

โฉนดที่ดินยังมีชื่อเจ้ามรดกทายาทมีอำนาจฟ้อง โฉนดที่ดินยังมีชื่อเจ้ามรดกทายาทมีอำนาจฟ้อง คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องคดีนี้หรือไม่ เห็นว่า เมื่อโจทก์เป็นบุตรของนายเที่ยงผู้ตายทรัพย์มรดกของนายเที่ยงย่อมตกทอดแก่ทายาท ดังนั้น ที่ดินซึ่งมีนายเที่ยงเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ย่อมตกทอดเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์แม้โฉนดที่ดินดังกล่าวยังไม่ได้มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงชื่อในโฉนดที่ดินจากนายเที่ยงมาเป็นชื่อโจทก์ก็ตาม โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องคดีนี้ และปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้มิได้ว่ากล่าวกันมาแล้วในศาลชั้นต้น ศาลฎีกาก็มีอำนาจหยิบยกขึ้นมาวินิจฉัยได้ คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 637/2552 มาตรา 1387 อสังหาริมทรัพย์อาจต้องตกอยู่ในภาระจำยอมอันเป็นเหตุให้เจ้าของต้องยอมรับกรรมบางอย่างซึ่งกระทบถึงทรัพย์สินของตน หรือต้องงดเว้นการใช้สิทธิบางอย่างอันมีอยู่ในกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินนั้น เพื่อประโยชน์แก่อสังหาริมทรัพย์อื่น มาตรา 1401 ภาระจำยอมอาจได้มาโดยอายุความ ท่านให้นำบทบัญญัติว่าด้วยอายุความได้สิทธิอันกล่าวไว้ในลักษณะ 3 แห่งบรรพนี้ มาใช้บังคับโดยอนุโลม มาตรา 1599 เมื่อบุคคลใดตาย มรดกของบุคคลนั้นตกทอดแก่ทายาท มาตรา 249 ข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายที่จะยกขึ้นอ้างในการยื่น ฎีกานั้นคู่ความจะต้องกล่าวไว้โดยชัดแจ้งในฎีกา และต้องเป็นข้อที่ ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ทั้ง จะต้องเป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยด้วยการวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายที่เป็นสาระแก่คดีข้อใดไม่ควรได้รับการ วินิจฉัยจากศาลฎีกา ให้กระทำโดยความเห็นชอบของรองประธาน ศาลฎีกาซึ่งประธานศาลฎีกามอบหมาย แต่ทั้งนี้ไม่กระทบถึงอำนาจ ของประธานศาลฎีกาตาม มาตรา 140 วรรคสอง ถ้าคู่ความฝ่ายใดมิได้ยกปัญหาข้อใดอันเกี่ยวด้วยความสงบ เรียบร้อยของประชาชนขึ้นกล่าวในศาลชั้นต้นหรือศาลอุทธรณ์ หรือคู่ความฝ่ายใดไม่สามารถยกปัญหาข้อกฎหมายใด ๆ ขึ้นกล่าว ในศาลชั้นต้นหรือศาลอุทธรณ์เพราะพฤติการณ์ไม่เปิดช่องให้กระทำได้ หรือเพราะเหตุเป็นเรื่องที่ไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติว่าด้วยกระบวน พิจารณาชั้นฎีกา คู่ความที่เกี่ยวข้องย่อมมีสิทธิที่จะยกขึ้นอ้าง ซึ่งปัญหาเช่นว่านั้นได้ จำเลยทั้งสองให้การและแก้ไขคำให้การว่า ที่ดินของโจทก์มีทางออกทางอื่นออกสู่ถนนสาธารณะไม่ใช่ทางพิพาททางเดียว ทางพิพาทมีความกว้างประมาณ 2 เมตร เท่านั้น การที่นายแป้นบิดาของจำเลยทั้งสองยินยอมให้บุคคลอื่นใช้ทางถือว่าเป็นเรื่องเฉพาะตัวไม่มีผลผูกพันจำเลยทั้งสอง ทางพิพาทดังกล่าวที่จำเลยทั้งสองยินยอมให้โจทก์ใช้นั้นก็ด้วยความเอื้ออารีฉันมิตรอันเป็นการถือวิสาสะคุ้นเคยกันเท่านั้นหาใช่เป็นทางภาระจำยอมไม่ ทางพิพาทจึงไม่ตกเป็นทางภาระจำยอม ขอให้ยกฟ้อง ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองรื้อถอนสิ่งกีดกั้นใด ๆ ออกจากทางพิพาทให้จำเลยทั้งสองไปจดทะเบียนทางภาระจำยอมลงในโฉนดเลขที่ 17055 ตำบลท่าช้าง อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง กว้าง 2 เมตร ยาวตลอดแนวเขตด้านทิศตะวันออกเป็นทางภาระจำยอม หากไม่ดำเนินการให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลยทั้งสอง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ ระหว่างพิจารณา โจทก์ถึงแก่กรรม นางจำนงค์ทายาทของโจทก์ยื่นคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความแทน ศาลฎีกาอนุญาต มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยทั้งสองในประการต่อไปว่าทางพิพาทตกเป็นภาระจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์หรือไม่ และทางพิพาทมีความกว้างเท่าใดในปัญหาดังกล่าวปรากฏตามคำให้การของจำเลยทั้งสองว่า ทางพิพาทมีความกว้างประมาณ 2 เมตร การที่นายแป้นบิดาของจำเลยทั้งสองให้ความยินยอมแก่บุคคลอื่นใช้ทาง ถือได้ว่าเป็นเรื่องเฉพาะตัวไม่มีผลผูกพันจำเลยทั้งสองจำเลยทั้งสองยินยอมให้โจทก์ใช้ทางพิพาทด้วยความเอื้ออารีฉันมิตรอันเป็นการถือวิสาสะ ทางพิพาทจึงไม่ตกเป็นทางภาระจำยอม จากคำให้การของจำเลยทั้งสองดังกล่าวเป็นการที่จำเลยทั้งสองยอมรับแล้วว่าทางพิพาทกว้างประมาณ 2 เมตร นายแป้นบิดาจำเลยทั้งสองยินยอมให้นายเที่ยงบิดาโจทก์ใช้ทางพิพาท เมื่อจำเลยทั้งสองรับโอนที่ดินดังกล่าวมาจากนายแป้น โจทก์ก็ยังใช้ทางพิพาทออกสู่ทางสาธารณะ โดยจำเลยทั้งสองอ้างว่ายินยอมให้โจทก์ใช้ทางพิพาทด้วยความเอื้ออารีฉันมิตรอันเป็นการถือวิสาสะ เห็นว่า เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติแล้วว่า ที่ดินของโจทก์และจำเลยทั้งสองเป็นที่ดินแปลงเดียวกันมาก่อนโดยมีชื่อนายเที่ยงบิดาโจทก์และนายแป้นบิดาของจำเลยทั้งสองเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวม ตามโฉนดเลขที่ 18488 ต่อมาในปี 2529 ได้มีการแบ่งแยกที่ดินเป็นโฉนดเลขที่ 17055 มีชื่อนายแป้นเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดิน ส่วนนายเที่ยงเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินโฉนดเลขที่ 18488 ในส่วนที่เหลือเมื่อแบ่งแยกที่ดินกันแล้วทำให้ที่ดินแปลงของนายเที่ยงไม่มีทางออกสู่ทางสาธารณะนายแป้นยินยอมให้นายเที่ยงใช้ทางพิพาทเป็นทางออกสู่ทางสาธารณะ นายเที่ยงจึงใช้ทางพิพาทออกสู่ทางสาธารณะตั้งแต่ปี 2529 และนายเที่ยงถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2543 ดังนั้น นายเที่ยงจึงใช้ทางพิพาทมานานเกินกว่า 10 ปีแล้ว โดยไม่ปรากฏว่าจำเลยทั้งสองได้ห้ามปรามหรือขัดขวางทางพิพาทจึงตกเป็นภาระจำยอมแก่ที่ดินโฉนดเลขที่ 18488 และเมื่อนายเที่ยงตายที่ดินโฉนดเลขที่ 18488 จึงตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ โจทก์จึงรับโอนมาทั้งสิทธิและหน้าที่ และโจทก์ก็ได้ใช้ทางพิพาทตลอดมา ดังนั้น ทางพิพาทจึงตกเป็นภาระจำยอมแก่ที่ดินโฉนดเลขที่ 18488 ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยทั้งสองข้อนี้ฟังไม่ขึ้น ส่วนที่จำเลยทั้งสองฎีกาว่า การที่โจทก์ยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมฉบับลงวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2545 ภายหลังจากการสืบพยานดำเนินไปแล้ว 1 ปี และศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์ยื่นบัญชีระบุพยานดังกล่าวเพิ่มเติมเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น เห็นว่า จำเลยทั้งสองไม่ได้โต้แย้งคำสั่งดังกล่าวของศาลชั้นต้น จึงเป็นข้อที่มิได้ว่ากล่าวกันมาแล้วในศาลชั้นต้น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้ |