
สำนักงานสิทธิมนุษยชนสภาทนายความ ข้อบังคับสภาทนายความ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 27 และ มาตรา 15 และด้วยความเห็นชอบของสภานายกพิเศษแห่งสภาทนายความ ตามมาตรา 28 แห่งพระราชบัญญัติทนายความ พ.ศ. 2528 คณะกรรมการสภาทนายความออกข้อบังคับสภาทนายความว่าด้วยการดำเนินงานของสำนักงานสิทธิมนุษยชนสภาทนายความ พ.ศ. 2543 ไว้ดังต่อไปนี้ หมวด 1 ข้อ 1 ข้อบังคับนี้ เรียกว่า "ข้อบังคับว่าด้วยการดำเนินการของสำนักงานสิทธิมนุษยชนสภาทนายความ พ.ศ. 2543" ข้อ 2 ข้อบังคับนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ 3 ข้อบังคับ กฎหรือระเบียบใดที่ขัดหรือแย้งกับข้อบังคับฉบับนี้ ให้ใช้ข้อบังคับฉบับนี้แทน ข้อ 4 ในข้อบังคับนี้ นายก หมายความว่า นายกสภาทนายความ อุปนายก หมายความว่า อุปนายกฝ่ายนโยบายและแผนงานสภาทนายความ เหรัญญิก หมายความว่า เหรัญญิกสภาทนายความ กรรมการ หมายความว่า กรรมการสิทธิมนุษยชน คณะกรรมการ หมายความว่า คณะกรรมการสิทธิมนุษยชน ทนายความอาสา หมายความว่า ทนายความอาสาให้คำปรึกษาผู้ต้องหาและเข้าฟังการสอบปากคำในคดีอาญา กรรมการบริหารภาค หมายความว่า กรรมการบริหารสภาทนายความประจำภาค ประธานทนายความจังหวัด หมายความว่า ประธานทนายความประจำจังหวัด สำนักงานสิทธิมนุษยชน หมายความว่า สำนักงานสิทธิมนุษยชน สภาทนายความ การให้คำปรึกษา หมายความว่า การให้คำปรึกษาผู้ต้องหาและเข้าร่วมฟังการสอบปากคำในคดีอาญา โครงการ หมายความว่า โครงการทนายความอาสาให้คำปรึกษาผู้ต้องหาและเข้าฟังการสอบปากคำในคดีอาญา หมวด 2
ข้อ 6 ให้สำนักงานสิทธิมนุษยชนมีหน้าที่จัดทำโครงการต่าง ๆ ในข้อ 5 รวมทั้งจัดทำงบประมาณ, รายงานการเงิน, รายงานกิจกรรม และติดต่อประสานงานกับบุคคลและหน่วยงานต่าง ๆ ของสภาทนายความและหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชน มีอำนาจแต่งตั้ง คณะอนุกรรมการ หรือคณะทำงาน เพื่อทำกิจการ หรือพิจารณาเรื่องต่างๆ อันอยู่ในขอบเขตวัตถุประสงค์ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน หมวด 3 การเบิกจ่ายค่าตอบแทนของทนายความอาสากรุงเทพมหานคร ข้อ 7 การเบิกจ่ายค่าเบี้ยเลี้ยง 7.1 ในกรณีที่ทนายความอาสาเข้าเวรและได้ให้คำปรึกษาผู้ต้องหาและเข้าฟังการสอบปากคำในคดีอาญา ในส่วนกรุงเทพมหานคร ให้เบิกจ่ายค่าเบี้ยเลี้ยงและค่าพาหนะเป็นการเหมาจ่ายสำหรับการปฏิบัติหน้าที่ในแต่ละกะ หรือช่วงเวลา ดังนี้ ข้อ 8 วิธีการเบิกจ่ายเงิน หมวด 4 การเบิกจ่ายค่าตอบแทนของทนายความอาสาส่วนภูมิภาค ข้อ 9 การเบิกจ่ายค่าเบี้ยเลี้ยง ค่าพาหนะ และค่าที่พัก ในกรณีที่ทนายความอาสาเข้าเวรและได้ให้คำปรึกษาผู้ต้องหาและเข้าฟังการสอบปากคำในคดีอาญา ในส่วนภูมิภาคให้เบิกจ่ายค่าเบี้ยเลี้ยงดังนี้ 9.2 ในกรณีที่ทนายความอาสาต่อรายบุคคลเข้าเวร แต่ไม่มีการให้คำปรึกษา ให้เบิกจ่ายค่าเบี้ยเลี้ยงเป็นการเหมาจ่าย กะละ หรือช่วงเวลาละ 200 บาท 9.3 ค่าพาหนะ 9.4 ค่าที่พัก เฉพาะทนายความอาสาที่มีเหตุจำเป็นต้องเดินทางไปให้คำปรึกษาต่างอำเภอจากสำนักงานทนายความของตนที่ได้จดแจ้งต่อสภาทนายความ และมีความจำเป็นต้องหาที่พักเนื่องจากระยะทางประกอบกับจะต้องปฏิบัติงานระหว่างเวลา 18.00 นาฬิกา จนถึงเวลา 06.00 นาฬิกา ให้ทนายความอาสาเบิกค่าที่พักได้ตามหลักฐานที่จ่ายจริงและตามสมควรแก่เหตุ ข้อ 10 วิธีการเบิกจ่าย 10.3 ให้ทนายความอาสาเปิดบัญชีเงินฝากสะสมทรัพย์ที่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขาต่าง ๆ พร้อมแจ้งให้สำนักงานสิทธิมนุษยชนทราบเมื่ออุปนายก หรือ เหรัญญิกอนุมัติแล้วให้สำนักงานสิทธิมนุษยชน โอนเงินค่าเบี้ยเลี้ยง ค่าพาหนะ และค่าที่พัก ให้ทนายความอาสาตามบัญชีธนาคารที่แจ้งไว้ พร้อมทั้งแจ้งให้กรรมการบริหารภาคและประธานทนายความจังหวัดทราบ ข้อ 11 ค่าใช้จ่ายในการบริหารโครงการ 11.1 เมื่อประธานทนายความจังหวัดร้องขอ คณะกรรมการอาจพิจารณาจัดสรรเงินให้แก่ประธานทนายความจังหวัดต่างๆ เพื่อใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารโครงการได้ตามความจำเป็นและสมควรโดยจังหวัดหนึ่งๆ จะไม่เกิน 10,000 บาทต่อเดือน ประธานทนายความจังหวัดจะต้องจัดทำงบประมาณเสนอต่อคณะกรรมการเพื่อพิจารณา และเสนอให้อุปนายกหรือผู้ที่นายกมอบหมายให้อนุมัติต่อไป 11.2 คณะกรรมการ ฯ มีอำนาจที่จะเสนอให้อุปนายกหรือผู้ที่นายกมอบหมาย ปรับเพิ่มหรือลดงบประมาณค่าใช้จ่ายในการบริหารโครงการซึ่งได้อนุมัติไปแล้ว เมื่อได้คำนึงถึงความจำเป็น ความเหมาะสมด้านปริมาณงานและประสิทธิภาพในการดำเนินงานของประธานทนายความจังหวัดแต่ละจังหวัด หมวด 5 ข้อ 12 เพื่อความสะดวกรวดเร็วและประสิทธิภาพในการบริหารโครงการให้สำนักงานสิทธิมนุษยชน โดยความเห็นชอบของอุปนายกหรือผู้ที่นายกมอบหมายมีอำนาจเป็นการเฉพาะรายดังต่อไปนี้ ประกาศ ณ วันที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2543
ดังนั้น เพื่อเป็นการส่งเสริมประสิทธิภาพการปฏิบัติหน้าที่ของทนายความอาสาสมัครในการให้คำปรึกษาผู้ต้องหาและเข้าฟังการสอบปากคำในคดีอาญา อันเป็นการรองรับสิทธิมนุษยชนของประชาชนตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ จึงเห็นสมควรให้มีการออกข้อบังคับว่าด้วยการดำเนินการของสำนักงานสิทธิมนุษยชน สภาทนายความไว้ เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติในการเบิกจ่ายค่าตอบแทนของทนายความอาสาให้สอดคล้องกันทั่วประเทศและเป็นไปตามแนวทางการบริหารงบประมาณของรัฐบาลที่ให้การสนับสนุนหน่วยงานของสภาทนายความ จึงจำเป็นต้องออกข้อบังคับฉบับนี้
|