
เจ้ามรดกได้จำหน่ายทรัพย์โดยพินัยกรรมแล้ว
ผู้ร้องหรือผู้คัดค้านสมควรเป็นผู้จัดการมรดก? ตามข้อกำหนดในพินัยกรรมได้ระบุชัดเจนว่า ให้ผู้ร้องทั้งห้าเป็นผู้จัดการทรัพย์มรดกตามพินัยกรรมโดยระบุให้จำหน่ายที่ดิน เมื่อหักค่าใช้จ่ายแล้วให้นำเงินเข้าสมทบทุนสร้างพระอุโบสถหลังใหม่ สร้างถาวรวัตถุให้แก่วัดผู้คัดค้านและจัดตั้งมูลนิธิ ถือว่าเจ้ามรดกได้จำหน่ายทรัพย์โดยพินัยกรรมแล้ว ทรัพย์สินดังกล่าวจึงไม่ตกเป็นสมบัติของผู้คัดค้าน ดังนี้ผู้ร้องที่ 1 ที่ 2 และที่ 5 จึงเป็นผู้มีส่วนได้เสียมีสิทธิยื่นคำร้องขอตั้งผู้จัดการมรดก เมื่อไม่ปรากฏว่าผู้ร้องที่ 1 ที่ 2 และที่ 5 เป็นบุคคลต้องห้ามตามกฎหมายจึงสมควรเป็นผู้จัดการมรดกของเจ้ามรดก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5370/2552
ในคดีไม่มีข้อพิพาทถ้าบุคคลอื่นใดนอกจากคู่ความที่ได้ยื่นฟ้องได้เข้ามาเกี่ยวข้องในคดีโดยตรงหรือโดยอ้อมให้ถือว่าบุคคลเช่นว่ามานี้เป็นคู่ความและให้ดำเนินคดีไปตามบทบัญญัติแห่ง ป.วิ.พ. ว่าด้วยคดีมีข้อพิพาทตาม ป.วิ.พ. มาตรา 188 (5) คำคัดค้านของผู้คัดค้านจึงเป็นคำคู่ความที่จะก่อให้เกิดเป็นประเด็นข้อพิพาทผู้คัดค้านจะคัดค้านคำร้องขอในประเด็นข้อใดจะต้องยื่นคำคัดค้านให้ชัดเจนตาม ป.วิ.พ. มาตรา 177 วรรคสอง จึงจะเกิดเป็นประเด็นข้อพิพาทในข้อนั้น การที่ผู้คัดค้านยื่นคำร้องคัดค้านว่าพินัยกรรมทำขึ้นโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายกล่าวคือ พระ อ. ไม่ได้มีความประสงค์หรือเจตนาจะทำพินัยกรรมดังกล่าว ผู้ทำพินัยกรรมได้กระทำโดยถูกหลอกลวง สำคัญผิดไม่เป็นไปตามความประสงค์อันแท้จริงของผู้ทำพินัยกรรมและขณะทำพินัยกรรมพระ อ. มีสติสัมปชัญญะไม่สมบูรณ์ อันเป็นข้อเท็จจริงที่ยืนยันว่าพระ อ. ทำพินัยกรรมจริงแต่ถูกหลอกลวง สำคัญผิดและมีสติสัมปชัญญะไม่สมบูรณ์ แต่คำร้องคัดค้านกลับกล่าวอีกว่าลายมือชื่อผู้ทำพินัยกรรมไม่ใช่ลายมือของพระ อ. เท่ากับยืนยันว่าพระ อ. ไม่ได้ทำพินัยกรรม เช่นนี้คำร้องคัดค้านจึงขัดกันเองและไม่ชัดแจ้งว่าผู้คัดค้านได้คัดค้านว่าเป็นพินัยกรรมปลอมหรือเป็นพินัยกรรมที่ผู้ทำถูกหลอกลวง สำคัญผิดหรือทำพินัยกรรมในขณะที่มีสติสัมปชัญญะไม่สมบูรณ์ ส่วนที่ผู้คัดค้านยื่นคำร้องคัดค้านว่าพินัยกรรมทำไม่ถูกต้องตามแบบที่กฎหมายกำหนดก็ไม่ได้ระบุว่าไม่ถูกต้องตามแบบอย่างใดจึงไม่มีเหตุแห่งการปฏิเสธ คำร้องคัดค้านจึงไม่ชัดแจ้ง ถือไม่ได้ว่าผู้คัดค้านได้โต้แย้งคัดค้านคำร้องขอของผู้ร้องไม่ก่อให้เกิดเป็นประเด็นข้อพิพาทว่าพินัยกรรมชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 183 จึงต้องฟังข้อเท็จจริงตามคำร้องขอของผู้ร้องว่าพินัยกรรมดังกล่าวเป็นพินัยกรรมที่ชอบด้วยกฎหมาย
มาตรา 1623 ทรัพย์สินของพระภิกษุที่ได้มาในระหว่างเวลาที่อยู่ในสมณเพศนั้น เมื่อพระภิกษุนั้นถึงแก่มรณภาพให้ตกเป็นสมบัติของวัดที่เป็นภูมิลำเนาของพระภิกษุนั้น เว้นไว้แต่พระภิกษุนั้นจะได้จำหน่ายไปในระหว่างชีวิตหรือโดยพินัยกรรม
ป.วิ.พ.
มาตรา 177 เมื่อได้ส่งหมายเรียกและคำฟ้องให้จำเลยแล้ว ให้จำเลย ทำคำให้การเป็นหนังสือยื่นต่อศาลภายในสิบห้าวันให้จำเลยแสดงโดยชัดแจ้งในคำให้การว่า จำเลยยอมรับหรือปฏิเสธ ข้ออ้างของโจทก์ทั้งสิ้นหรือแต่บางส่วน รวมทั้งเหตุแห่งการนั้น
จำเลยจะฟ้องแย้งมาในคำให้การก็ได้ แต่ถ้าฟ้องแย้งนั้นเป็นเรื่อง อื่นไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิมแล้ว ให้ศาลสั่งให้จำเลยฟ้องเป็นคดีต่างหากให้ศาลตรวจดูคำให้การนั้นแล้วสั่งให้รับไว้ หรือให้คืนไป หรือสั่ง ไม่รับตามที่บัญญัติไว้ใน มาตรา 18
บทบัญญัติแห่ง มาตรานี้ ให้ใช้บังคับแก่บุคคลภายนอกที่ถูกเรียก เข้ามาเป็นผู้ร้องสอดตาม มาตรา 57 (3) โดยอนุโลมมาตรา
มาตรา 183 ในวันชี้สองสถาน ให้คู่ความมาศาล และให้ศาลตรวจ คำคู่ความและคำแถลงของคู่ความแล้วนำข้ออ้างข้อเถียงที่ปรากฏใน คำคู่ความและคำแถลงของคู่ความเทียบกันดู และสอบถามคู่ความ ทุกฝ่ายถึงข้ออ้าง ข้อเถียง และพยานหลักฐานที่จะยื่นต่อศาลว่า ฝ่ายใดยอมรับหรือโต้แย้งข้ออ้าง ข้อเถียงนั้นอย่างไร ข้อเท็จจริงใด ที่คู่ความยอมรับกันก็เป็นอันยุติไปตามนั้นส่วนข้อกฎหมายหรือ ข้อเท็จจริงที่คู่ความฝ่ายหนึ่งยกขึ้นอ้างแต่คู่ความฝ่ายอื่นไม่รับและ เกี่ยวเนื่องโดยตรงกับประเด็นข้อพิพาทตามคำคู่ความ ให้ศาลกำหนด ไว้เป็นประเด็นข้อพิพาทและกำหนดให้คู่ความฝ่ายใดนำพยานหลักฐาน มาสืบในประเด็นข้อใดก่อนหรือหลังก็ได้
ในการสอบถามคู่ความตามวรรคหนึ่ง คู่ความแต่ละฝ่ายต้องตอบ คำถามที่ศาลถามเองหรือถามตามคำขอของคู่ความฝ่ายอื่น เกี่ยวกับ ข้อเท็จจริงที่คู่ความฝ่ายอื่นยกขึ้นเป็นข้ออ้าง ข้อเถียง และพยาน หลักฐานต่าง ๆ ที่คู่ความจะยื่นต่อศาล ถ้าคู่ความฝ่ายใดไม่ตอบ คำถามเกี่ยวกับข้อเท็จจริงใด หรือปฏิเสธข้อเท็จจริงใดโดยไม่มี เหตุผลอันสมควร ให้ถือว่ายอมรับข้อเท็จจริงนั้นแล้ว เว้นแต่คู่ความ ฝ่ายนั้นไม่อยู่ในวิสัยที่จะตอบ หรือแสดงเหตุผลแห่งการปฏิเสธได้ใน ขณะนั้น
คู่ความมีสิทธิคัดค้านว่าประเด็นข้อพิพาทหรือหน้าที่นำสืบที่ศาล กำหนดไว้นั้นไม่ถูกต้องโดยแถลงด้วยวาจาต่อศาลในขณะนั้นหรือ ยื่นคำร้องต่อศาลภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่ศาลสั่งกำหนดประเด็น ข้อพิพาท หรือหน้าที่นำสืบ ให้ศาลชี้ขาดคำคัดค้านนั้นก่อนวันสืบพยาน คำชี้ขาดคำคัดค้านดังกล่าวให้อยู่ภายใต้บังคับ มาตรา 226
มาตรา 188 ในคดีที่ไม่มีข้อพิพาท ให้ใช้ข้อบังคับต่อไปนี้
(1) ให้เริ่มคดีโดยยื่นคำร้องขอต่อศาล
(2) ศาลอาจเรียกพยานมาสืบได้เองตามที่เห็นจำเป็นและวินิจฉัยชี้ ขาดตามที่เห็นสมควรและยุติธรรม
(3) ทางแก้แห่งคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลนั้นให้ใช้ได้แต่โดย วิธียื่นอุทธรณ์หรือฎีกาเท่านั้น และให้อุทธรณ์ฎีกาได้แต่เฉพาะใน สองกรณีต่อไปนี้
(ก) ถ้าศาลได้ยกคำร้องขอ ของคู่ความฝ่ายที่เริ่มคดีเสีย ทั้งหมดหรือแต่บางส่วน หรือ
(ข) ในเหตุที่มิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมาย นี้ว่าด้วยการพิจารณาหรือพิพากษาหรือคำสั่ง
(4) ถ้าบุคคลอื่นใดนอกจากคู่ความที่ได้ยื่นฟ้องคดีอันไม่มี ข้อพิพาทได้เข้ามาเกี่ยวข้องในคดีโดยตรงหรือโดยอ้อม ให้ถือว่า บุคคลเช่นว่ามานี้เป็นคู่ความและให้ดำเนินคดีไปตามบทบัญญัติ แห่งประมวลกฎหมายนี้ว่าด้วยคดีอันมีข้อพิพาทแต่ในคดีที่ยื่น คำร้องขอต่อศาล เพื่อให้ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่งให้คำอนุญาต ที่ผู้แทนโดยชอบธรรมได้ปฏิเสธเสีย หรือให้ศาลมีคำพิพากษาหรือ คำสั่งถอนคืนคำอนุญาตอันได้ให้ไว้แก่ไร้ความสามารถนั้นให้ถือว่า เป็นคดีไม่ข้อพิพาท แม้ถึงว่าผู้แทนโดยชอบธรรมหรือผู้ไร้ความ สามารถนั้นจะได้มาศาล และแสดงข้อคัดค้านในการให้คำอนุญาต หรือถอนคืนคำอนุญาตเช่นว่านั้น
________________________________
ผู้ร้องทั้งห้ายื่นคำร้องขอว่า ก่อนพระครูอุดมภาวนาภิรัตจะถึงแก่มรณภาพได้ทำพินัยกรรมให้จัดการเกี่ยวกับทรัพย์มรดกไว้และตั้งผู้ร้องทั้งห้าเป็นผู้มีสิทธิจัดการมรดกหลังจากพระครูอุดมภาวนาภิรัตถึงแก่มรณภาพ การจัดการมรดกมีเหตุขัดข้อง ผู้ร้องทั้งห้าไม่ได้เป็นบุคคลต้องห้ามมิให้เป็นผู้จัดการมรดกตามกฎหมาย ขอให้ตั้งผู้ร้องทั้งห้าเป็นผู้จัดการมรดกรายนี้
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านว่า พระครูอุดมภาวนาภิรัตถึงแก่มรณภาพในขณะที่เป็นพระภิกษุและจำพรรษาอยู่ที่วัดผู้คัดค้าน ทรัพย์มรดกของผู้มรณภาพจึงตกเป็นมรดกแก่ผู้คัดค้าน ผู้คัดค้านจึงเป็นผู้มีส่วนได้รับทรัพย์มรดกดังกล่าว พินัยกรรมที่ผู้ร้องทั้งห้ากล่าวอ้างทำขึ้นโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย พระครูอุดมภาวนาภิรัตไม่ได้มีความประสงค์หรือเจตนาจะทำพินัยกรรม ลายมือชื่อผู้ทำพินัยกรรมไม่ใช่ลายมือชื่อพระครูอุดมภาวนาภิรัต พินัยกรรมทำไม่ถูกต้องตามแบบที่กฎหมายกำหนดและผู้ทำพินัยกรรมถูกหลอกลวง สำคัญผิดและขณะทำพินัยกรรมพระครูภาวนาภิรัตมีสติสัมปชัญญะไม่สมบูรณ์ พินัยกรรมเป็นโมฆะ ไม่มีผลใช้บังคับ ขอให้ยกคำร้องของผู้ร้องทั้งห้า ผู้คัดค้านไม่เป็นบุคคลต้องห้ามมิให้เป็นผู้จัดการมรดกตามกฎหมายและขอให้มีคำสั่งตั้งผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดกของผู้มรณภาพ
ระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น ผู้ร้องที่ 3 และที่ 4 ขอถอนคำร้องขอ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาต
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งตั้ง วัดพืชอุดม ผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดกของพระครูอุดมภาวนาภิรัต ผู้มรณภาพ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1713 ให้มีสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมาย ยกคำร้อง ค่าฤชาธรรมเนียมตกเป็นพับ
ผู้ร้องที่ 1 ที่ 2 และที่ 5 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับเป็นว่า ให้ตั้งผู้ร้องที่ 1 ที่ 2 และที่ 5 เป็นผู้จัดการมรดกของพระครูอุดมภาวนาภิรัต ผู้มรณภาพ ยกคำร้องคัดค้าน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
ผู้คัดค้านฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “...พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงที่ผู้ร้องและผู้คัดค้านไม่ฎีกาโต้แย้งกันรับฟังเป็นยุติว่า พระครูอุดมภาวนาภิรัตเจ้ามรดกเป็นพระภิกษุในบวรพระพุทธศาสนา ก่อนถึงแก่มรณภาพจำพรรษาอยู่ที่วัดผู้คัดค้านในตำแหน่งเจ้าอาวาส มีทรัพย์มรดกที่ได้มาในระหว่างอยู่ในสมณเพศเป็นที่ดินจำนวน 12 แปลง คือ โฉนดเลขที่ 94094 - 94101 เนื้อที่ 25 ไร่ 1 งาน 33 ตารางวา และที่ดินโฉนดเลขที่ 1393, 2557, 2559, 2560 เนื้อที่ 23 ไร่ 3 งาน 39 ตารางวา ต่อมาเมื่อวันที่ 2 เมษายน 2542 พระครูอุดมภาวนาภิรัตได้ถึงแก่มรณภาพด้วยโรคภาวะหัวใจล้มเหลว
คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามที่ผู้คัดค้านฎีกาว่า คดีมีประเด็นข้อพิพาทว่าพินัยกรรมชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ โดยผู้คัดค้านฎีกาว่า เดิมคดีนี้ผู้ร้องยื่นคำร้องขออย่างคดีไม่มีข้อพิพาท เมื่อผู้คัดค้านได้ยื่นคำคัดค้านต่อมาจึงไม่ถือว่าคำคัดค้านเป็นคำให้การตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคหนึ่ง นั้น เห็นว่าในคดีไม่มีข้อพิพาทนั้นถ้าบุคคลอื่นใดนอกจากคู่ความที่ได้ยื่นฟ้องคดีอันไม่มีข้อพิพาทได้เข้ามาเกี่ยวข้องในคดีโดยตรงหรือโดยอ้อมให้ถือว่าบุคคลเช่นว่ามานี้เป็นคู่ความ และให้ดำเนินคดีไปตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งว่าด้วยคดีมีข้อพิพาท ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 188 (4) ดังนี้ คำร้องขอของผู้ร้องและคำคัดค้านของผู้คัดค้านจึงเป็นคำคู่ความที่จะก่อให้เกิดเป็นประเด็นข้อพิพาท ซึ่งหากผู้คัดค้านจะคัดค้านคำร้องขอในประเด็นข้อใดจะต้องยื่นคำคัดค้านให้ชัดแจ้งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสอง จึงจะเกิดเป็นประเด็นข้อพิพาทในข้อนั้น เมื่อผู้ร้องกล่าวอ้างว่าผู้ร้องเป็นผู้มีส่วนได้เสียได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการทรัพย์มรดกตามพินัยกรรมจำเป็นต้องใช้สิทธิทางศาลขอให้ตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของเจ้ามรดกการที่ผู้คัดค้านยื่นคำร้องคัดค้านเกี่ยวกับพินัยกรรมว่าพินัยกรรมทำขึ้นโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายกล่าวคือพระครูอุดมภาวนาภิรัตไม่ได้มีความประสงค์หรือเจตนาจะทำพินัยกรรมดังกล่าว ผู้ทำพินัยกรรมได้กระทำโดยถูกหลอกลวง สำคัญผิดไม่เป็นไปตามความประสงค์อันแท้จริงของผู้ทำพินัยกรรมและขณะทำพินัยกรรมพระครูอุดมภาวนาภิรัตมีสติสัมปชัญญะไม่สมบูรณ์ อันเป็นข้อเท็จจริงที่ยืนยันว่าพระครูอุดมภาวนาภิรัตทำพินัยกรรมจริงแต่ถูกหลอกลวง สำคัญผิดและมีสติสัมปชัญญะไม่สมบูรณ์ แต่คำร้องคัดค้านกลับกล่าวอีกว่าลายมือชื่อผู้ทำพินัยกรรมไม่ใช่ลายมือของพระครูอุดมภาวนาภิรัต เท่ากับยืนยันว่าพระครูอุดมภาวนาภิรัตไม่ได้ทำพินัยกรรม เช่นนี้คำร้องคัดค้านจึงขัดกันเองและไม่ชัดแจ้งว่าผู้คัดค้านได้คัดค้านว่าเป็นพินัยกรรมปลอมหรือเป็นพินัยกรรมที่ผู้ทำถูกหลอกลวงหรือสำคัญผิดหรือทำพินัยกรรมในขณะที่มีสติสัมปชัญญะไม่สมบูรณ์ ส่วนที่ผู้คัดค้านยื่นคำร้องคัดค้านว่าพินัยกรรมทำไม่ถูกต้องตามแบบที่กฎหมายกำหนดก็ไม่ได้ระบุว่าไม่ถูกต้องตามแบบอย่างใดจึงไม่มีเหตุแห่งการปฏิเสธให้แจ้งชัดเช่นกัน คำร้องคัดค้านเกี่ยวกับเรื่องพินัยกรรมจึงไม่ชัดแจ้ง ถือไม่ได้ว่าผู้คัดค้านได้โต้แย้งคัดค้านคำร้องขอของผู้ร้องที่อ้างว่าเจ้ามรดกได้ทำพินัยกรรมไว้และไม่ก่อให้เกิดเป็นประเด็นข้อพิพาทว่าพินัยกรรมชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 183 จึงต้องฟังข้อเท็จจริงตามคำร้องขอของผู้ร้องว่าพินัยกรรมดังกล่าวเป็นพินัยกรรมที่ชอบด้วยกฎหมาย คดีคงมีประเด็นข้อพิพาทในคดีนี้เพียงว่าผู้ร้องหรือผู้คัดค้านสมควรเป็นผู้จัดการมรดกในข้อนี้ตามข้อกำหนดในพินัยกรรมได้ระบุชัดเจนว่า ให้ผู้ร้องทั้งห้าเป็นผู้จัดการทรัพย์มรดกตามพินัยกรรมโดยระบุให้จำหน่ายที่ดินทั้ง 12 แปลง เมื่อหักค่าใช้จ่ายแล้วให้นำเงินเข้าสมทบทุนสร้างพระอุโบสถหลังใหม่ สร้างถาวรวัตถุให้แก่วัดผู้คัดค้านและจัดตั้งมูลนิธิพระครูอุดมภาวนาภิรัตอันถือว่าพระครูอุดมภาวนาภิรัตเจ้ามรดกได้จำหน่ายทรัพย์โดยพินัยกรรมแล้ว ทรัพย์สินดังกล่าวจึงไม่ตกเป็นสมบัติของผู้คัดค้านตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1623 ดังนี้ผู้ร้องที่ 1 ที่ 2 และที่ 5 จึงเป็นผู้มีส่วนได้เสียมีสิทธิยื่นคำร้องขอตั้งผู้จัดการมรดก เมื่อไม่ปรากฏว่าผู้ร้องที่ 1 ที่ 2 และที่ 5 เป็นบุคคลต้องห้ามตามกฎหมายจึงสมควรเป็นผู้จัดการมรดกของพระครูอุดมภาวนาภิรัตเจ้ามรดก ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล ฎีกาผู้คัดค้านฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ
( สถิตย์ ทาวุฒิ - อิศเรศ ชัยรัตน์ - พงษ์ศักดิ์ วีระเสถียร )
ครอบครองที่ดินแทนทายาททุกคนเพื่อประโยชน์ร่วมกัน
สิทธิเรียกร้องมรดกของโจทก์ขาดอายุความแล้วหรือไม่? ที่จำเลยได้รับจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินอันเป็นมรดกก็เนื่องจากทายาททุกคนตกลงมอบหมายให้จำเลยเป็นผู้นำไปขายแล้วนำเงินมาแบ่งแก่ทายาท จำเลยจึงครอบครองที่ดินแทนทายาททุกคนเพื่อประโยชน์ร่วมกัน แม้จำเลยขายที่ดินมรดกนี้ไปก็ถือว่า จำเลยยังครอบครองเงินที่ขายแทนทายาททุกคนเพื่อการแบ่งปันกัน อายุความตัดสิทธิในระหว่างทายาทด้วยกันยังไม่เริ่มนับ เพราะการแบ่งปันทรัพย์มรดกนี้
http://www.peesirilaw.com/คดีมรดก/ครอบครองที่ดินแทนทายาททุกคน.html
ทายาทมิได้ฟ้องเรียกร้องมรดกภายใน 1 ปีจากทายาทผู้ครอบครอง
ปัญหาว่าคดีโจทก์ขาดอายุความหรือไม่?? โจทก์ผู้เป็นทายาทมิได้ฟ้องเรียกร้องมรดกเสียภายในกำหนด 1 ปี จากจำเลยที่ 1 ผู้ครอบครองแต่เพียงผู้เดียวในทรัพย์มรดกของผู้ตาย ทรัพย์ในส่วนมรดกนั้นย่อมตกเป็นของจำเลยที่ 1 ทายาทผู้ครอบครอง เมื่อจำเลยที่ 1 ขายทรัพย์ซึ่งรวมส่วนมรดกให้แก่จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นบุคคลภายนอก จำเลยที่ 2 ย่อมใช้สิทธิของจำเลยที่ 1 ผู้เป็นทายาทยกอายุความขึ้นต่อสู้โจทก์ผู้เป็นทายาทอื่นได้ด้วย
http://www.peesirilaw.com/คดีมรดก/ทายาทมิได้ฟ้องเรียกร้องมรดกภายใน-1-ปี.html
มิใช่ฟ้องบังคับจำนอง
ห้ามมิให้เจ้าหนี้ฟ้องบังคับตามสิทธิเรียกร้องอันมีต่อเจ้ามรดกเมื่อพ้นกำหนด 1 ปี คดีนี้โจทก์ใช้สิทธิฟ้องเรียกให้ชำระหนี้เงินกู้อย่างเจ้าหนี้สามัญ มิใช่ฟ้องบังคับจำนอง จึงต้องนำอายุความ 1 ปี มาใช้บังคับแก่คดี เมื่อโจทก์ได้รู้ถึงความตายของเจ้ามรดกแต่โจทก์นำคดีมาฟ้องจำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 ทายาทโดยธรรม เมื่อพ้นกำหนด 1 ปี สิทธิเรียกร้องของโจทก์ในหนี้เงินกู้อันเป็นหนี้ประธานจึงขาดอายุความ
http://www.peesirilaw.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=538795196&Ntype=42
ผู้ค้ำประกันยกข้อต่อสู้เรื่องขาดอายุความ
กรมสรรพากรโจทก์รู้ถึงความตายของเจ้ามรดกแล้ว การที่โจทก์ฟ้องจำเลยซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันให้ชำระหนี้ภาษีอากร พ้นกำหนด 1 ปี นับแต่วันที่โจทก์รู้ถึงความตายของเจ้ามรดกนั้น สิทธิเรียกร้องของโจทก์ต่อกองมรดก จึงขาดอายุความตาม ป.พ.พ. มาตรา 1754 วรรคสาม จำเลยในฐานะผู้ค้ำประกันย่อมยกข้อต่อสู้ดังกล่าวได้ตามมาตรา 694
http://www.peesirilaw.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=538795275&Ntype=42
การแบ่งมรดกที่ดินมือเปล่าไม่มีเอกสารสิทธิ
การแบ่งปันทรัพย์มรดกที่เป็นที่ดินที่มีเพียงใบไต่สวน ผู้เป็นเจ้าของมีเพียงสิทธิครอบครอง การแบ่งปันทรัพย์มรดกกระทำได้โดยการส่งมอบการครอบครองเท่านั้น เมื่อที่ดินพิพาทมีการตกลงแบ่งปันกันระหว่างทายาทเป็นส่วนสัด อันเป็นการแบ่งปันทรัพย์มรดกตามกฎหมายแล้ว มารดาโจทก์ครอบครองที่ดินเพื่อตนเองตลอดมาและมอบการครอบครองให้แก่โจทก์
http://www.peesirilaw.com/คดีมรดก/การแบ่งมรดกที่ดินมือเปล่าไม่มีเอกสารสิทธิ.html
ผู้จัดการมรดกไม่จัดทำบัญชีทรัพย์มีผลอย่างไร?
ผู้จัดการมรดกไม่จัดทำบัญชีทรัพย์มรดกภายใน 15 วัน หรือจัดทำให้แล้วเสร็จภายใน 1 เดือน จะมีผลอย่างไร? ถือว่าผู้จัดการมรดก ละเลยไม่ปฏิบัติหน้าที่ผู้จัดการมรดกเป็นเหตุให้ทายาทอื่นได้รับความเสียหายและมีสิทธิร้องขอให้ถอนออกจากการเป็นผู้จัดการมรดกได้หรือไม่? การร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกหากผู้ร้องไม่ได้ระบุทายาทในบัญชีทายาทโดยธรรม จะมีผลให้ให้ผู้จัดการมรดกถือว่าเป็นการปกปิดข้อเท็จจริงในเรื่องทายาทของเจ้ามรดกหรือไม่??
http://www.peesirilaw.com/คดีมรดก/ผู้จัดการมรดกไม่จัดทำบัญชีทรัพย์มีผลอย่างไร.html
ขอให้ศาลสั่งถอนจากการเป็นผู้จัดการมรดก
ยื่นคำร้องขอถอนผู้จัดการมรดกของผู้ตายเป็นสิทธิเฉพาะตัวของผู้มีส่วนได้เสีย แม้ว่าคำร้องใหม่นี้จะมีเนื้อหาและประเด็นอย่างเดียวกันกับคำร้องขอถอนผู้จัดการมรดกของผู้คัดค้านที่ 1 ซึ่งศาลมีคำพิพากษาตามยอมและคดีถึงที่สุดไปแล้วก็ตาม การที่ศาลชั้นต้นด่วนมีคำสั่งให้งดการไต่สวนคำร้องของผู้คัดค้านที่ 2 เสียเช่นนี้จึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ไม่ชอบ ที่ศาลล่างทั้งสองมีคำสั่งและคำพิพากษายกคำร้องของผู้คัดค้านที่ 2 มานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย
http://www.peesirilaw.com/คดีมรดก/ขอให้ศาลสั่งถอนจากการเป็นผู้จัดการมรดก.html
มีชื่อเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์หรือครอบครองแทน
โจทก์ซื้อที่ดินพิพาทเพื่อนำมาใช้ในกิจการเหมืองแร่ สวนยางพาราโดยจดทะเบียนใส่ชื่อนายชัยสิน และจำเลย 9 คน เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองแทนโจทก์โจทก์ได้ใช้ประโยชน์ในที่ดินอย่างเจ้าของกรรมสิทธิ์ในระหว่างการพิจารณาของศาลจำเลยที่ 2 ดำเนินการให้บุคคลภายนอกเข้ามาตัดต้นยางพาราในที่ดินพิพาทเพื่อนำออกขายอันเป็นการกระทำให้เปลืองไปเปล่าหรือบุบสลายหรือโอนไปยังผู้อื่นซึ่งทรัพย์สินที่พิพาทหากภายหลังโจทก์เป็นฝ่ายชนะคดี
http://www.peesirilaw.com/สิทธิครอบครอง/มีชื่อเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์แทน.html
แสดงบัญชีเครือญาติเป็นเท็จปิดบังจำนวนทายาท
คำร้องขอตั้งผู้จัดการมรดกกฎหมายจะไม่บังคับให้ต้องยื่นบัญชีเครือญาติพร้อมไปกับคำร้องก็ตาม แต่ผู้จัดการมรดกเป็นบุคคลที่เจ้ามรดกให้ความไว้วางใจหรือเป็นบุคคลที่ศาลเห็นว่าน่าจะจัดการเพื่อประโยชน์แก่กองมรดกมากที่สุด ซึ่งต้องดูจากพฤติการณ์และความสุจริตใจของผู้ร้องขอเป็นสำคัญ เมื่อผู้ร้องมีพฤติการณ์ที่ส่อไปในทางไม่สุจริต แสดงบัญชีเครือญาติเป็นเท็จเพื่อปิดบังข้อเท็จจริงในเรื่องจำนวนทายาทของผู้ตายอันอาจเป็นการเสียหายแก่ทายาทของผู้ตาย
http://www.peesirilaw.com/คดีมรดก/แสดงบัญชีเครือญาติเป็นเท็จ.html
อำนาจผู้จัดการมรดกขายเพื่อใช้หนี้กองมรดก
อำนาจของผู้จัดการมรดกในการขายที่ดินทรัพย์มรดกเพื่อใช้หนี้กองมรดก ผู้ซื้ออยู่ในฐานะที่จะให้จดทะเบียนสิทธิของตนได้อยู่ก่อนแม้ยังไม่ได้เข้าครอบครองทรัพย์สินที่ซื้อขาย การทำสัญญาประนีประนอมยอมความโอนที่ดินให้โดยไม่มีค่าตอบแทนอันเป็นทางเสียเปรียบแก่ผู้ซื้อและเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต ทำให้ผู้ซื้อที่ดินได้รับความเสียหายขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนโอนที่ดิน
http://www.peesirilaw.com/คดีมรดก/อำนาจผู้จัดการมรดกขายเพื่อใช้หนี้กองมรดก.html
พินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมืองตกเป็นโมฆะ
พินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมืองคืออะไร? ขั้นตอนในการทำพินัยกรรมเป็นเอกสารฝ่ายเมืองมีขั้นตอนอย่างไรบ้าง? การทำพินัยกรรมขณะที่ผู้ทำพินัยกรรมป่วยหรือนอนป่วยอยู่ที่โรงพยาบาลสามารถทำได้หรือไม่? การที่ผู้ทำพินัยกรรมแจ้งข้อความที่ต้องการทำพินัยกรรมให้เจ้าหน้าที่โดยไม่มีพยานสองคนอยู่ต่อหน้าตนทำได้หรือไม่?? การนำพินัยกรรมซึ่งตกเป็นโมฆะไปประกอบยื่นคำร้องขอตั้งตนเองเป็นผู้จัดการมรดกมีผลอย่างไร??
http://www.peesirilaw.com/คดีมรดก/พินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมืองตกเป็นโมฆะ.html
ปรึกษากฎหมาย ปรึกษาทนายความ 0859604258 * www.peesirilaw.com *