
การฌาปนกิจสงเคราะห์สภาทนายความ ข้อบังคับสภาทนายความ ว่าด้วยการฌาปนกิจสงเคราะห์ พ.ศ. 2552 อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 7 (4) มาตรา 8 (2) และมาตรา 27 (3) (จ) คณะกรรมการสภาทนายความโดยความเห็นชอบของสภานายกพิเศษแห่งสภาทนายความ ตามมาตรา 28 แห่งพระราชบัญญัติทนายความ พ.ศ. 2528 ออกข้อบังคับสภาทนายความว่าด้วยการฌาปนกิจสงเคราะห์ไว้ ดังต่อไปนี้ หมวด 1 ข้อ 3 ในข้อบังคับนี้ การฌาปนกิจสงเคราะห์ หมายความว่า การฌาปนกิจสงเคราะห์ สภาทนายความ สำนักงานการฌาปนกิจสงเคราะห์ หมายความว่า สำนักงานฌาปนกิจสงเคราะห์ สภาทนายความ คณะกรรมการ หมายความว่า คณะกรรมการดำเนินกิจการของการฌาปนกิจสงเคราะห์ สภาทนายความ ประธานกรรมการ หมายความว่า ประธานกรรมการดำเนินกิจการของการฌาปนกิจสงเคราะห์สภาทนายความ รองประธานกรรมการ หมายความว่า รองประธานกรรมการดำเนินกิจการของการฌาปนกิจสงเคราะห์ สภาทนายความ เหรัญญิก หมายความว่า เหรัญญิกของคณะกรรมการดำเนินกิจการของการฌาปนกิจสงเคราะห์สภาทนายความ นายทะเบียน หมายความว่า นายทะเบียนการฌาปนกิจสงเคราะห์ สภาทนายความ นายทะเบียนการฌาปนกิจสงเคราะห์ภาครัฐ หมายความว่า นายทะเบียนการฌาปนกิจสงเคราะห์ภาครัฐ ตามระเบียบกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ว่าด้วยการฌาปนกิจสงเคราะห์ของส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ และองค์กรวิชาชีพ ซึ่งเป็นนิติบุคคลที่อยู่ภายใต้การกำกับของรัฐ พ.ศ. 2547 สมาชิก หมายความว่า สมาชิกของการฌาปนกิจสงเคราะห์ สภาทนายความ ทนายความ หมายความว่า ผู้ที่สภาทนายความได้รับจดทะเบียนและออกใบอนุญาตให้เป็นทนายความ พนักงาน หมายความว่า พนักงานตามข้อบังคับสภาทนายความว่าด้วยพนักงานสภาทนายความ บุคคลในครอบครัว หมายความว่า บุคคลในครอบครัวของทนายความและพนักงาน ได้แก่ คู่สมรส บิดามารดา บุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย รวมถึง บุตรนอกกฎหมายที่บิดารับรองแล้วและบุตรบุญธรรม เงินค่าสมัคร หมายความว่า เงินค่าสมัครเข้าเป็นสมาชิกของการฌาปนกิจสงเคราะห์สภาทนายความ เงินค่าบำรุง หมายความว่า เงินที่เรียกเก็บจากสมาชิกเป็นรายปี เงินสงเคราะห์ หมายความว่า เงินที่สมาชิกร่วมกันออกช่วยเหลือเป็นค่าจัดการศพหรือค่าจัดการศพและสงเคราะห์ครอบครัวของสมาชิกซึ่งถึงแก่ความตาย รวมทั้งค่าใช้จ่ายเพื่อดำเนินกิจการของการฌาปนกิจสงเคราะห์ เงินสงเคราะห์ล่วงหน้า หมายความว่า เงินสงเคราะห์ที่การฌาปนกิจสงเคราะห์เรียกเก็บไว้ล่วงหน้าเพื่อสำรองจ่ายเป็นเงินสงเคราะห์เมื่อมีสมาชิกถึงแก่ความตาย ข้อ 4 สำนักงานการฌาปนกิจสงเคราะห์สภาทนายความ ตั้งอยู่ที่ สภาทนายความ เลขที่ 7/89 อาคาร 10 ถนนราชดำเนินกลาง แขวงบวรนิเวศ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร ข้อ 5 เครื่องหมายของการฌาปนกิจสงเคราะห์มีรูปลักษณะดังนี้ เป็นรูปตราชูและพานรัฐธรรมนูญ มีลายกนกทั้งสองข้าง และมีข้อความว่าการฌาปนกิจสงเคราะห์สภาทนายความ ภายในวงกลม ข้อ 6 การฌาปนกิจสงเคราะห์จะเปิดทำการตามวัน เวลา ของทางราชการ ข้อ 7 ให้นายกสภาทนายความเป็นผู้รักษาการตามข้อบังคับนี้ หมวด 2 ข้อ 8 การฌาปนกิจสงเคราะห์ของสภาทนายความ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้สมาชิกทำการสงเคราะห์ซึ่งกันและกันในการจัดการศพ หรือจัดการศพและสงเคราะห์ครอบครัวของสมาชิกที่ถึงแก่ความตาย โดยไม่ประสงค์จะหากำไรมาแบ่งปันกัน ซึ่งการตายนี้ไม่รวมถึงการสาบสูญตามคำสั่งศาล หมวด 3 ข้อ 9 สมาชิกของการฌาปนกิจสงเคราะห์ ได้แก่ บุคคลที่มีคุณสมบัติตามข้อ 10 แห่งข้อบังคับนี้ ซึ่งได้แสดงความจำนง ตามข้อ 11 และคณะกรรมการมีมติรับเข้าเป็นสมาชิกและชำระเงินตามข้อ 14 แล้ว ข้อ 10 ผู้สมัครเข้าเป็นสมาชิกต้องมีคุณสมบัติ ดังต่อไปนี้ ข้อ 11 ผู้ที่ประสงค์จะสมัครเข้าเป็นสมาชิก ต้องยื่นใบสมัครตามแบบของการฌาปนกิจสงเคราะห์ต่อคณะกรรมการหรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย ในวันเปิดทำการของการฌาปนกิจสงเคราะห์ กรณียื่นใบสมัคร ณ สำนักงานสภาทนายความจังหวัด หรือสำนักงานสภาทนายความภาคให้ประธานสภาทนายความจังหวัดหรือประธานสภาทนายความภาค ส่งใบสมัครต่อคณะกรรมการภายใน 7 วันนับแต่วันที่รับใบสมัคร และให้เก็บสำเนาใบสมัครไว้ ณ สำนักงานสภาทนายความจังหวัดหรือสำนักงานสภาทนายความภาค ข้อ 12 ผู้สมัครเข้าเป็นสมาชิกจะต้องระบุชื่อผู้รับเงินสงเคราะห์ ซึ่งเป็นบุคคลตามข้อ 24 ไว้ให้ชัดแจ้งในใบสมัคร ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงผู้รับเงินสงเคราะห์ในภายหลัง สมาชิกต้องแจ้งให้การฌาปนกิจสงเคราะห์ทราบโดยไม่ชักช้า ถ้าไม่มีผู้รับเงินสงเคราะห์ ให้การฌาปนกิจสงเคราะห์ต้องจัดการศพให้เหมาะสมแก่ฐานานุรูปและศาสนาของสมาชิกนั้น ข้อ 13 คณะกรรมการจะพิจารณาผู้สมัครที่มีคุณสมบัติครบถ้วนถูกต้องตามข้อ 10 เมื่อเห็นสมควรก็ให้มีมติรับเข้าเป็นสมาชิก และแจ้งให้ผู้สมัครทราบเพื่อนำเงินค่าบำรุงและเงินสงเคราะห์ล่วงหน้ามาชำระ ข้อ 14 สมาชิกภาพของผู้สมัครเข้าเป็นสมาชิกจะเริ่มตั้งแต่วันที่คณะกรรมการมีมติให้รับเข้าเป็นสมาชิก และผู้สมัครได้ชำระเงินต่าง ๆ ตามข้อบังคับนี้แล้ว ข้อ 15 การฌาปนกิจสงเคราะห์จะออกหนังสือหลักฐานแสดงการเป็นสมาชิกตามแบบที่การฌาปนกิจสงเคราะห์กำหนดให้แก่สมาชิกทุกคน ข้อ 16 สมาชิกซึ่งพ้นจากเป็นทนายความ พ้นจากการเป็นพนักงาน หรือ บุคคลในครอบครัวถ้าไม่ประสงค์จะเป็นสมาชิกต่อไป ให้แสดงความจำนงต่อคณะกรรมการเป็นลายลักษณ์อักษรหากไม่แสดงความจำนงดังกล่าว ให้ถือว่ายังคงเป็นสมาชิกต่อไป ข้อ 17 สมาชิกภาพย่อมสิ้นสุดลงในกรณี ดังต่อไปนี้ การสิ้นสุดแห่งสมาชิกภาพตามข้อนี้ สมาชิกไม่มีสิทธิเรียกเงินค่าสมัคร เงินค่าบำรุง และเงินสงเคราะห์ที่ได้ชำระตามข้อบังคับนี้คืนจากการฌาปนกิจสงเคราะห์ เว้นแต่เงินสงเคราะห์ล่วงหน้าที่ยังไม่ตกอยู่ในความผูกพันที่จะต้องจ่ายเงินสงเคราะห์ให้แก่สมาชิกที่ถึงแก่ความตาย หมวด 4 ข้อ 18 เมื่อการฌาปนกิจสงเคราะห์รับผู้ใดเข้าเป็นสมาชิกแล้ว ผู้นั้นมีหน้าที่ต้องชำระเงินค่าสมัครเข้าเป็นสมาชิกให้แก่การฌาปนกิจสงเคราะห์ เป็นเงิน 100 บาท (หนึ่งร้อยบาท) เงินค่าบำรุงปีละ 50 บาท (ห้าสิบบาท) และเงินสงเคราะห์ล่วงหน้าตามอัตราที่กำหนดในข้อ 22 ข้อ 19 เมื่อสมาชิกของการฌาปนกิจสงเคราะห์คนใดคนหนึ่งถึงแก่ความตาย สมาชิกทุกคนมีหน้าที่ต้องออกเงินสงเคราะห์เพื่อเป็นค่าจัดการศพหรือค่าจัดการศพและสงเคราะห์ครอบครัวให้แก่ครอบครัวของสมาชิกที่ตายนั้น รายละ 20 บาท (ยี่สิบบาท) จำนวนเงินสงเคราะห์ที่กำหนดตามวรรคแรกอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามที่คณะกรรมการเห็นสมควร ทั้งนี้ต้องเป็นไปตามที่กำหนดไว้ในระเบียบกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ว่าด้วยการฌาปนกิจสงเคราะห์ของส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ และองค์กรวิชาชีพซึ่งเป็นนิติบุคคลที่อยู่ภายใต้การกำกับของรัฐ พ.ศ. 2547 ข้อ 20 การชำระเงินค่าสมัคร เงินค่าบำรุง เงินสงเคราะห์ล่วงหน้า เงินสงเคราะห์ให้ชำระต่อเหรัญญิก หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย ณ สำนักงานการฌาปนกิจสงเคราะห์ หรือสำนักงานสภาทนายความจังหวัด หรือสำนักงานสภาทนายความภาค ให้เหรัญญิกหรือผู้ได้รับมอบหมายส่งเงินต่าง ๆ ที่ได้รับแก่การฌาปนกิจสงเคราะห์โดยเร็วในวันเปิดทำการ ข้อ 21 เงินสงเคราะห์ตามข้อ 19 สมาชิกต้องชำระให้แก่การฌาปนกิจสงเคราะห์ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งการตายของสมาชิก หรือได้รับแจ้งให้ชำระเงินสงเคราะห์จากการฌาปนกิจสงเคราะห์ ข้อ 22 การฌาปนกิจสงเคราะห์จะเรียกเก็บเงินสงเคราะห์ล่วงหน้าจากสมาชิกเพื่อสำรองจ่ายเป็นค่าทำศพ เป็นจำนวน 25 ศพ เป็นจำนวนเงิน 500 บาท และเงินจำนวนนี้การฌาปนกิจสงเคราะห์จะคืนให้แก่สมาชิกเท่าที่สมาชิกผู้นั้นยังไม่ตกอยู่ในความผูกพันที่ต้องจ่ายเงินสงเคราะห์ตามที่จ่ายไว้ล่วงหน้า และเงินสงเคราะห์ล่วงหน้านี้ ห้ามการฌาปนกิจสงเคราะห์นำไปใช้จ่ายในกิจการอื่นใด เว้นแต่นำไปใช้สำรองจ่ายเป็นเงินสงเคราะห์ของสมาชิกผู้นั้นเองในเมื่อสมาชิกอื่นถึงแก่ความตาย ข้อ 23 การฌาปนกิจสงเคราะห์จะจ่ายเงินสงเคราะห์ให้แก่ผู้รับเงินสงเคราะห์แล้วแต่กรณี ดังต่อไปนี้ จำนวนเงินสงเคราะห์ที่การฌาปนกิจสงเคราะห์จะหักไว้เป็นค่าใช้จ่ายตามวรรคสองอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามที่คณะกรรมการกำหนดเห็นสมควร ทั้งนี้ต้องเป็นไปตามที่กำหนดไว้ในระเบียบกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ว่าด้วยการฌาปนกิจสงเคราะห์ของส่วนราชการหน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ และองค์กรวิชาชีพซึ่งเป็นนิติบุคคลที่อยู่ภายใต้การกำกับของรัฐ พ.ศ.2547 ข้อ 24 ในกรณีสมาชิกถึงแก่ความตาย ให้การฌาปนกิจสงเคราะห์จ่ายค่าจัดการศพหรือค่าจัดการศพและสงเคราะห์ครอบครัวให้แก่บุคคลที่สมาชิกได้ระบุไว้ในใบสมัครให้เป็นผู้รับเงินสงเคราะห์ ซึ่งต้องเป็นบุคคล ดังต่อไปนี้ ในกรณีไม่มีบุคคลที่สมาชิกระบุไว้ในใบสมัคร หรือในกรณีที่สมาชิกไม่ได้ระบุบุคคลใดไว้ในใบสมัคร บุคคลตามวรรคหนึ่งอาจยื่นคำร้องต่อการฌาปนกิจสงเคราะห์เพื่อขอรับเงินสงเคราะห์ก็ได้ เมื่อการฌาปนกิจสงเคราะห์ได้รับคำร้องตามวรรคสอง และได้พิจารณาแล้วเห็นว่า บุคคลนั้นสามารถเป็นผู้จัดการศพของสมาชิกได้จริง ให้การฌาปนกิจสงเคราะห์จ่ายเงินค่าจัดการศพให้แก่บุคคลนั้นแต่ถ้าการฌาปนกิจสงเคราะห์เห็นว่าบุคคลนั้นไม่สามารถเป็นผู้จัดการศพได้ หรือไม่มีบุคคลตามวรรคหนึ่งยื่นคำร้องภายในระยะเวลาตามที่คณะกรรมการกำหนด ให้การฌาปนกิจสงเคราะห์จัดการศพให้แก่สมาชิกที่ถึงแก่ความตายตามสมควรแก่ฐานานุรูปและประเพณีทางศาสนาของสมาชิกนั้น เมื่อได้ปฏิบัติตามวรรคสามแล้ว ยังคงมีเงินสงเคราะห์เหลืออยู่ ให้การฌาปนกิจสงเคราะห์จ่ายเงินส่วนที่เหลืออยู่ให้แก่บุคคลที่สมาชิกได้ระบุไว้ในใบสมัคร แต่ถ้าไม่มีบุคคลที่สมาชิกระบุไว้ในใบสมัคร ให้การฌาปนกิจสงเคราะห์จ่ายเงินดังกล่าวให้แก่บุคคลในวรรคหนึ่งตามลำดับก่อนหลังโดยผู้อยู่ลำดับก่อนย่อมตัดสิทธิผู้อยู่ลำดับหลัง ถ้ามีผู้อยู่ในลำดับเดียวกันหลายคน ให้การฌาปนกิจสงเคราะห์แบ่งเงินค่าจัดการศพ หรือค่าจัดการศพและสงเคราะห์ครอบครัวที่เหลืออยู่ให้แก่ทุกคนในสัดส่วนที่เท่ากัน หากไม่อาจแบ่งเงินให้แก่บุคคลได้ ให้เงินตกแก่กองทุนสวัสดิการทนายความ หมวด 5 ข้อ 26 สมาชิกมีสิทธิดังนี้ ข้อ 27 สมาชิกมีหน้าที่ต้องปฏิบัติ ดังนี้ การแต่งตั้งกรรมการหรือเปลี่ยนตัวกรรมการเป็นดุลพินิจของนายกสภาทนายความ ซึ่งต้องมีคำสั่งแต่งตั้งกรรมการ พร้อมส่งสำเนาคำสั่งที่มีคำรับรองว่าถูกต้อง ให้นายทะเบียนการฌาปนกิจสงเคราะห์ภาครัฐทราบภายใน 30 วันนับแต่วันที่มีคำสั่ง กรรมการของการฌาปนกิจสงเคราะห์ไม่มีสิทธิรับเงินเดือนหรือค่าจ้างหรือเงินอื่นใดหรือประโยชน์อย่างอื่นทำนองเดียวกันจากการฌาปนกิจสงเคราะห์ กรรมการของการฌาปนกิจสงเคราะห์อาจได้รับเบี้ยประชุม ค่าพาหนะ หรือประโยชน์อย่างอื่นทำนองเดียวกันจากการฌาปนกิจสงเคราะห์ ตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนด และส่งสำเนาระเบียบที่มีคำรับรองว่าถูกต้องต่อนายทะเบียนการฌาปนกิจสงเคราะห์ภาครัฐ ภายในกำหนด 30 วันนับแต่วันที่ประกาศ ข้อ 30 ให้คณะกรรมการประชุมกันเป็นประจำทุกเดือน ๆ ละหนึ่งครั้ง ถ้ามีเหตุผลและความจำเป็นอาจประชุมกันมากกว่าเดือนละหนึ่งครั้งก็ได้ และในการประชุมต้องมีกรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง จึงเป็นองค์ประชุม ในกรณีที่ประธานกรรมการไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้รองประธานกรรมการปฏิบัติหน้าที่แทน ข้อ 33 คณะกรรมการ ตามข้อ 28 มีวาระการดำรงตำแหน่งสามปีเท่ากับวาระการดำรงตำแหน่งของคณะกรรมการสภาทนายความ แต่จะดำรงตำแหน่งเกินกว่าสองวาระติดต่อกันไม่ได้ หากนายกสภาทนายความพ้นจากตำแหน่งประธานกรรมการตามวาระหรือไม่ว่าด้วยเหตุใดให้ถือว่าคณะกรรมการพ้นตำแหน่งทั้งคณะด้วยเช่นกัน คณะกรรมการที่ออกตามวาระตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสอง จะต้องปฏิบัติหน้าที่จนกว่าจะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ และคณะกรรมการชุดใหม่เข้ารับตำแหน่งหน้าที่แล้ว จึงจะพ้นจากหน้าที่ ข้อ 34 นอกจากการพ้นตำแหน่งตามวาระ ประธานกรรมการหรือกรรมการ ย่อมพ้นจากตำแหน่งเป็นการเฉพาะตัว เมื่อ หมวด 7 ข้อ 36 การฌาปนกิจสงเคราะห์ต้องส่งสำเนาทะเบียนสมาชิกที่มีอยู่ในวันครบกำหนด 90 วันนับแต่วันขึ้นทะเบียนให้แก่นายทะเบียนการฌาปนกิจสงเคราะห์ภาครัฐภายใน 30 วัน นับแต่วันดังกล่าวและเมื่อสิ้นเดือนมิถุนายนของทุกปี การฌาปนกิจสงเคราะห์ต้องส่งสำเนาทะเบียนสมาชิกที่เพิ่มขึ้นและแจ้งบัญชีรายชื่อของสมาชิกที่ตายหรือพ้นจากสมาชิกภาพตามที่นายทะเบียนการฌาปนกิจสงเคราะห์ภาครัฐกำหนดให้แก่นายทะเบียนการฌาปนกิจสงเคราะห์ภาครัฐภายใน 30 วันนับแต่วันสิ้นเดือนมิถุนายน ข้อ 37 การฌาปนกิจสงเคราะห์ต้องจัดให้มีบัญชีแสดงฐานะการเงินตามแบบที่นายทะเบียนการฌาปนกิจสงเคราะห์ภาครัฐกำหนด และให้เก็บรักษาเอกสารประกอบบัญชีแสดงให้เห็นความถูกต้องแห่งบัญชีนั้นไว้ด้วย ข้อ 38 เงินทุกประเภทที่การฌาปนกิจสงเคราะห์ได้รับ ต้องนำฝากธนาคารของรัฐหรือธนาคารพาณิชย์ที่เชื่อถือได้ในนามการฌาปนกิจสงเคราะห์ เหรัญญิกจะเก็บรักษาตัวเงินสดไว้ที่สำนักงานเพื่อค่าใช้จ่ายไม่เกิน 5,000 บาท (ห้าพันบาท) ประธานกรรมการมีอำนาจสั่งจ่ายเงินของการฌาปนกิจสงเคราะห์ได้ไม่เกินครั้งละ 100,000 บาท (หนึ่งแสนบาท) หากเกินกว่าจำนวนดังกล่าวแล้ว ต้องได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการก่อน เว้นแต่การจ่ายเงินสงเคราะห์ การฝากเงินและการถอนเงินของการฌาปนกิจสงเคราะห์ต้องกระทำในนามการฌาปนกิจสงเคราะห์ การถอนเงินไม่ว่ากรณีใด ๆ ต้องมีประธานกรรมการหรือรองประธานกรรมการลงนามร่วมกับเหรัญญิก จึงจะถอนเงินได้ ข้อ 39 เงินหรือผลประโยชน์ของการฌาปนกิจสงเคราะห์ที่ได้รับมา หรือมีผู้บริจาคด้วยศรัทธา หรือดอกผลที่ฝากธนาคารต้องตกเป็นของการฌาปนกิจสงเคราะห์ทั้งสิ้น ข้อ 40 คณะกรรมการต้องแต่งตั้งบุคคลที่เหมาะสมเป็นกรรมการตรวจสอบการเงินของการฌาปนกิจสงเคราะห์ อย่างน้อย 3 คน และกรรมการต้องรายงานผลการตรวจสอบให้ประธานกรรมการทราบทุก 30 วัน โดยผลัดเปลี่ยนกันตรวจสอบและประธานกรรมการต้องนำเสนอที่ประชุมคณะกรรมการทราบในการประชุมประจำเดือน ข้อ 41 การจ่ายเงินสงเคราะห์ หากรายใดเกิดปัญหา ให้นำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการและให้ถือมติของที่ประขุมเป็นเกณฑ์ ข้อ 42 เมื่อสิ้นปีปฏิทินของทุกปี การฌาปนกิจสงเคราะห์จะต้องทำบัญชีงบดุลตามแบบที่นายทะเบียนการฌาปนกิจสงเคราะห์ภาครัฐกำหนด เสนอต่อนายกสภาทนายความ เพื่อขออนุมัติภายใน 120 วันนับแต่วันสิ้นปีปฏิทิน และต้องส่งสำเนางบดุลและเอกสารประกอบงบดุลที่มีคำรับรองว่าถูกต้องให้แก่นายทะเบียนการฌาปนกิจสงเคราะห์ภาครัฐนับแต่วันที่ได้รับอนุมัติ และต้องแสดงไว้ที่สำนักงาน เพื่อให้สมาชิกและผู้มีส่วนได้เสียตรวจดูได้ด้วย ข้อ 43 หลักฐานและเอกสารทางทะเบียน ทางการเงิน การบัญชี และบัญชีงบดุลการฌาปนกิจสงเคราะห์ต้องเก็บรักษาไว้ไม่น้อยกว่า 10 ปี หมวด 8 ข้อ 44 การแก้ไขหรือเพิ่มเติมข้อบังคับนี้ ให้กระทำโดยมติของที่ประชุมคณะกรรมการและต้องมีคะแนนเสียงในการลงมติไม่น้อยกว่าสองในสามของจำนวนกรรมการทั้งหมด และต้องไม่ขัดต่อวัตถุประสงค์ของการฌาปนกิจสงเคราะห์และระเบียบกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ว่าด้วยการฌาปนกิจสงเคราะห์ของส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ และองค์กรวิชาชีพซึ่งเป็นนิติบุคคลที่อยู่ภายใต้การกำกับของรัฐ พ.ศ. 2547 เมื่อคณะกรรมการมีมติให้แก้ไขหรือเพิ่มเติมข้อบังคับข้อใดข้อหนึ่งแล้ว แจ้งให้นายทะเบียนการฌาปนกิจสงเคราะห์ภาครัฐทราบ เมื่อนายทะเบียนการฌาปนกิจสงเคราะห์ภาครัฐพิจารณาเห็นว่าถูกต้องตามระเบียบ จึงจะใช้บังคับได้ หมวด 9 การเลิกการฌาปนกิจสงเคราะห์และการชำระบัญชี ข้อ 45 ในกรณีที่ได้รับคำสั่งจากนายทะเบียนการฌาปนกิจสงเคราะห์ภาครัฐให้เลิกการฌาปนกิจสงเคราะห์ ให้คณะกรรมการประชุมพิจารณาว่าสมควรเลิกหรือจะมีทางแก้ไขประการใดถ้าที่ประชุมมีมติไม่ให้เลิกและมีเหตุผลและวิธีการแก้ไขประการใด ให้ทำหนังสืออุทธรณ์ต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยยื่นต่อนายทะเบียนการฌาปนกิจสงเคราะห์ภาครัฐภายในกำหนด 30 วันนับแต่วันที่ได้รับคำสั่ง ข้อ 46 เมื่อเลิกการฌาปนกิจสงเคราะห์ ให้นายกสภาทนายความมีหน้าที่รับผิดชอบให้มีการชำระบัญชีให้เสร็จโดยเร็ว ข้อ 47 เมื่อชำระบัญชีเสร็จแล้ว ถ้ามีทรัพย์สินของการฌาปนกิจสงเคราะห์เหลืออยู่เท่าใดให้โอนหรือจำหน่ายไปใช้จ่ายในด้านสวัสดิการของสภาทนายความต่อไป ประกาศ ณ วันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
|