ReadyPlanet.com
dot
ประมวลกฎหมาย
dot
bulletป.แพ่งและพาณิชย์
bulletพระราชบัญญัติ
bulletความรู้กฎหมาย
bulletสำนัก,ทนาย,ทนายความ
bulletแบบฟอร์มสัญญา
bulletปรึกษากฎหมาย
bulletวิชาชีพทนายความ
bulletข้อบังคับสภาทนายความ
bulletคำพิพากษาฎีกา
bulletเช่าซื้อขายฝากซื้อขาย
bulletเกี่ยวกับคดีอาญา
bulletเกี่ยวกับ วิ.แพ่ง
bulletคดีเกี่ยวกับวิ.อาญา
bulletคำพิพากษารวม
bulletครอบครองปรปักษ์
bulletการสิ้นสุดการสมรส
dot
Newsletter

dot




การฌาปนกิจสงเคราะห์สภาทนายความ

                                                                               ข้อบังคับสภาทนายความ

                                                                ว่าด้วยการฌาปนกิจสงเคราะห์ พ.ศ. 2552                      
 
โดยที่สภาทนายความเห็นเป็นการสมควรให้มีสวัสดิการฌาปนกิจสงเคราะห์ เพื่อเป็นการสงเคราะห์ซึ่งกันและกันในระหว่างสมาชิก ภายใต้บทบัญญัติของพระราชบัญญัติการฌาปนกิจสงเคราะห์ พ.ศ. 2545 และระเบียบกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ว่าด้วยการฌาปนกิจสงเคราะห์ของส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ และองค์กรวิชาชีพซึ่งเป็นนิติบุคคลที่อยู่ภายใต้การกำกับของรัฐ พ.ศ. 2547

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 7 (4) มาตรา 8 (2) และมาตรา 27 (3) (จ) คณะกรรมการสภาทนายความโดยความเห็นชอบของสภานายกพิเศษแห่งสภาทนายความ ตามมาตรา 28 แห่งพระราชบัญญัติทนายความ พ.ศ. 2528 ออกข้อบังคับสภาทนายความว่าด้วยการฌาปนกิจสงเคราะห์ไว้ ดังต่อไปนี้

หมวด 1
ข้อความทั่วไป
                      
ข้อ 1  ข้อบังคับนี้เรียกว่า “ข้อบังคับสภาทนายความว่าด้วยการฌาปนกิจสงเคราะห์ พ.ศ. 2552”
 
ข้อ 2  ข้อบังคับนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

ข้อ 3  ในข้อบังคับนี้

“การฌาปนกิจสงเคราะห์” หมายความว่า การฌาปนกิจสงเคราะห์ สภาทนายความ

“สำนักงานการฌาปนกิจสงเคราะห์” หมายความว่า สำนักงานฌาปนกิจสงเคราะห์ สภาทนายความ

“คณะกรรมการ” หมายความว่า คณะกรรมการดำเนินกิจการของการฌาปนกิจสงเคราะห์ สภาทนายความ

“ประธานกรรมการ” หมายความว่า ประธานกรรมการดำเนินกิจการของการฌาปนกิจสงเคราะห์สภาทนายความ

“รองประธานกรรมการ” หมายความว่า รองประธานกรรมการดำเนินกิจการของการฌาปนกิจสงเคราะห์ สภาทนายความ

“เหรัญญิก” หมายความว่า เหรัญญิกของคณะกรรมการดำเนินกิจการของการฌาปนกิจสงเคราะห์สภาทนายความ

“นายทะเบียน” หมายความว่า นายทะเบียนการฌาปนกิจสงเคราะห์ สภาทนายความ

“นายทะเบียนการฌาปนกิจสงเคราะห์ภาครัฐ” หมายความว่า นายทะเบียนการฌาปนกิจสงเคราะห์ภาครัฐ ตามระเบียบกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ว่าด้วยการฌาปนกิจสงเคราะห์ของส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ และองค์กรวิชาชีพ ซึ่งเป็นนิติบุคคลที่อยู่ภายใต้การกำกับของรัฐ พ.ศ. 2547

“สมาชิก” หมายความว่า สมาชิกของการฌาปนกิจสงเคราะห์ สภาทนายความ

“ทนายความ” หมายความว่า ผู้ที่สภาทนายความได้รับจดทะเบียนและออกใบอนุญาตให้เป็นทนายความ

“พนักงาน” หมายความว่า พนักงานตามข้อบังคับสภาทนายความว่าด้วยพนักงานสภาทนายความ

“บุคคลในครอบครัว” หมายความว่า บุคคลในครอบครัวของทนายความและพนักงาน ได้แก่ คู่สมรส บิดามารดา บุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย รวมถึง บุตรนอกกฎหมายที่บิดารับรองแล้วและบุตรบุญธรรม

“เงินค่าสมัคร” หมายความว่า เงินค่าสมัครเข้าเป็นสมาชิกของการฌาปนกิจสงเคราะห์สภาทนายความ

“เงินค่าบำรุง” หมายความว่า เงินที่เรียกเก็บจากสมาชิกเป็นรายปี

“เงินสงเคราะห์” หมายความว่า เงินที่สมาชิกร่วมกันออกช่วยเหลือเป็นค่าจัดการศพหรือค่าจัดการศพและสงเคราะห์ครอบครัวของสมาชิกซึ่งถึงแก่ความตาย รวมทั้งค่าใช้จ่ายเพื่อดำเนินกิจการของการฌาปนกิจสงเคราะห์

“เงินสงเคราะห์ล่วงหน้า” หมายความว่า เงินสงเคราะห์ที่การฌาปนกิจสงเคราะห์เรียกเก็บไว้ล่วงหน้าเพื่อสำรองจ่ายเป็นเงินสงเคราะห์เมื่อมีสมาชิกถึงแก่ความตาย

ข้อ 4  สำนักงานการฌาปนกิจสงเคราะห์สภาทนายความ ตั้งอยู่ที่ สภาทนายความ เลขที่ 7/89 อาคาร 10 ถนนราชดำเนินกลาง แขวงบวรนิเวศ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร

ข้อ 5  เครื่องหมายของการฌาปนกิจสงเคราะห์มีรูปลักษณะดังนี้ เป็นรูปตราชูและพานรัฐธรรมนูญ มีลายกนกทั้งสองข้าง และมีข้อความว่าการฌาปนกิจสงเคราะห์สภาทนายความ ภายในวงกลม

ข้อ 6  การฌาปนกิจสงเคราะห์จะเปิดทำการตามวัน เวลา ของทางราชการ

ข้อ 7  ให้นายกสภาทนายความเป็นผู้รักษาการตามข้อบังคับนี้

หมวด 2
วัตถุประสงค์                     

ข้อ 8  การฌาปนกิจสงเคราะห์ของสภาทนายความ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้สมาชิกทำการสงเคราะห์ซึ่งกันและกันในการจัดการศพ หรือจัดการศพและสงเคราะห์ครอบครัวของสมาชิกที่ถึงแก่ความตาย โดยไม่ประสงค์จะหากำไรมาแบ่งปันกัน ซึ่งการตายนี้ไม่รวมถึงการสาบสูญตามคำสั่งศาล

หมวด 3
สมาชิกภาพและการขาดจากการเป็นสมาชิกภาพ                        

ข้อ 9  สมาชิกของการฌาปนกิจสงเคราะห์ ได้แก่ บุคคลที่มีคุณสมบัติตามข้อ 10 แห่งข้อบังคับนี้ ซึ่งได้แสดงความจำนง ตามข้อ 11 และคณะกรรมการมีมติรับเข้าเป็นสมาชิกและชำระเงินตามข้อ 14 แล้ว

ข้อ 10  ผู้สมัครเข้าเป็นสมาชิกต้องมีคุณสมบัติ ดังต่อไปนี้
(1) เป็นทนายความ พนักงาน บุคคลในครอบครัว
(2) มีอายุไม่เกิน 65 ปี ในวันยื่นใบสมัคร
(3) มีสุขภาพสมบูรณ์ในวันสมัคร
(4) มีความประพฤติดีและยินยอมปฏิบัติตามข้อบังคับของการฌาปนกิจสงเคราะห์
(5) ไม่เป็นบุคคลวิกลจริตหรือฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ
(6) ไม่เป็นโรคติดต่อร้ายแรง หรือเป็นโรคเรื้อรังจนรักษาไม่หาย

ข้อ 11  ผู้ที่ประสงค์จะสมัครเข้าเป็นสมาชิก ต้องยื่นใบสมัครตามแบบของการฌาปนกิจสงเคราะห์ต่อคณะกรรมการหรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย ในวันเปิดทำการของการฌาปนกิจสงเคราะห์
(1) ทนายความที่จดแจ้งสำนักงานหรือภูมิลำเนาอยู่ในกรุงเทพมหานครต่อนายทะเบียนทนายความ หรือพนักงาน หรือบุคคลในครอบครัวที่มีภูมิลำเนาอยู่ในกรุงเทพมหานคร ให้ยื่นใบสมัคร ณ สำนักงานสภาทนายความ
(2) ทนายความที่จดแจ้งสำนักงานหรือภูมิลำเนาอยู่ในจังหวัดอื่นต่อนายทะเบียนทนายความหรือพนักงาน หรือบุคคลในครอบครัวที่มีภูมิลำเนาอยู่ในจังหวัดอื่น ให้ยื่นใบสมัคร ณ สำนักงานสภาทนายความจังหวัด หรือสำนักงานสภาทนายความภาค

กรณียื่นใบสมัคร ณ สำนักงานสภาทนายความจังหวัด หรือสำนักงานสภาทนายความภาคให้ประธานสภาทนายความจังหวัดหรือประธานสภาทนายความภาค ส่งใบสมัครต่อคณะกรรมการภายใน 7 วันนับแต่วันที่รับใบสมัคร และให้เก็บสำเนาใบสมัครไว้ ณ สำนักงานสภาทนายความจังหวัดหรือสำนักงานสภาทนายความภาค

ข้อ 12  ผู้สมัครเข้าเป็นสมาชิกจะต้องระบุชื่อผู้รับเงินสงเคราะห์ ซึ่งเป็นบุคคลตามข้อ 24 ไว้ให้ชัดแจ้งในใบสมัคร ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงผู้รับเงินสงเคราะห์ในภายหลัง สมาชิกต้องแจ้งให้การฌาปนกิจสงเคราะห์ทราบโดยไม่ชักช้า ถ้าไม่มีผู้รับเงินสงเคราะห์ ให้การฌาปนกิจสงเคราะห์ต้องจัดการศพให้เหมาะสมแก่ฐานานุรูปและศาสนาของสมาชิกนั้น

ข้อ 13  คณะกรรมการจะพิจารณาผู้สมัครที่มีคุณสมบัติครบถ้วนถูกต้องตามข้อ 10 เมื่อเห็นสมควรก็ให้มีมติรับเข้าเป็นสมาชิก และแจ้งให้ผู้สมัครทราบเพื่อนำเงินค่าบำรุงและเงินสงเคราะห์ล่วงหน้ามาชำระ

ข้อ 14  สมาชิกภาพของผู้สมัครเข้าเป็นสมาชิกจะเริ่มตั้งแต่วันที่คณะกรรมการมีมติให้รับเข้าเป็นสมาชิก และผู้สมัครได้ชำระเงินต่าง ๆ ตามข้อบังคับนี้แล้ว

ข้อ 15  การฌาปนกิจสงเคราะห์จะออกหนังสือหลักฐานแสดงการเป็นสมาชิกตามแบบที่การฌาปนกิจสงเคราะห์กำหนดให้แก่สมาชิกทุกคน

ข้อ 16  สมาชิกซึ่งพ้นจากเป็นทนายความ พ้นจากการเป็นพนักงาน หรือ บุคคลในครอบครัวถ้าไม่ประสงค์จะเป็นสมาชิกต่อไป ให้แสดงความจำนงต่อคณะกรรมการเป็นลายลักษณ์อักษรหากไม่แสดงความจำนงดังกล่าว ให้ถือว่ายังคงเป็นสมาชิกต่อไป

ข้อ 17  สมาชิกภาพย่อมสิ้นสุดลงในกรณี ดังต่อไปนี้
(1) ถึงแก่ความตาย
(2) ลาออก ให้นับแต่วันที่การแสดงเจตนาของสมาชิกมาถึง
(3) ถูกคัดชื่อออกจากทะเบียนสมาชิก
(ก) ถูกคัดชื่อออกเพราะขาดส่งเงินสงเคราะห์ และได้รับหนังสือเตือนจากการฌาปนกิจสงเคราะห์แล้วสองครั้ง แต่ละครั้งมีระยะเวลาห่างกัน 30 วัน ซึ่งครั้งสุดท้ายได้ทำหนังสือลงทะเบียนตอบรับ หรือการฌาปนกิจสงเคราะห์ไม่สามารถติดต่อหาหลักฐานแหล่งที่อยู่ได้ และคณะกรรมการพิจารณาเห็นสมควรให้พ้นจากการเป็นสมาชิก
(ข) ถูกคัดชื่อออกเพราะสมัครเข้าเป็นสมาชิกโดยไม่สุจริต ให้นับแต่วันที่นายทะเบียนอนุมัติให้คัดชื่อออกจากทะเบียนสมาชิก
(4) กระทำการใด ๆ อันอาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่การฌาปนกิจสงเคราะห์อย่างร้ายแรงและคณะกรรมการมีมติให้ออก

การสิ้นสุดแห่งสมาชิกภาพตามข้อนี้ สมาชิกไม่มีสิทธิเรียกเงินค่าสมัคร เงินค่าบำรุง และเงินสงเคราะห์ที่ได้ชำระตามข้อบังคับนี้คืนจากการฌาปนกิจสงเคราะห์ เว้นแต่เงินสงเคราะห์ล่วงหน้าที่ยังไม่ตกอยู่ในความผูกพันที่จะต้องจ่ายเงินสงเคราะห์ให้แก่สมาชิกที่ถึงแก่ความตาย

หมวด 4
เงินค่าสมัคร เงินค่าบำรุง เงินสงเคราะห์ เงินสงเคราะห์ล่วงหน้า                      

ข้อ 18  เมื่อการฌาปนกิจสงเคราะห์รับผู้ใดเข้าเป็นสมาชิกแล้ว ผู้นั้นมีหน้าที่ต้องชำระเงินค่าสมัครเข้าเป็นสมาชิกให้แก่การฌาปนกิจสงเคราะห์ เป็นเงิน 100 บาท (หนึ่งร้อยบาท) เงินค่าบำรุงปีละ 50 บาท (ห้าสิบบาท) และเงินสงเคราะห์ล่วงหน้าตามอัตราที่กำหนดในข้อ 22

ข้อ 19  เมื่อสมาชิกของการฌาปนกิจสงเคราะห์คนใดคนหนึ่งถึงแก่ความตาย สมาชิกทุกคนมีหน้าที่ต้องออกเงินสงเคราะห์เพื่อเป็นค่าจัดการศพหรือค่าจัดการศพและสงเคราะห์ครอบครัวให้แก่ครอบครัวของสมาชิกที่ตายนั้น รายละ 20 บาท (ยี่สิบบาท)

จำนวนเงินสงเคราะห์ที่กำหนดตามวรรคแรกอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามที่คณะกรรมการเห็นสมควร ทั้งนี้ต้องเป็นไปตามที่กำหนดไว้ในระเบียบกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ว่าด้วยการฌาปนกิจสงเคราะห์ของส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ และองค์กรวิชาชีพซึ่งเป็นนิติบุคคลที่อยู่ภายใต้การกำกับของรัฐ พ.ศ. 2547

ข้อ 20  การชำระเงินค่าสมัคร เงินค่าบำรุง เงินสงเคราะห์ล่วงหน้า เงินสงเคราะห์ให้ชำระต่อเหรัญญิก หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย ณ สำนักงานการฌาปนกิจสงเคราะห์ หรือสำนักงานสภาทนายความจังหวัด หรือสำนักงานสภาทนายความภาค ให้เหรัญญิกหรือผู้ได้รับมอบหมายส่งเงินต่าง ๆ ที่ได้รับแก่การฌาปนกิจสงเคราะห์โดยเร็วในวันเปิดทำการ

ข้อ 21  เงินสงเคราะห์ตามข้อ 19 สมาชิกต้องชำระให้แก่การฌาปนกิจสงเคราะห์ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งการตายของสมาชิก หรือได้รับแจ้งให้ชำระเงินสงเคราะห์จากการฌาปนกิจสงเคราะห์

ข้อ 22  การฌาปนกิจสงเคราะห์จะเรียกเก็บเงินสงเคราะห์ล่วงหน้าจากสมาชิกเพื่อสำรองจ่ายเป็นค่าทำศพ เป็นจำนวน 25 ศพ เป็นจำนวนเงิน 500 บาท และเงินจำนวนนี้การฌาปนกิจสงเคราะห์จะคืนให้แก่สมาชิกเท่าที่สมาชิกผู้นั้นยังไม่ตกอยู่ในความผูกพันที่ต้องจ่ายเงินสงเคราะห์ตามที่จ่ายไว้ล่วงหน้า และเงินสงเคราะห์ล่วงหน้านี้ ห้ามการฌาปนกิจสงเคราะห์นำไปใช้จ่ายในกิจการอื่นใด เว้นแต่นำไปใช้สำรองจ่ายเป็นเงินสงเคราะห์ของสมาชิกผู้นั้นเองในเมื่อสมาชิกอื่นถึงแก่ความตาย

ข้อ 23  การฌาปนกิจสงเคราะห์จะจ่ายเงินสงเคราะห์ให้แก่ผู้รับเงินสงเคราะห์แล้วแต่กรณี ดังต่อไปนี้
(1) จ่ายครั้งแรกเท่าที่เรียกเก็บได้ ภายใน 15 วัน นับแต่วันรับคำขอรับเงินสงเคราะห์
(2) จ่ายส่วนที่เหลือจากที่เรียกเก็บได้ทั้งหมดภายใน 60 วัน นับแต่วันที่จ่ายครั้งแรกและภายหลังจากที่เรียกเก็บได้
การจ่ายเงินสงเคราะห์ การฌาปนกิจสงเคราะห์จะหักไว้เป็นค่าใช้จ่ายของการฌาปนกิจสงเคราะห์เป็นจำนวนร้อยละสี่ของเงินสงเคราะห์ที่เรียกเก็บได้

จำนวนเงินสงเคราะห์ที่การฌาปนกิจสงเคราะห์จะหักไว้เป็นค่าใช้จ่ายตามวรรคสองอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามที่คณะกรรมการกำหนดเห็นสมควร ทั้งนี้ต้องเป็นไปตามที่กำหนดไว้ในระเบียบกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ว่าด้วยการฌาปนกิจสงเคราะห์ของส่วนราชการหน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ และองค์กรวิชาชีพซึ่งเป็นนิติบุคคลที่อยู่ภายใต้การกำกับของรัฐ พ.ศ.2547

ข้อ 24  ในกรณีสมาชิกถึงแก่ความตาย ให้การฌาปนกิจสงเคราะห์จ่ายค่าจัดการศพหรือค่าจัดการศพและสงเคราะห์ครอบครัวให้แก่บุคคลที่สมาชิกได้ระบุไว้ในใบสมัครให้เป็นผู้รับเงินสงเคราะห์ ซึ่งต้องเป็นบุคคล ดังต่อไปนี้
(1) สามี ภริยา บุตร บิดา มารดา
(2) พี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน
(3) พี่น้องร่วมบิดาหรือมารดาเดียวกัน
(4) ปู่ ย่า ตา ยาย
(5) ลุง ป้า น้า อา
(6) ผู้อุปการะเลี้ยงดูหรือผู้อยู่ในอุปการะเลี้ยงดู

ในกรณีไม่มีบุคคลที่สมาชิกระบุไว้ในใบสมัคร หรือในกรณีที่สมาชิกไม่ได้ระบุบุคคลใดไว้ในใบสมัคร บุคคลตามวรรคหนึ่งอาจยื่นคำร้องต่อการฌาปนกิจสงเคราะห์เพื่อขอรับเงินสงเคราะห์ก็ได้

เมื่อการฌาปนกิจสงเคราะห์ได้รับคำร้องตามวรรคสอง และได้พิจารณาแล้วเห็นว่า บุคคลนั้นสามารถเป็นผู้จัดการศพของสมาชิกได้จริง ให้การฌาปนกิจสงเคราะห์จ่ายเงินค่าจัดการศพให้แก่บุคคลนั้นแต่ถ้าการฌาปนกิจสงเคราะห์เห็นว่าบุคคลนั้นไม่สามารถเป็นผู้จัดการศพได้ หรือไม่มีบุคคลตามวรรคหนึ่งยื่นคำร้องภายในระยะเวลาตามที่คณะกรรมการกำหนด ให้การฌาปนกิจสงเคราะห์จัดการศพให้แก่สมาชิกที่ถึงแก่ความตายตามสมควรแก่ฐานานุรูปและประเพณีทางศาสนาของสมาชิกนั้น

เมื่อได้ปฏิบัติตามวรรคสามแล้ว ยังคงมีเงินสงเคราะห์เหลืออยู่ ให้การฌาปนกิจสงเคราะห์จ่ายเงินส่วนที่เหลืออยู่ให้แก่บุคคลที่สมาชิกได้ระบุไว้ในใบสมัคร แต่ถ้าไม่มีบุคคลที่สมาชิกระบุไว้ในใบสมัคร ให้การฌาปนกิจสงเคราะห์จ่ายเงินดังกล่าวให้แก่บุคคลในวรรคหนึ่งตามลำดับก่อนหลังโดยผู้อยู่ลำดับก่อนย่อมตัดสิทธิผู้อยู่ลำดับหลัง ถ้ามีผู้อยู่ในลำดับเดียวกันหลายคน ให้การฌาปนกิจสงเคราะห์แบ่งเงินค่าจัดการศพ หรือค่าจัดการศพและสงเคราะห์ครอบครัวที่เหลืออยู่ให้แก่ทุกคนในสัดส่วนที่เท่ากัน หากไม่อาจแบ่งเงินให้แก่บุคคลได้ ให้เงินตกแก่กองทุนสวัสดิการทนายความ
 
ข้อ 25  เงินสงเคราะห์ตามข้อบังคับนี้ไม่ถือว่าเป็นมรดกของสมาชิกที่ถึงแก่ความตายการจ่ายเงินสงเคราะห์ตามมติคณะกรรมการถือเป็นที่สุด

หมวด 5
สิทธิและหน้าที่ของสมาชิก                       

ข้อ 26  สมาชิกมีสิทธิดังนี้
(1) มีสิทธิแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกิจการของการฌาปนกิจสงเคราะห์ต่อคณะกรรมการและมีสิทธิเรียกร้องให้คณะกรรมการกระทำหรืองดเว้นการกระทำเพื่อประโยชน์ของการฌาปนกิจสงเคราะห์ หรือป้องกันความเสียหายอันเกิดขึ้นแก่การฌาปนกิจสงเคราะห์
(2) ขอตรวจสอบบัญชีและเอกสารของการฌาปนกิจสงเคราะห์เพื่อทราบการดำเนินกิจการของการฌาปนกิจสงเคราะห์
(3) ยื่นคำร้องขอต่อนายทะเบียนให้เลิกการฌาปนกิจสงเคราะห์พร้อมด้วยเหตุประกอบคำร้องขอโดยมีสมาชิกอื่นร่วมด้วยไม่น้อยกว่าหนึ่งในสี่ของสมาชิกทั้งหมด

ข้อ 27  สมาชิกมีหน้าที่ต้องปฏิบัติ ดังนี้
(1) ปฏิบัติตามระเบียบ คำสั่ง ข้อบังคับของการฌาปนกิจสงเคราะห์และมติคณะกรรมการ
(2) ต้องชำระเงินสงเคราะห์ให้เรียบร้อยภายใน 30 วัน นับแต่วันที่รับแจ้งการตายของสมาชิกจากการฌาปนกิจสงเคราะห์
(3) เก็บรักษาหนังสือสำคัญแสดงการเป็นสมาชิกของการฌาปนกิจสงเคราะห์ไว้ ถ้าหายต้องรีบแจ้งเพื่อขอใบแทนใหม่จากการฌาปนกิจสงเคราะห์
(4) การย้ายที่อยู่ เปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนนามสกุล แก้วัน เดือน ปีเกิดของสมาชิก ให้ยื่นคำร้องต่อนายทะเบียนของการฌาปนกิจสงเคราะห์ภายใน 15 วัน นับแต่วันย้าย เปลี่ยน หรือแก้นั้นเพื่อการฌาปนกิจสงเคราะห์จะได้แก้ไขหลักฐานในทะเบียนให้ถูกต้อง
(5) แจ้งความประสงค์เป็นหนังสือเมื่อต้องการเปลี่ยนตัวบุคคลที่แสดงความจำนงไว้ใบสมัครตามข้อ 12
(6) เมื่อสมาชิกผู้ใดถึงแก่ความตาย ให้ผู้มีสิทธิได้รับเงินสงเคราะห์หรือครอบครัวของสมาชิกแจ้งให้คณะกรรมการการฌาปนกิจสงเคราะห์ทราบ พร้อมด้วยหลักฐานหนังสือสำคัญแสดงการเป็นสมาชิก ใบเสร็จรับเงินครั้งสุดท้าย ใบมรณบัตร สำเนาทะเบียนบ้านของสมาชิกที่ตายสำเนาทะเบียนบ้านของผู้รับเงินสงเคราะห์ และบัตร ประจำตัวหรือบัตรประชาชนของผู้รับเงินสงเคราะห์

 
หมวด 6
คณะกรรมการและการดำเนินกิจการ
                      
ข้อ 28  ให้มีคณะกรรมการดำเนินกิจการของการฌาปนกิจสงเคราะห์คณะหนึ่ง ประกอบด้วยนายกสภาทนายความ เป็นประธานกรรมการโดยตำแหน่ง และให้ประธานกรรมการแต่งตั้งรองประธานกรรมการ เลขานุการ เหรัญญิก นายทะเบียน และกรรมการอื่นอีกไม่น้อยกว่า 9 คน ตามที่เห็นสมควร

การแต่งตั้งกรรมการหรือเปลี่ยนตัวกรรมการเป็นดุลพินิจของนายกสภาทนายความ ซึ่งต้องมีคำสั่งแต่งตั้งกรรมการ พร้อมส่งสำเนาคำสั่งที่มีคำรับรองว่าถูกต้อง ให้นายทะเบียนการฌาปนกิจสงเคราะห์ภาครัฐทราบภายใน 30 วันนับแต่วันที่มีคำสั่ง

กรรมการของการฌาปนกิจสงเคราะห์ไม่มีสิทธิรับเงินเดือนหรือค่าจ้างหรือเงินอื่นใดหรือประโยชน์อย่างอื่นทำนองเดียวกันจากการฌาปนกิจสงเคราะห์

กรรมการของการฌาปนกิจสงเคราะห์อาจได้รับเบี้ยประชุม ค่าพาหนะ หรือประโยชน์อย่างอื่นทำนองเดียวกันจากการฌาปนกิจสงเคราะห์ ตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนด และส่งสำเนาระเบียบที่มีคำรับรองว่าถูกต้องต่อนายทะเบียนการฌาปนกิจสงเคราะห์ภาครัฐ ภายในกำหนด 30 วันนับแต่วันที่ประกาศ
 
ข้อ 29  คณะกรรมการมีอำนาจหน้าที่ดำเนินกิจการของการฌาปนกิจสงเคราะห์ให้เป็นไปตามข้อบังคับนี้ และให้มีอำนาจ ดังต่อไปนี้
(1) ออกระเบียบ ประกาศหรือ คำสั่งใด ๆ เพื่อให้เป็นไปตามข้อบังคับนี้
(2) พิจารณากำหนดระเบียบเกี่ยวกับการเงินของการฌาปนกิจสงเคราะห์
(3) พิจารณาแต่งตั้งหรือจ้างและกำหนดค่าจ้างหรือค่าตอบแทนเจ้าหน้าที่ของการฌาปนกิจสงเคราะห์ตามความจำเป็น
(4) จัดการเรื่องอื่น ๆ ตามข้อบังคับอันเป็นประโยชน์แก่การฌาปนกิจสงเคราะห์

ข้อ 30  ให้คณะกรรมการประชุมกันเป็นประจำทุกเดือน ๆ ละหนึ่งครั้ง ถ้ามีเหตุผลและความจำเป็นอาจประชุมกันมากกว่าเดือนละหนึ่งครั้งก็ได้ และในการประชุมต้องมีกรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง จึงเป็นองค์ประชุม
 
ข้อ 31  ให้ประธานกรรมการของการฌาปนกิจสงเคราะห์เป็นประธานที่ประชุม ถ้าประธานกรรมการไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้รองประธานปฏิบัติหน้าที่แทน ถ้าทั้งประธานกรรมการและรองประธานกรรมการไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้ที่ประชุมเลือกกรรมการคนใดคนหนึ่งทำหน้าที่ประธานที่ประชุม การวินิจฉัยชี้ขาดให้ถือเสียงข้างมากเป็นเกณฑ์ ถ้าคะแนนเสียงเท่ากันให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งเสียงเป็นเสียงชี้ขาด
 
ข้อ 32  ประธานกรรมการมีอำนาจสั่งการตามมติของที่ประชุมของคณะกรรมการและบริหารกิจการของการฌาปนกิจสงเคราะห์ให้เป็นไปตามข้อบังคับนี้ ตลอดจนปกครองบังคับบัญชาแต่งตั้งถอดถอนเปลี่ยนแปลงกรรมการ และลงโทษ เลื่อนขั้นเงินเดือนหรือค่าจ้างเจ้าหน้าที่ของการฌาปนกิจสงเคราะห์

ในกรณีที่ประธานกรรมการไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้รองประธานกรรมการปฏิบัติหน้าที่แทน

ข้อ 33  คณะกรรมการ ตามข้อ 28 มีวาระการดำรงตำแหน่งสามปีเท่ากับวาระการดำรงตำแหน่งของคณะกรรมการสภาทนายความ แต่จะดำรงตำแหน่งเกินกว่าสองวาระติดต่อกันไม่ได้

หากนายกสภาทนายความพ้นจากตำแหน่งประธานกรรมการตามวาระหรือไม่ว่าด้วยเหตุใดให้ถือว่าคณะกรรมการพ้นตำแหน่งทั้งคณะด้วยเช่นกัน

คณะกรรมการที่ออกตามวาระตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสอง จะต้องปฏิบัติหน้าที่จนกว่าจะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ และคณะกรรมการชุดใหม่เข้ารับตำแหน่งหน้าที่แล้ว จึงจะพ้นจากหน้าที่

ข้อ 34  นอกจากการพ้นตำแหน่งตามวาระ ประธานกรรมการหรือกรรมการ ย่อมพ้นจากตำแหน่งเป็นการเฉพาะตัว เมื่อ
(1) ตาย
(2) ลาออก
(3) ขาดจากสมาชิกภาพ
(4) ประธานกรรมการสั่งให้ออก
(5) ขาดจากการเป็นทนายความ ตามมาตรา 44 แห่งพระราชบัญญัติทนายความ พ.ศ. 2528
(6) ขาดจากการเป็นพนักงานสภาทนายความ ตามข้อบังคับสภาทนายความ
(7) เป็นผู้มีกายทุพพลภาพจนไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ หรือวิกลจริตหรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ
(8) ต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้เป็นบุคคลล้มละลาย
(9) ต้องโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก
(10) รัฐมนตรีมีคำสั่งให้ออกจากตำแหน่งเป็นการเฉพาะตัวตามมาตรา 20 แห่งพระราชบัญญัติทนายความ พ.ศ. 2528

หมวด 7
การทะเบียน การเงิน และการบัญชี
                       
ข้อ 35  การฌาปนกิจสงเคราะห์ต้องจัดให้มีทะเบียนสมาชิกตามแบบที่นายทะเบียนการฌาปนกิจสงเคราะห์ภาครัฐกำหนดและให้เก็บรักษาทะเบียนดังกล่าวไว้ที่สำนักงานการฌาปนกิจสงเคราะห์ พร้อมทั้งหลักฐานและเอกสารที่ใช้ประกอบในการลงทะเบียนด้วย

ข้อ 36  การฌาปนกิจสงเคราะห์ต้องส่งสำเนาทะเบียนสมาชิกที่มีอยู่ในวันครบกำหนด 90 วันนับแต่วันขึ้นทะเบียนให้แก่นายทะเบียนการฌาปนกิจสงเคราะห์ภาครัฐภายใน 30 วัน นับแต่วันดังกล่าวและเมื่อสิ้นเดือนมิถุนายนของทุกปี การฌาปนกิจสงเคราะห์ต้องส่งสำเนาทะเบียนสมาชิกที่เพิ่มขึ้นและแจ้งบัญชีรายชื่อของสมาชิกที่ตายหรือพ้นจากสมาชิกภาพตามที่นายทะเบียนการฌาปนกิจสงเคราะห์ภาครัฐกำหนดให้แก่นายทะเบียนการฌาปนกิจสงเคราะห์ภาครัฐภายใน 30 วันนับแต่วันสิ้นเดือนมิถุนายน

ข้อ 37  การฌาปนกิจสงเคราะห์ต้องจัดให้มีบัญชีแสดงฐานะการเงินตามแบบที่นายทะเบียนการฌาปนกิจสงเคราะห์ภาครัฐกำหนด และให้เก็บรักษาเอกสารประกอบบัญชีแสดงให้เห็นความถูกต้องแห่งบัญชีนั้นไว้ด้วย

ข้อ 38  เงินทุกประเภทที่การฌาปนกิจสงเคราะห์ได้รับ ต้องนำฝากธนาคารของรัฐหรือธนาคารพาณิชย์ที่เชื่อถือได้ในนามการฌาปนกิจสงเคราะห์ เหรัญญิกจะเก็บรักษาตัวเงินสดไว้ที่สำนักงานเพื่อค่าใช้จ่ายไม่เกิน 5,000 บาท (ห้าพันบาท)

ประธานกรรมการมีอำนาจสั่งจ่ายเงินของการฌาปนกิจสงเคราะห์ได้ไม่เกินครั้งละ 100,000 บาท (หนึ่งแสนบาท) หากเกินกว่าจำนวนดังกล่าวแล้ว ต้องได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการก่อน เว้นแต่การจ่ายเงินสงเคราะห์

การฝากเงินและการถอนเงินของการฌาปนกิจสงเคราะห์ต้องกระทำในนามการฌาปนกิจสงเคราะห์ การถอนเงินไม่ว่ากรณีใด ๆ ต้องมีประธานกรรมการหรือรองประธานกรรมการลงนามร่วมกับเหรัญญิก จึงจะถอนเงินได้

ข้อ 39  เงินหรือผลประโยชน์ของการฌาปนกิจสงเคราะห์ที่ได้รับมา หรือมีผู้บริจาคด้วยศรัทธา หรือดอกผลที่ฝากธนาคารต้องตกเป็นของการฌาปนกิจสงเคราะห์ทั้งสิ้น

ข้อ 40  คณะกรรมการต้องแต่งตั้งบุคคลที่เหมาะสมเป็นกรรมการตรวจสอบการเงินของการฌาปนกิจสงเคราะห์ อย่างน้อย 3 คน และกรรมการต้องรายงานผลการตรวจสอบให้ประธานกรรมการทราบทุก 30 วัน โดยผลัดเปลี่ยนกันตรวจสอบและประธานกรรมการต้องนำเสนอที่ประชุมคณะกรรมการทราบในการประชุมประจำเดือน

ข้อ 41  การจ่ายเงินสงเคราะห์ หากรายใดเกิดปัญหา ให้นำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการและให้ถือมติของที่ประขุมเป็นเกณฑ์

ข้อ 42  เมื่อสิ้นปีปฏิทินของทุกปี การฌาปนกิจสงเคราะห์จะต้องทำบัญชีงบดุลตามแบบที่นายทะเบียนการฌาปนกิจสงเคราะห์ภาครัฐกำหนด เสนอต่อนายกสภาทนายความ เพื่อขออนุมัติภายใน 120 วันนับแต่วันสิ้นปีปฏิทิน และต้องส่งสำเนางบดุลและเอกสารประกอบงบดุลที่มีคำรับรองว่าถูกต้องให้แก่นายทะเบียนการฌาปนกิจสงเคราะห์ภาครัฐนับแต่วันที่ได้รับอนุมัติ และต้องแสดงไว้ที่สำนักงาน เพื่อให้สมาชิกและผู้มีส่วนได้เสียตรวจดูได้ด้วย

ข้อ 43  หลักฐานและเอกสารทางทะเบียน ทางการเงิน การบัญชี และบัญชีงบดุลการฌาปนกิจสงเคราะห์ต้องเก็บรักษาไว้ไม่น้อยกว่า 10 ปี

หมวด 8
การแก้ไขหรือเพิ่มเติมข้อบังคับ                       

ข้อ 44  การแก้ไขหรือเพิ่มเติมข้อบังคับนี้ ให้กระทำโดยมติของที่ประชุมคณะกรรมการและต้องมีคะแนนเสียงในการลงมติไม่น้อยกว่าสองในสามของจำนวนกรรมการทั้งหมด และต้องไม่ขัดต่อวัตถุประสงค์ของการฌาปนกิจสงเคราะห์และระเบียบกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ว่าด้วยการฌาปนกิจสงเคราะห์ของส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ และองค์กรวิชาชีพซึ่งเป็นนิติบุคคลที่อยู่ภายใต้การกำกับของรัฐ พ.ศ. 2547

เมื่อคณะกรรมการมีมติให้แก้ไขหรือเพิ่มเติมข้อบังคับข้อใดข้อหนึ่งแล้ว แจ้งให้นายทะเบียนการฌาปนกิจสงเคราะห์ภาครัฐทราบ เมื่อนายทะเบียนการฌาปนกิจสงเคราะห์ภาครัฐพิจารณาเห็นว่าถูกต้องตามระเบียบ จึงจะใช้บังคับได้

หมวด 9

การเลิกการฌาปนกิจสงเคราะห์และการชำระบัญชี                      

ข้อ 45  ในกรณีที่ได้รับคำสั่งจากนายทะเบียนการฌาปนกิจสงเคราะห์ภาครัฐให้เลิกการฌาปนกิจสงเคราะห์ ให้คณะกรรมการประชุมพิจารณาว่าสมควรเลิกหรือจะมีทางแก้ไขประการใดถ้าที่ประชุมมีมติไม่ให้เลิกและมีเหตุผลและวิธีการแก้ไขประการใด ให้ทำหนังสืออุทธรณ์ต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยยื่นต่อนายทะเบียนการฌาปนกิจสงเคราะห์ภาครัฐภายในกำหนด 30 วันนับแต่วันที่ได้รับคำสั่ง

ข้อ 46  เมื่อเลิกการฌาปนกิจสงเคราะห์ ให้นายกสภาทนายความมีหน้าที่รับผิดชอบให้มีการชำระบัญชีให้เสร็จโดยเร็ว

ข้อ 47  เมื่อชำระบัญชีเสร็จแล้ว ถ้ามีทรัพย์สินของการฌาปนกิจสงเคราะห์เหลืออยู่เท่าใดให้โอนหรือจำหน่ายไปใช้จ่ายในด้านสวัสดิการของสภาทนายความต่อไป

ประกาศ ณ วันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
เดชอุดม  ไกรฤทธิ์
นายกสภาทนายความ

 




ข้อบังคับสภาทนายความ

การพิจารณาเสนอขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์
พนักงานสภาทนายความ พ.ศ. 2530
การฝึกอบรมวิชาว่าความพ.ศ. 2529
การฝึกหัดงานในสำนักงานทนายความ พ.ศ.2535
การฝึกหัดงานในสำนักงานทนายความ
การประชุมใหญ่ของสภาทนายความ
สำนักงานสิทธิมนุษยชนสภาทนายความ
การแบ่งส่วนงานของสภาทนายความ
การประชุมคณะกรรมการมรรยาททนายความ
การเงินและทรัพย์สินของสภาทนายความ พ.ศ. 2547
การเก็บรักษาและการเบิกจ่ายเงินกองทุน
การช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย