จำเลยยังไม่พร้อมที่จะแจ้งการรับโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุด ข้อเท็จจริงรับฟังได้ตามที่โจทก์นำสืบว่าจำเลยก่อสร้างห้องชุดพิพาทไม่แล้วเสร็จภายในปีที่กำหนดในสัญญา จำเลยจึงเป็นฝ่ายผิดสัญญา โจทก์ย่อมมีสิทธิบอกเลิกสัญญาจะซื้อจะขายห้องชุดพิพาทได้
http://www.peesirilaw.com/นิติกรรม/สิทธิบอกเลิกสัญญาจะซื้อจะขายห้องชุด.html
จะยกความประมาทเลินเล่อของตนขึ้นเป็นข้ออ้างไม่ได้
หนังสือมอบอำนาจ พิมพ์ลายนิ้วมือ(ฎีกาที่ 6542/2552) ได้มอบสำเนาทะเบียนบ้านและสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนให้ไว้แสดงถึงความประมาทเลินเล่อของโจทก์ เมื่อจำเลยกรอกข้อความลงในหนังสือมอบอำนาจนอกเหนือไปจากวัตถุประสงค์ของโจทก์และนำไปแสดงต่อบุคคลภายนอกและเขาหลงเชื่อว่ามอบอำนาจเช่นนั้นจริง โจทก์จะยกความประมาทเลินเล่อของตนขึ้นเป็นข้ออ้างเพื่อเพิกถอนนิติกรรมการโอนที่ดินที่รับโอนโดยสุจริตหาได้ไม่
http://www.peesirilaw.com/นิติกรรม/หนังสือมอบอำนาจ-พิมพ์ลายนิ้วมือ.html
พินัยกรรมมีเงื่อนไขบังคับก่อน
เจ้ามรดกทำพินัยกรรมยกบ้านและที่ดินให้โจทก์โดยระบุว่าจำเลยมีสิทธิอยู่อาศัยและสิทธิเก็บกินได้ตลอดชีวิต เมื่อจำเลยตายให้บ้านและที่ดินตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ เป็นพินัยกรรมที่มีเงื่อนไขบังคับก่อน จำเลยครอบครองบ้านและที่ดินแทนโจทก์ จะยกอายุความขึ้นต่อสู้โจทก์ไม่ได้ เพราะกฎหมายรับรองสิทธิของบุคคลที่จะยกอายุความขึ้นต่อสู้ได้ก็แต่เฉพาะบุคคลซึ่งเป็นทายาทหรือบุคคลซึ่งชอบที่จะใช้สิทธิของทายาทหรือโดยผู้จัดการมรดกเท่านั้น
http://www.peesirilaw.com/คดีมรดก/พินัยกรรมมีเงื่อนไขบังคับก่อน.html
ครอบครองที่ดินแทนทายาททุกคนเพื่อประโยชน์ร่วมกัน
สิทธิเรียกร้องมรดกของโจทก์ขาดอายุความแล้วหรือไม่? ที่จำเลยได้รับจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินอันเป็นมรดกก็เนื่องจากทายาททุกคนตกลงมอบหมายให้จำเลยเป็นผู้นำไปขายแล้วนำเงินมาแบ่งแก่ทายาท จำเลยจึงครอบครองที่ดินแทนทายาททุกคนเพื่อประโยชน์ร่วมกัน แม้จำเลยขายที่ดินมรดกนี้ไปก็ถือว่า จำเลยยังครอบครองเงินที่ขายแทนทายาททุกคนเพื่อการแบ่งปันกัน อายุความตัดสิทธิในระหว่างทายาทด้วยกันยังไม่เริ่มนับ เพราะการแบ่งปันทรัพย์มรดกนี้
http://www.peesirilaw.com/คดีมรดก/ครอบครองที่ดินแทนทายาททุกคน.html
ทายาทมิได้ฟ้องเรียกร้องมรดกภายใน 1 ปีจากทายาทผู้ครอบครอง
ปัญหาว่าคดีโจทก์ขาดอายุความหรือไม่?? โจทก์ผู้เป็นทายาทมิได้ฟ้องเรียกร้องมรดกเสียภายในกำหนด 1 ปี จากจำเลยที่ 1 ผู้ครอบครองแต่เพียงผู้เดียวในทรัพย์มรดกของผู้ตาย ทรัพย์ในส่วนมรดกนั้นย่อมตกเป็นของจำเลยที่ 1 ทายาทผู้ครอบครอง เมื่อจำเลยที่ 1 ขายทรัพย์ซึ่งรวมส่วนมรดกให้แก่จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นบุคคลภายนอก จำเลยที่ 2 ย่อมใช้สิทธิของจำเลยที่ 1 ผู้เป็นทายาทยกอายุความขึ้นต่อสู้โจทก์ผู้เป็นทายาทอื่นได้ด้วย
http://www.peesirilaw.com/คดีมรดก/ทายาทมิได้ฟ้องเรียกร้องมรดกภายใน-1-ปี.html
มิใช่ฟ้องบังคับจำนอง
ห้ามมิให้เจ้าหนี้ฟ้องบังคับตามสิทธิเรียกร้องอันมีต่อเจ้ามรดกเมื่อพ้นกำหนด 1 ปี คดีนี้โจทก์ใช้สิทธิฟ้องเรียกให้ชำระหนี้เงินกู้อย่างเจ้าหนี้สามัญ มิใช่ฟ้องบังคับจำนอง จึงต้องนำอายุความ 1 ปี มาใช้บังคับแก่คดี เมื่อโจทก์ได้รู้ถึงความตายของเจ้ามรดกแต่โจทก์นำคดีมาฟ้องจำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 ทายาทโดยธรรม เมื่อพ้นกำหนด 1 ปี สิทธิเรียกร้องของโจทก์ในหนี้เงินกู้อันเป็นหนี้ประธานจึงขาดอายุความ
http://www.peesirilaw.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=538795196&Ntype=42
ปรึกษากฎหมาย ปรึกษาทนายความ 0859604258 * www.peesirilaw.com *