ReadyPlanet.com
dot
ประมวลกฎหมาย
dot
bulletป.แพ่งและพาณิชย์
bulletพระราชบัญญัติ
bulletความรู้กฎหมาย
bulletสำนัก,ทนาย,ทนายความ
bulletแบบฟอร์มสัญญา
bulletปรึกษากฎหมาย
bulletวิชาชีพทนายความ
bulletข้อบังคับสภาทนายความ
bulletคำพิพากษาฎีกา
bulletเช่าซื้อขายฝากซื้อขาย
bulletเกี่ยวกับคดีอาญา
bulletเกี่ยวกับ วิ.แพ่ง
bulletคดีเกี่ยวกับวิ.อาญา
bulletคำพิพากษารวม
bulletครอบครองปรปักษ์
bulletการสิ้นสุดการสมรส
bulletการใช้กฎหมายอาญา
bulletคดียาเสพติดให้โทษ
dot
Newsletter

dot




มีเหตุบรรเทาโทษ

รับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา-มีเหตุบรรเทาโทษ 

หลังถูกจับจำเลยให้การรับสารภาพมาโดยตลอดแสดงว่าจำเลยรู้สำนึกในความผิด เมื่อไม่เคยรับโทษจำคุกมาก่อนจึงเห็นสมควรรอการลงโทษ โจทก์มิได้สืบพยานจึงไม่มีพยานหลักฐานเป็นอย่างไรการรับสารภาพเป็นการให้ความรู้แก่ศาลอันเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่  628/2552
 
         คดีที่จำเลยให้การรับสารภาพและโจทก์มิได้สืบพยาน ย่อมไม่อาจกล่าวได้ว่าโจทก์มีพยานหลักฐานเป็นอย่างไร และจำเลยจำนนต่อพยานหลักฐานเช่นว่านั้น ดังนั้นคำรับสารภาพของจำเลยย่อมเป็นการให้ความรู้แก่ศาลอันเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษตาม ป.อ. มาตรา 78 สมควรลดโทษให้แก่จำเลย แม้ปัญหาข้อนี้ จำเลยมิได้ฎีกา แต่ศาลฎีกาก็มีอำนาจใช้ดุลพินิจลงโทษจำเลยให้เหมาะสมตามความผิดได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 185 วรรคสอง ประกอบมาตรา 215 และมาตรา 225

  โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติทางหลาง พ.ศ.2535 มาตรา 61, 73/2

          จำเลยให้การรับสารภาพ

          ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติทางหลวง พ.ศ.2535 มาตรา 61 (ที่ถูก 61 วรรคหนึ่ง), 73/2 ลงโทษจำคุก 1 เดือน และปรับ 6,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพเพราะจำนนต่อหลักฐานจึงไม่ลดโทษให้ โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30
          โจทก์อุทธรณ์

          ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่า ไม่รอการลงโทษจำคุก และไม่ลงโทษปรับ ให้ลงโทษกักขังจำเลยแทนโทษจำคุกมีกำหนด 1 เดือน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 23 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

          จำเลยฎีกา

          ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยฎีกาขอให้รอการลงโทษจำคุกนั้น เห็นว่า แม้จำเลยใช้รถยนต์บรรทุกคันเกิดเหตุบรรทุกสิ่งของมีน้ำหนักรถยนต์รวมน้ำหนักบรรทุกเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้ 6,280 กิโลกรัม แต่หลังจากถูกจับกุมจำเลยก็ให้การรับสารภาพมาโดยตลอด อันแสดงว่าจำเลยยังรู้สำนึกในความผิดแห่งตน เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยได้รับโทษจำคุกมาก่อน จึงเห็นสมควรรอการลงโทษจำคุกและคุมความประพฤติจำเลยไว้ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 ไม่รอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลย แต่เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นกักขังแทนนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังขึ้น แต่เพื่อให้จำเลยหลาบจำและป้องปรามมิให้จำเลยกระทำความผิดทำนองนี้อีก เห็นสมควรลงโทษปรับจำเลยอีกสถานหนึ่งและกำหนดเงื่อนไขเพื่อคุมความประพฤติของจำเลยเสียใหม่ให้เหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งคดี นอกจากนี้ คดีนี้จำเลยรับสารภาพและโจทก์มิได้สืบพยาน จึงไม่อาจกล่าวได้ว่าโจทก์มีพยานหลักฐานเป็นอย่างไร และจำเลยจำนนต่อพยานหลักฐานเช่นว่านั้น ดังนั้น คำรับสารภาพของจำเลยย่อมเป็นการให้ความรู้แก่ศาลอันเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา นับว่าคดีมีเหตุบรรเทาโทษเห็นสมควรลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ให้แก่จำเลย แม้ปัญหาข้อนี้จำเลยมิได้ฎีกา แต่ศาลฎีกาก็มีอำนาจใช้ดุลพินิจลงโทษจำเลยให้เหมาะสมตามความผิดได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 185 วรรคสอง ประกอบมาตรา 215 และมาตรา 225

          พิพากษาแก้เป็นว่า ไม่เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นโทษกักขังแทน แต่ให้ลงโทษปรับจำเลย 8,000 บาท อีกสถานหนึ่ง ลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ให้กึ่งหนึ่ง คงลงโทษจำคุก 15 วัน และปรับ 4,000 บาท แต่โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 3 ปี และคุมความประพฤติจำเลยไว้มีกำหนด 1 ปี นับตั้งแต่วันที่ได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาให้จำเลยฟัง โดยให้จำเลยไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ 4 ครั้ง ตามเงื่อนไขและกำหนดเวลาที่พนักงานคุมประพฤติเห็นสมควรกำหนด ให้จำเลยละเว้นการประพฤติใดอันอาจนำไปสู่การกระทำความผิดทำนองเดียวกันนี้อีก กับให้กระทำกิจกรรมบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์ตามที่พนักงานคุมประพฤติและจำเลยเห็นสมควรมีกำหนด 12 ชั่วโมง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 หากจำเลยไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3

 




การใช้กฎหมายอาญา

ห้ามมิให้ผู้ใดตั้งครรภ์แทนเพื่อประโยชน์ทางการค้า
วางเพลิงเผาทรัพย์ที่ตนเองมีส่วนเป็นเจ้าของร่วม