รางวัลที่ 1 สลากกินแบ่งรัฐบาล สินสมรสหรือสินส่วนตัว รางวัลที่ 1 สลากกินแบ่งรัฐบาล สินสมรสหรือสินส่วนตัว สามีซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลเมื่อต้นเดือนกันยายน และได้จดทะเบียนสมรสกันเมื่อปลายเดือนกันยายน ถูกรางวัลที่ 1 ในวันที่ 1 ตุลาคม มีคำถามว่า เงินที่ได้มาจากการถูกรางวัลที่ 1 สลากกินแบ่งรัฐบาลเป็นสินส่วนตัวของสามีหรือไม่ เพราะสามีอ้างว่าขณะซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลยังไม่ได้จดทะเบียนสมรสใช้เงินสินส่วนตัวซื้อ สามีภริยาต้องมามีเรื่องบาดหมางมีปากเสียงกันเพราะเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ จนสามีกับภริยาเก่าซึ่งจดทะเบียนหย่าไปก่อนที่จะได้จดทะเบียนกับภริยาใหม่ ต้องไปร้องต่อศาลขอให้ศาลมีคำสั่งให้การจดทะเบียนหย่าของตนเป็นโมฆะ และทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันเพื่อจะนำคำพิพากษาตามยอมมายันการจดทะเบียนสมรสกับภริยาใหม่ว่าเป็นการสมรสซ้อน แต่ก็ไม่ได้ผลเพราะการจดทะเบียนสมรสในครั้งหลังได้ทำในขณะที่การจดทะเบียนหย่าของภริยาเดิมมีผลตามกฎหมายไปแล้ว มาตรา 1474 สินสมรสได้แก่ทรัพย์สิน มาตรา 1485 สามีหรือภริยาอาจร้องขอต่อศาลให้ตนเป็นผู้จัดการสินสมรสโดยเฉพาะอย่างใดอย่างหนึ่งหรือเข้าร่วมจัดการในการนั้นได้ ถ้าการที่จะทำเช่นนั้นจะเป็นประโยชน์ยิ่งกว่า มาตรา 1496 คำพิพากษาของศาลเท่านั้นที่จะแสดงว่า การสมรสที่ฝ่าฝืนมาตรา 1449 มาตรา 1450 และมาตรา 1458 เป็นโมฆะ จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมและสลากกินแบ่งรัฐบาลรายพิพาท จำเลยก็เป็นผู้ซื้อมาแต่ลำพังผู้เดียวก่อนวันจดทะเบียนสมรสกับโจทก์โดยโจทก์ไม่มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวข้องด้วยสลากกินแบ่งรัฐบาลหรือเงินรางวัลจึงเป็นสินส่วนตัวของจำเลยที่มีอยู่ก่อนสมรส จำเลยย่อมมีสิทธิจัดการได้ ทั้งได้นำเงินรางวัลไปแจกจ่ายให้บิดามารดาผู้มีอุปการะคุณและทำบุญบ้าง ส่วนที่เหลือฝากไว้ในธนาคารในนามของจำเลย โดยโจทก์เองไม่เคยทักท้วงเรื่องนี้และการจดทะเบียนสมรสระหว่างโจทก์จำเลยก็เป็นโมฆะเพราะขณะนั้นจำเลยมีภรรยาโดยชอบด้วยกฎหมายอยู่ก่อนแล้ว จำเลยจดทะเบียนสมรสกับโจทก์เนื่องมาจากความสัมพันธ์ทางชู้สาว และโจทก์ได้ติดตามขู่เข็ญเรียกค่าเสียหายจากจำเลยจำนวน 500,000 บาทหรือให้จดทะเบียนสมรสกับโจทก์ มิฉะนั้นจะร้องเรียนต่อผู้บังคับบัญชา จำเลยเกรงกลัวจะเสื่อมเสียชื่อเสียงและไม่มีเงิน จึงได้ยอมจดทะเบียนสมรสให้โจทก์โดยตกลงว่า หากจำเลยมีเงินชดใช้ค่าเสียหายให้แล้ว โจทก์จะจดทะเบียนหย่าให้ ครั้นจำเลยถูกรางวัลที่หนึ่งสลากกินแบ่งรัฐบาลจึงได้จ่ายค่าเสียหายให้โจทก์จำนวน 500,000 บาท แต่โจทก์ผิดข้อตกลงไม่ยอมจดทะเบียนหย่าให้จำเลย และกลับเรียกร้องค่าเสียหายเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว จำเลยไม่ยินยอม โจทก์จึงนำคดีมาฟ้องศาลโดยไม่สุจริตขอให้ยกฟ้องและมีคำพิพากษาว่าการจดทะเบียนสมรสระหว่างโจทก์จำเลยเป็นโมฆะไม่มีผลตามกฎหมาย โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า ก่อนจดทะเบียนสมรสกับจำเลย จำเลยได้หย่าขาดกับภรรยาเก่าผู้มีชื่อไปแล้ว จึงได้ชอบพอรักใคร่กับโจทก์และยินยอมเป็นสามีของโจทก์โดยเปิดเผยปราศจากการข่มขู่ใด ๆทั้งสิ้น โจทก์ไม่เคยขอความช่วยเหลือและไม่เคยข่มขู่เรียกค่าเสียหายจากจำเลย ขอให้ยกฟ้องแย้งของจำเลย ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้องโจทก์ และยกฟ้องแย้งของจำเลย โจทก์และจำเลยฎีกา ปัญหาข้อที่สองที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยมีว่า การสมรสระหว่างโจทก์จำเลยมีผลสมบูรณ์ตามกฎหมายหรือไม่ เห็นว่าที่นางสุจินดามาฟ้องเพิกถอนการหย่าเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2532 และทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันให้เพิกถอนการจดทะเบียนหย่าซึ่งศาลจังหวัดนนทบุรีก็ให้เพิกถอนการหย่าไปแล้ว เป็นการทำภายหลังที่โจทก์จำเลยจดทะเบียนสมรสกันถูกต้องตามกฎหมายแล้วพฤติการณ์ของนางสุจินดากับจำเลยที่กระทำดังกล่าวไม่อาจฟังได้ว่าการสมรสระหว่างโจทก์กับจำเลยเป็นโมฆะ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 ที่ได้ตรวจชำระใหม่ พ.ศ. 2519มาตรา 1496 ประกอบด้วยมาตรา 1452 ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในขณะนั้น ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า การสมรสระหว่างโจทก์กับจำเลยมีผลสมบูรณ์ตามกฎหมายแล้ว ปัญหาข้อที่สามตามฎีกาของจำเลยมีว่า เงินรางวัลที่ 1 สลากกินแบ่งรัฐบาลเป็นสินสมรสหรือไม่ โจทก์รับว่าก่อนที่โจทก์จำเลยจะจดทะเบียนสมรสกันประมาณกลางเดือนกันยายน 2531 โจทก์จำเลยไปเที่ยวที่จังหวัดเชียงใหม่ จำเลยใช้เงินของจำเลยซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล 3 ชุด ๆ ละ 88 บาท ซึ่งจะออกรางวัลประจำงวดวันที่ 1 ตุลาคม 2531 ดังนั้นสลากกินแบ่งรัฐบาลทั้งสามชุด จึงเป็นสินส่วนตัวของจำเลยเพราะเป็นทรัพย์สินที่จำเลยมีอยู่ก่อนสมรส ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 ที่ได้ตรวจชำระใหม่ พ.ศ. 2519มาตรา 1471(1) ต่อมาเมื่อวันที่ 23 กันยายน 2531 โจทก์จำเลยจดทะเบียนสมรสเป็นสามีภรรยากันโดยชอบด้วยกฎหมาย ครั้นถึงวันที่ 1ตุลาคม 2531 สลากกินแบ่งรัฐบาลเลขที่ 1105967 ซึ่งจำเลยซื้อมาดังกล่าว ถูกรางวัลที่ 1 และจำเลยได้รับเงินรางวัลจำนวน 12 ล้านบาทมาระหว่างสมรส เงินรางวัลที่จำเลยได้รับมาจากการถูกสลากกินแบ่งรัฐบาลดังกล่าว ถือว่าเป็นทรัพย์สินที่ได้มาระหว่างสมรสย่อมเป็นสินสมรสตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 ที่ได้ตรวจชำระใหม่พ.ศ. 2519 มาตรา 1474(1) ปัญหาสุดท้ายที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า โจทก์สมควรเป็นผู้จัดการสินสมรสคนเดียวหรือไม่ เห็นว่า การที่โจทก์ขอเป็นผู้จัดการเงินรางวัลที่ 1 สลากกินแบ่งรัฐบาลเพียงผู้เดียวนี้เป็นการร้องขอตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 ที่ได้ตรวจชำระใหม่ พ.ศ. 2519 มาตรา 1485 ที่บัญญัติว่า สามีหรือภริยาอาจร้องขอต่อศาลให้ตนเป็นผู้จัดการสินสมรสโดยเฉพาะอย่างใดอย่างหนึ่งหรือเข้าร่วมจัดการในการนั้นได้ ถ้าการที่จะทำเช่นนั้นจะเป็นประโยชน์ยิ่งกว่า อันเป็นข้อยกเว้นจากหลักทั่วไป แต่การที่โจทก์จะขอเป็นผู้จัดการเงินรางวัลที่ 1 สลากกินแบ่งรัฐบาลเพียงผู้เดียวนี้ ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยมิได้จัดการเกี่ยวกับเงินที่ถูกรางวัลที่ 1 สลากกินแบ่งรัฐบาลไปในทางเสียหายแต่อย่างใด จำเลยได้ใช้จ่ายให้ญาติพี่น้องและบิดามารดาของจำเลยเพราะจำเลยเป็นหนี้มาก่อนเงินที่เหลือก็ฝากธนาคารไว้ที่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขารามอินทรา จำนวน 6,000,000 บาท ซึ่งเงินจำนวนนี้เป็นส่วนหนึ่งของสินสมรส โจทก์จำเลยย่อมเป็นผู้จัดการสินสมรสร่วมกันอยู่แล้วเพราะไม่ปรากฏว่ามีการทำสัญญาก่อนสมรสเอาไว้ ตามนัยมาตรา 1476 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 ที่ได้ตรวจชำระใหม่พ.ศ. 2519 กรณีจึงไม่มีเหตุจำเป็นใด ๆ ที่โจทก์จะเป็นผู้จัดการเงินรางวัลที่ 1 สลากกินแบ่งรัฐบาลอันเป็นสินสมรสที่จำเลยฝากไว้ที่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขารามอินทรา เพียงผู้เดียว
|