ReadyPlanet.com
dot
ประมวลกฎหมาย
dot
bulletป.แพ่งและพาณิชย์
bulletพระราชบัญญัติ
bulletความรู้กฎหมาย
bulletสำนัก,ทนาย,ทนายความ
bulletแบบฟอร์มสัญญา
bulletปรึกษากฎหมาย
bulletวิชาชีพทนายความ
bulletข้อบังคับสภาทนายความ
bulletคำพิพากษาฎีกา
bulletเช่าซื้อขายฝากซื้อขาย
bulletเกี่ยวกับคดีอาญา
bulletเกี่ยวกับ วิ.แพ่ง
bulletคดีเกี่ยวกับวิ.อาญา
bulletคำพิพากษารวม
bulletครอบครองปรปักษ์
bulletการสิ้นสุดการสมรส
bulletการใช้กฎหมายอาญา
bulletคดียาเสพติดให้โทษ
dot
Newsletter

dot




การประชุมใหญ่ของสภาทนายความ

ข้อบังคับสภาทนายความว่าด้วยการประชุมใหญ่ของสภาทนายความพ.ศ. 2530

     อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 27 (3) มาตรา 50 และด้วยความเห็นชอบของสภานายกพิเศษแห่งสภาทนายความ  ตามมาตรา 28 แห่งพระราชบัญญัติทนายความ พ.ศ. 2528  คณะกรรมการสภาทนายความออกข้อบังคับว่าด้วยการประชุมใหญ่ของสภาทนายความไว้  ดังต่อไปนี้

     ข้อ 1  ข้อบังคับนี้เรียกว่า `ข้อบังคับสภาทนายความว่าด้วยการประชุมใหญ่ของสภาทนายความพ.ศ. 2530'

     ข้อ 2  ข้อบังคับนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

     ข้อ 3  ในข้อบังคับนี้

           `การประชุมใหญ่'  หมายความว่า  การประชุมใหญ่ของสภาทนายความ  ซึ่งได้แก่การประชุมใหญ่สามัญประจำปี  และการประชุมใหญ่วิสามัญ

           `คณะกรรมการ'  หมายความว่า  คณะกรรมการสภาทนายความ

           `สมาชิก'  หมายความว่า  สมาชิกสภาทนายความ

           `สำนักงาน'  หมายความว่า  สำนักงานตามที่สมาชิกระบุให้นายทะเบียนสภาทนายความจดแจ้งไว้ในทะเบียนทนายความ  ตามพระราชบัญญัติทนายความ พ.ศ. 2528

                                  หมวด 1
                                วิธีการประชุม

     ข้อ 4  คณะกรรมการต้องมีหนังสือเรียกประชุมส่งทางไปรษณีย์ไปยังสมาชิกทุกคน ณ ภูมิลำเนาหรือสำนักงานก่อนวันนัดประชุมไม่น้อยกว่า 15 วัน

     หนังสือเรียกประชุมนั้น  ให้ระบุสถานที่  วัน  เวลา  และระเบียบวาระ  กับให้ส่งเอกสารที่เกี่ยวข้องไปด้วย

     ข้อ 5  ให้สมาชิกที่มาประชุมแสดงบัตรประจำตัวสมาชิกสภาทนายความ  บัตรประจำตัวประชาชนหรือบัตรอื่นใดที่มีรูปถ่ายของบุคคลผู้นั้นติดอยู่ด้วย       ต่อคณะกรรมการหรือเจ้าหน้าที่ผู้ได้รับมอบหมายและให้ลงชื่อก่อนเข้าประชุมทุกครั้ง

           เมื่อมีสัญญาณให้เข้าประชุม  ให้สมาชิกเข้านั่งในที่ที่กำหนดไว้

           เมื่อมีสมาชิกเข้าประชุมครบองค์ประชุมแล้ว  ให้ประธานดำเนินการประชุมได้

     ข้อ 6  เมื่อพ้นกำหนดประชุมครึ่งชั่วโมง  สมาชิกยังไม่ครบองค์ประชุม ให้คณะกรรมการเลื่อนการประชุมไป  และให้คณะกรรมการเรียกประชุมอีกครั้งหนึ่งภายในกำหนด 60 วัน

     ข้อ 7  ให้ประธานในที่ประชุมเลือกเลขานุการหนึ่งคนเป็นผู้จดรายงานการประชุม

     ข้อ   8   ให้ที่ประชุมพิจารณาเฉพาะเรื่องที่มีอยู่ในระเบียบวาระการประชุม   และต้องดำเนินการตามลำดับระเบียบวาระการประชุมที่จัดไว้เว้นแต่ที่ประชุมจะลงมติเป็นอย่างอื่น

     การพิจารณาญัตติที่มีสมาชิกเสนอในที่ประชุมใหญ่  ให้กระทำได้ภายหลังจากที่ประชุมพิจารณาเรื่องที่มีอยู่ในระเบียบวาระการประชุมเสร็จแล้ว

     ข้อ 9  สมาชิกผู้ใดประสงค์จะกล่าวถ้อยคำต่อที่ประชุม  ให้ยกมือขึ้นพ้นศรีษะ  เมื่อประธานอนุญาตแล้วจึงยืนขึ้นกล่าวได้  และต้องเป็นคำกล่าวกับประธานเท่านั้น

     ข้อ 10  ถ้าคณะกรรมการขอแถลงหรือชี้แจงเรื่องใดต่อที่ประชุมให้ประธานพิจารณาอนุญาต

     ข้อ 11  ประธานมีอำนาจปรึกษาที่ประชุมในปัญหาใด ๆ สั่งพักการประชุม  เลื่อนการประชุม หรือเลิกการประชุม  ได้ตามที่เห็นสมควร

     ข้อ 12  ให้คณะกรรมการจัดทำบันทึกรายการการประชุมและเก็บรักษาไว้เป็นหลักฐาน

                                  หมวด 2
                                การเสนอญัตติ

     ข้อ 13  ญัตติที่มีสมาชิกเสนอให้มีการพิจารณาในเรื่องใด ๆ ในที่ประชุมใหญ่นั้น  จะต้องมีสมาชิกอื่นรับรองอย่างน้อย 10 คน

     ข้อ 14  เมื่อที่ประชุมกำลังปรึกษาหรือพิจารณาญัตติใดอยู่  ห้ามมิให้เสนอญัตติอื่นนอกจากญัตติต่อไปนี้
            (1)  ขอให้ลงมติ
            (2)  ขอให้ปิดการอภิปราย
            (3)  ขอให้ยกเรื่องอื่นขึ้นปรึกษาหรือพิจารณา

     ข้อ 15  ในกรณีที่ที่ประชุมลงมติให้ยกเรื่องอื่นขึ้นปรึกษาหรือพิจารณาให้ญัตติเดิมเป็นอันตกไป

     ข้อ 16  ญัตติในเรื่องใดเมื่อมีการออกเสียงลงคะแนนในที่ประชุมแล้ว หรือตกไปแล้ว  สมาชิกจะเสนอญัตติซึ่งมีหลักการเช่นเดียวกันนั้นซ้ำอีกไม่ได้

                                  หมวด 3
                                 การอภิปราย

     ข้อ 17  การอภิปรายต้องอยู่ในประเด็นหรือเกี่ยวกับประเด็นที่กำลังปรึกษากันอยู่   ต้องไม่ฟุ่มเฟือย  วนเวียน  ซ้ำซากหรือซ้ำกับผู้อื่นและห้ามมิให้นำเอกสารใด ๆ มาอ่านให้ที่ประชุมฟังโดยไม่จำเป็น

            ห้ามผู้อภิปรายแสดงกริยาหรือใช้วาจาอันไม่สุภาพ   ใส่ร้ายหรือเสียดสีบุคคลใด   และห้ามกล่าวถึงพระมหากษัตริย์  หรือออกชื่อสมาชิกหรือบุคคลใดโดยไม่จำเป็น

     ข้อ 18  ถ้าประธานเห็นว่าผู้ใดได้อภิปรายพอสมควรแล้ว  ประธานจะให้ผู้นั้นหยุดอภิปรายก็ได้

     ข้อ 19  การอภิปรายเป็นอันยุติ  เมื่อ
            (1)  ไม่มีผู้ใดอภิปราย
            (2)  ที่ประชุมลงมติให้ปิดอภิปราย
            (3)  ที่ประชุมลงมติให้ยกเรื่องอื่นขึ้นปรึกษา

     ข้อ 20  ในกรณีที่ประธานพิจารณาเห็นว่าได้อภิปรายกันพอสมควรแล้ว  จะขอให้ที่ประชุมวินิจฉัยว่าจะปิดอภิปรายหรือไม่ก็ได้

     ข้อ 21  เมื่อการอภิปรายได้ยุติแล้ว  ห้ามมิให้ผู้ใดอภิปรายอีกเว้นแต่ที่ประชุมจะต้องลงมติในเรื่องนั้น  จึงให้สมาชิกผู้เสนอญัตติมีสิทธิอภิปรายสรุปความที่ได้อภิปรายกันมาแล้วได้ก่อนที่ประชุมจะลงมติ

     ข้อ 22  ประธานอาจอนุญาตให้คณะกรรมการมอบหมายให้บุคคลใด ๆ ชี้แจงข้อเท็จจริงต่อที่ประชุมประกอบการอภิปรายของคณะกรรมการก็ได้

                                  หมวด 4
                                  การลงมติ

     ข้อ 23  ในกรณีที่จะต้องมีมติ  ให้ประธานขอให้ที่ประชุมลงมติ

     ข้อ 24  การออกเสียงลงคะแนน  ประธานจะสั่งให้ออกเสียงลงคะแนนโดยวิธีใดก็ได้

                      ประกาศ ณ วันที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2530
                               คำนวณ ชโลปถัมภ์
                              นายกสภาทนายความ




ข้อบังคับสภาทนายความ

การพิจารณาเสนอขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์
พนักงานสภาทนายความ พ.ศ. 2530
การฝึกอบรมวิชาว่าความพ.ศ. 2529
การฝึกหัดงานในสำนักงานทนายความ พ.ศ.2535
การฝึกหัดงานในสำนักงานทนายความ
สำนักงานสิทธิมนุษยชนสภาทนายความ
การแบ่งส่วนงานของสภาทนายความ
การประชุมคณะกรรมการมรรยาททนายความ
การฌาปนกิจสงเคราะห์สภาทนายความ
การเงินและทรัพย์สินของสภาทนายความ พ.ศ. 2547
การเก็บรักษาและการเบิกจ่ายเงินกองทุน
การช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย