
การประชุมใหญ่ของสภาทนายความ ข้อบังคับสภาทนายความ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 27 (3) มาตรา 50 และด้วยความเห็นชอบของสภานายกพิเศษแห่งสภาทนายความ ตามมาตรา 28 แห่งพระราชบัญญัติทนายความ พ.ศ. 2528 คณะกรรมการสภาทนายความออกข้อบังคับว่าด้วยการประชุมใหญ่ของสภาทนายความไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ข้อบังคับนี้เรียกว่า `ข้อบังคับสภาทนายความว่าด้วยการประชุมใหญ่ของสภาทนายความพ.ศ. 2530' ข้อ 2 ข้อบังคับนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ 3 ในข้อบังคับนี้ `การประชุมใหญ่' หมายความว่า การประชุมใหญ่ของสภาทนายความ ซึ่งได้แก่การประชุมใหญ่สามัญประจำปี และการประชุมใหญ่วิสามัญ `คณะกรรมการ' หมายความว่า คณะกรรมการสภาทนายความ `สมาชิก' หมายความว่า สมาชิกสภาทนายความ `สำนักงาน' หมายความว่า สำนักงานตามที่สมาชิกระบุให้นายทะเบียนสภาทนายความจดแจ้งไว้ในทะเบียนทนายความ ตามพระราชบัญญัติทนายความ พ.ศ. 2528 หมวด 1 ข้อ 4 คณะกรรมการต้องมีหนังสือเรียกประชุมส่งทางไปรษณีย์ไปยังสมาชิกทุกคน ณ ภูมิลำเนาหรือสำนักงานก่อนวันนัดประชุมไม่น้อยกว่า 15 วัน หนังสือเรียกประชุมนั้น ให้ระบุสถานที่ วัน เวลา และระเบียบวาระ กับให้ส่งเอกสารที่เกี่ยวข้องไปด้วย ข้อ 5 ให้สมาชิกที่มาประชุมแสดงบัตรประจำตัวสมาชิกสภาทนายความ บัตรประจำตัวประชาชนหรือบัตรอื่นใดที่มีรูปถ่ายของบุคคลผู้นั้นติดอยู่ด้วย ต่อคณะกรรมการหรือเจ้าหน้าที่ผู้ได้รับมอบหมายและให้ลงชื่อก่อนเข้าประชุมทุกครั้ง เมื่อมีสัญญาณให้เข้าประชุม ให้สมาชิกเข้านั่งในที่ที่กำหนดไว้ เมื่อมีสมาชิกเข้าประชุมครบองค์ประชุมแล้ว ให้ประธานดำเนินการประชุมได้ ข้อ 6 เมื่อพ้นกำหนดประชุมครึ่งชั่วโมง สมาชิกยังไม่ครบองค์ประชุม ให้คณะกรรมการเลื่อนการประชุมไป และให้คณะกรรมการเรียกประชุมอีกครั้งหนึ่งภายในกำหนด 60 วัน ข้อ 7 ให้ประธานในที่ประชุมเลือกเลขานุการหนึ่งคนเป็นผู้จดรายงานการประชุม ข้อ 8 ให้ที่ประชุมพิจารณาเฉพาะเรื่องที่มีอยู่ในระเบียบวาระการประชุม และต้องดำเนินการตามลำดับระเบียบวาระการประชุมที่จัดไว้เว้นแต่ที่ประชุมจะลงมติเป็นอย่างอื่น การพิจารณาญัตติที่มีสมาชิกเสนอในที่ประชุมใหญ่ ให้กระทำได้ภายหลังจากที่ประชุมพิจารณาเรื่องที่มีอยู่ในระเบียบวาระการประชุมเสร็จแล้ว ข้อ 9 สมาชิกผู้ใดประสงค์จะกล่าวถ้อยคำต่อที่ประชุม ให้ยกมือขึ้นพ้นศรีษะ เมื่อประธานอนุญาตแล้วจึงยืนขึ้นกล่าวได้ และต้องเป็นคำกล่าวกับประธานเท่านั้น ข้อ 10 ถ้าคณะกรรมการขอแถลงหรือชี้แจงเรื่องใดต่อที่ประชุมให้ประธานพิจารณาอนุญาต ข้อ 11 ประธานมีอำนาจปรึกษาที่ประชุมในปัญหาใด ๆ สั่งพักการประชุม เลื่อนการประชุม หรือเลิกการประชุม ได้ตามที่เห็นสมควร ข้อ 12 ให้คณะกรรมการจัดทำบันทึกรายการการประชุมและเก็บรักษาไว้เป็นหลักฐาน หมวด 2 ข้อ 13 ญัตติที่มีสมาชิกเสนอให้มีการพิจารณาในเรื่องใด ๆ ในที่ประชุมใหญ่นั้น จะต้องมีสมาชิกอื่นรับรองอย่างน้อย 10 คน ข้อ 14 เมื่อที่ประชุมกำลังปรึกษาหรือพิจารณาญัตติใดอยู่ ห้ามมิให้เสนอญัตติอื่นนอกจากญัตติต่อไปนี้ ข้อ 15 ในกรณีที่ที่ประชุมลงมติให้ยกเรื่องอื่นขึ้นปรึกษาหรือพิจารณาให้ญัตติเดิมเป็นอันตกไป ข้อ 16 ญัตติในเรื่องใดเมื่อมีการออกเสียงลงคะแนนในที่ประชุมแล้ว หรือตกไปแล้ว สมาชิกจะเสนอญัตติซึ่งมีหลักการเช่นเดียวกันนั้นซ้ำอีกไม่ได้ หมวด 3 ข้อ 17 การอภิปรายต้องอยู่ในประเด็นหรือเกี่ยวกับประเด็นที่กำลังปรึกษากันอยู่ ต้องไม่ฟุ่มเฟือย วนเวียน ซ้ำซากหรือซ้ำกับผู้อื่นและห้ามมิให้นำเอกสารใด ๆ มาอ่านให้ที่ประชุมฟังโดยไม่จำเป็น ห้ามผู้อภิปรายแสดงกริยาหรือใช้วาจาอันไม่สุภาพ ใส่ร้ายหรือเสียดสีบุคคลใด และห้ามกล่าวถึงพระมหากษัตริย์ หรือออกชื่อสมาชิกหรือบุคคลใดโดยไม่จำเป็น ข้อ 18 ถ้าประธานเห็นว่าผู้ใดได้อภิปรายพอสมควรแล้ว ประธานจะให้ผู้นั้นหยุดอภิปรายก็ได้ ข้อ 19 การอภิปรายเป็นอันยุติ เมื่อ ข้อ 20 ในกรณีที่ประธานพิจารณาเห็นว่าได้อภิปรายกันพอสมควรแล้ว จะขอให้ที่ประชุมวินิจฉัยว่าจะปิดอภิปรายหรือไม่ก็ได้ ข้อ 21 เมื่อการอภิปรายได้ยุติแล้ว ห้ามมิให้ผู้ใดอภิปรายอีกเว้นแต่ที่ประชุมจะต้องลงมติในเรื่องนั้น จึงให้สมาชิกผู้เสนอญัตติมีสิทธิอภิปรายสรุปความที่ได้อภิปรายกันมาแล้วได้ก่อนที่ประชุมจะลงมติ ข้อ 22 ประธานอาจอนุญาตให้คณะกรรมการมอบหมายให้บุคคลใด ๆ ชี้แจงข้อเท็จจริงต่อที่ประชุมประกอบการอภิปรายของคณะกรรมการก็ได้ หมวด 4 ข้อ 23 ในกรณีที่จะต้องมีมติ ให้ประธานขอให้ที่ประชุมลงมติ ข้อ 24 การออกเสียงลงคะแนน ประธานจะสั่งให้ออกเสียงลงคะแนนโดยวิธีใดก็ได้ ประกาศ ณ วันที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2530 |