

การฝึกอบรมวิชาว่าความพ.ศ. 2529 ข้อบังคับสภาทนายความว่าด้วยการฝึกอบรมวิชาว่าความพ.ศ. 2529 อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 27 (3) และมาตรา 38 และด้วยความเห็นชอบของสภานายกพิเศษแห่งสภาทนายความ ตามมาตรา 28 แห่งพระราชบัญญัติทนายความ พ.ศ. 2528 คณะกรรมการสภาทนายความออกข้อบังคับว่าด้วยการฝึกอบรมวิชาว่าความไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ข้อบังคับนี้เรียกว่า `ข้อบังคับสภาทนายความว่าด้วยการฝึกอบรมวิชาว่าความ พ.ศ. 2529' ข้อ 2 ข้อบังคับนี้ให้ใช้ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ 3 ในข้อบังคับนี้ `สำนักฝึกอบรม' หมายถึง สำนักฝึกอบรมวิชาว่าความแห่งสภาทนายความ `คณะกรรมการ' หมายถึง คณะกรรมการอำนวยการสำนักฝึกอบรมวิชาว่าความแห่งสภาทนายความ ซึ่งคณะกรรมการสภาทนายความได้แต่งตั้งให้เป็นผู้ควบคุมและบริหารกิจการตามข้อบังคับนี้ `ผู้อำนวยการ' หมายถึง ผู้อำนวยการสำนักฝึกอบรมวิชาว่าความแห่งสภาทนายความ ซึ่งคณะกรรมการสภาทนายความแต่งตั้ง หมวด 1 สำนักฝึกอบรมวิชาว่าความแห่งสภาทนายความ ข้อ 4 ให้สภาทนายความจัดตั้งสำนักฝึกอบรมวิชาว่าความ เรียกว่า `สำนักฝึกอบรมวิชาว่าความแห่งสภาทนายความ' เพื่อฝึกอบรมหลักปฏิบัติเบื้องต้นในการว่าความ ฝึกอบรมมารยาททนายความ และการประกอบวิชาชีพทางกฎหมาย ข้อ 5 ผู้เข้ารับการฝึกอบรมวิชาว่าความ ต้องมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้ (1) มีสัญชาติไทย ผู้เข้ารับการฝึกอบรมวิชาว่าความซึ่งได้ผ่านการฝึกอบรมที่จัดโดยสำนักฝึกอบรมตามหลักสูตรและวิธีการที่กำหนดไว้ในข้อบังคับนี้เท่านั้นมีสิทธิขอจดทะเบียนเป็นทนายความ เว้นแต่ ผู้ที่ได้เคยปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับการพิจารณาคดีในศาลมาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ปี อาจขอให้คณะกรรมการพิจารณาสั่งยกเว้นให้จดทะเบียนและรับใบอนุญาตเป็นทนายความได้โดยไม่ต้องเข้ารับการฝึกอบรมตามข้อบังคับนี้ ข้อ 6 ให้ผู้อำนวยการเป็นผู้บริหารกิจการของสำนักฝึกอบรมตามนโยบายหรือมติของคณะกรรมการ ข้อ 7 ให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่งซึ่งแต่งตั้งโดยคณะกรรมการสภาทนายความ เรียกว่า `คณะกรรมการอำนวยการสำนักฝึกอบรมแห่งสภาทนายความ' ประกอบด้วย ผู้อำนวยการซึ่งทำหน้าที่เป็นประธานกรรมการ และกรรมการอื่นซึ่งคณะกรรมการสภาทนายความแต่งตั้งรวมไม่เกิน 15 คน ทั้งนี้ ให้นายก อุปนายก เลขาธิการสภาทนายความเป็นที่ปรึกษาโดยตำแหน่ง ข้อ 8 ให้คณะกรรมการดำรงตำแหน่งเท่ากับวาระของคณะกรรมการสภาทนายความซึ่งเป็นผู้แต่งตั้งให้เข้ารับตำแหน่ง คณะกรรมการสภาทนายความอาจมีมติให้กรรมการคนใดคนหนึ่ง หรือทั้งคณะ พ้นจากตำแหน่งก่อนครบวาระก็ได้ และจะแต่งตั้งบุคคลใดบุคคลหนึ่งเป็นกรรมการแทนกรรมการที่ตาย ลาออกหรือต้องพ้นตำแหน่งก่อนวาระก็ได้ คณะกรรมการหรือกรรมการที่ได้รับแต่งตั้งแทนนี้ให้อยู่ในตำแหน่งได้เท่าวาระของกรรมการที่ตนแทน ข้อ 9 ในกรณีที่คณะกรรมการพ้นจากตำแหน่งทั้งคณะ ไม่ว่าจะเป็นการพ้นจากตำแหน่งตามวาระหรือก่อนครบกำหนดวาระก็ตาม ให้ผู้อำนวยการยังคงรักษาการในตำแหน่งเช่นนั้นต่อไปจนกว่าจะมีคณะกรรมการชุดใหม่เข้ามารับหน้าที่ ข้อ 10 ให้คณะกรรมการมีอำนาจหน้าที่ ดังต่อไปนี้ ข้อ 11 ให้ผู้อำนวยการเป็นผู้กำหนดนัดและเรียกประชุมคณะกรรมการได้ตามความจำเป็นและเหมาะสม ในการประชุมคณะกรรมการจะต้องมีกรรมการเข้าร่วมประชุมอย่างน้อยกึ่งหนึ่งจึงจะเป็นองค์ประชุมให้ผู้อำนวยการหรือกรรมการที่ผู้อำนวยการมอบหมายทำหน้าที่เป็นประธานที่ประชุม มติของที่ประชุมคณะกรรมการให้ถือเสียงข้างมาก ในกรณีที่คะแนนเสียงเท่ากัน ให้ประธานที่ประชุมมีสิทธิออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกเสียงหนึ่งเป็นเสียงชี้ขาด หมวด 2 ข้อ 13 หลักสูตรการฝึกอบรมวิชาว่าความ แบ่งเป็น 2 ภาค ดังนี้ (2) ภาคปฏิบัติ ให้ฝึกอบรมภาคปฏิบัติเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 6 เดือน การฝึกอบรมภาคปฏิบัติอาจกระทำได้โดยให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมฝึกหัดงานที่สำนักฝึกอบรมหรือที่สำนักงานทนายความก็ได้ แต่ระยะเวลาฝึกหัดงานแห่งใดแห่งหนึ่งหรือทั้งสองแห่งรวมกันต้องไม่น้อยกว่าระยะที่กำหนดในวรรคแรก หมวด 3 ข้อ 14 คณะกรรมการมีสิทธิที่จะคัดชื่อผู้เข้ารับการฝึกอบรมออกจากทะเบียน หรือสั่งพักการฝึกอบรมได้ ตามระยะเวลาที่เห็นสมควรหากปรากฏว่าผู้เข้ารับการฝึกอบรมขาดคุณสมบัติหรือประพฤติตนไปในทางที่อาจจะทำให้เกิดความเสื่อมเสียหรือความเสียหายแก่สำนักฝึกอบรมหรือแก่สภาทนายความ ข้อ 15 ให้ผู้อำนวยการโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการประกาศกำหนดเวลาทำการของสำนักฝึกอบรม กำหนดเวลาฝึกอบรม กำหนดการสอบและการวัดผล กำหนดการสัมมนาหรือการประชุม ตลอดจนวันหยุดทำการแต่ละปี เป็นการล่วงหน้า หมวด 4 ข้อ 16 ให้ผู้ที่ผ่านการอบรมวิชาว่าความของสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย รุ่น 11 และรุ่น12 ประจำปี 2527 และปี 2528 ตามลำดับ และได้รับวุฒิบัตรแล้ว เป็นผู้ผ่านการฝึกอบรมวิชาว่าความตามข้อบังคับนี้ ประกาศ ณ วันที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2529 คำนวณ ชโลปถัมภ์
|