

ฟ้องให้รื้อถอนร้านค้าบนทางภาระจำยอม ฟ้องให้รื้อถอนร้านค้าบนทางภาระจำยอม สภาพของที่ดินภาระจำยอมใช้เป็นเพียงทางเดินเท่านั้น รถยนต์ไม่สามารถเข้าออกได้เพราะมีขั้นบันไดลงไปสู่ถนนสาธารณะ การที่เจ้าของที่ดินสร้างแผงร้านค้าโดยเว้นทางเท้าไว้ถึง 2.50 เมตร จึงไม่ทำให้ประโยชน์แห่งภาระจำยอมลดไปหรือเสื่อมความสะดวกหรือไม่? ศาลเห็นว่าทางพิพาทซึ่งเป็นที่ดินที่ตกอยู่ในภาระจำยอมแก่ที่ดินของผู้อื่นนั้นเป็นทางที่ใช้สัญจรอยู่ในโครงการหมู่บ้านและที่ดินจัดสรร ดังนั้น ไม่ว่ารถยนต์จะสามารถเข้าออกทางได้หรือไม่ก็ตาม ก็ห้ามมิให้เจ้าของภารยทรัพย์ประกอบกรรมใดๆ อันจะเป็นเหตุให้ประโยชน์แห่งภาระจำยอมลดไป หรือเสื่อมความสะดวกการสร้างแผงร้านค้าย่อมเป็นการกีดขวางการใช้ประโยชน์ในทางภาระจำยอมแล้ว คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6226/2552 จำเลยทั้งสองให้การ ขอให้ยกฟ้อง จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ จำเลยทั้งสองฎีกา คดีมีประเด็นที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยทั้งสองว่า จำเลยทั้งสองมีสิทธิที่จะสร้างแผงร้านค้าในที่ดินอันเป็นทางภาระจำยอมหรือไม่ โดยจำเลยทั้งสองฎีกาว่าสภาพของที่ดินภาระจำยอมใช้เป็นเพียงทางเดินเท่านั้น รถยนต์ไม่สามารถเข้าออกได้เพราะมีขั้นบันไดลงไปสู่ถนนสาธารณะ การที่จำเลยทั้งสองสร้างแผงร้านค้าโดยเว้นทางเท้าไว้ถึง 2.50 เมตร จึงไม่เป็นการทำให้ประโยชน์แห่งภาระจำยอมลดไปหรือเสื่อมความสะดวกแต่อย่างใดนั้น เห็นว่า ทางพิพาทซึ่งเป็นที่ดินที่ตกอยู่ในภาระจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์นั้นเป็นทางที่ใช้สัญจรอยู่ในโครงการหมู่บ้านและที่ดินจัดสรรของจำเลยทั้งสอง ดังนั้น ไม่ว่าทางพิพาทดังกล่าว รถยนต์จะสามารถใช้เป็นทางเข้าออกได้หรือไม่ก็ตาม บทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1390 ห้ามมิให้เจ้าของภารยทรัพย์ประกอบกรรมใดๆ อันจะเป็นเหตุให้ประโยชน์แห่งภาระจำยอมลดไป หรือเสื่อมความสะดวก การที่จำเลยทั้งสองทำการปลูกสร้างหรือก่อสร้างแผงร้านค้าลงในที่ดินย่อมเป็นการกีดขวางการใช้ประโยชน์ในทางภาระจำยอมดังกล่าวอันจะเป็นเหตุทำให้กระทบกระเทือนถึงสิทธิของโจทก์และผู้ซื้อที่ดินและบ้านจัดสรรซึ่งเป็นเจ้าของสามยทรัพย์ในโครงการของจำเลยทั้งสองการกระทำของจำเลยทั้งสองดังกล่าวจึงถือได้ว่าเป็นเหตุให้ประโยชน์แห่งภาระจำยอมลดไปหรือเสื่อมความสะดวก ฎีกาของจำเลยทั้งสองในข้อนี้ฟังไม่ขึ้น ส่วนที่จำเลยทั้งสองฎีกาประการต่อมาว่า เมื่อรถยนต์ไม่สามารถผ่านทางพิพาทเข้าออกสู่ถนนสาธารณะได้แล้วสภาพภาระจำยอมจึงใช้เป็นเพียงทางเดินเท้าเท่านั้น เป็นเรื่องที่ภาระจำยอมบางส่วนไม่มีความจำเป็นซึ่งย่อมต้องหมดสภาพไปเพื่อประโยชน์แก่เจ้าของภารยทรัพย์นั้น เห็นว่า ทางพิพาทตามที่ระบายสีแดงในสำเนาโฉนดที่ดิน และจุดหมายเลข 1 ตามแผนผังที่ดินจัดสรร เป็นทางในโครงการที่ดินและหมู่บ้านจัดสรรของจำเลยทั้งสองที่เชื่อมต่อกับทางหลวงจังหวัดสายสุสานหอยเจ็ดสิบห้าล้านปี - บ้านอ่าวนาง - หาดนพรัตน์ธารา อันเป็นถนนสาธารณะสายหลักสายหนึ่งของจังหวัดกระบี่ จึงไม่น่าเชื่อว่าโจทก์และผู้ซื้อโครงการที่ดินและบ้านจัดสรรของจำเลยทั้งสองจะใช้ทางพิพาทเพียงเพื่อเป็นทางเท้าเดินเข้าออกสู่ถนนสาธารณะเท่านั้น ข้อกล่าวอ้างตามฎีกาของจำเลยทั้งสองที่ว่าทางภาระจำยอมพิพาทบางส่วนหมดสภาพไปจึงขัดต่อเหตุผล ไม่มีน้ำหนักให้รับฟัง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษาให้จำเลยทั้งสองรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่กีดขวางออกไปจากทางภาระจำยอมพิพาทนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยทั้งสองล้วนฟังไม่ขึ้น” |