ReadyPlanet.com
dot
ประมวลกฎหมาย
dot
bulletป.แพ่งและพาณิชย์
bulletพระราชบัญญัติ
bulletความรู้กฎหมาย
bulletสำนัก,ทนาย,ทนายความ
bulletแบบฟอร์มสัญญา
bulletปรึกษากฎหมาย
bulletวิชาชีพทนายความ
bulletข้อบังคับสภาทนายความ
bulletคำพิพากษาฎีกา
bulletเช่าซื้อขายฝากซื้อขาย
bulletเกี่ยวกับคดีอาญา
bulletเกี่ยวกับ วิ.แพ่ง
bulletคดีเกี่ยวกับวิ.อาญา
bulletคำพิพากษารวม
bulletครอบครองปรปักษ์
bulletการสิ้นสุดการสมรส
dot
Newsletter

dot




มอบสัญญาเงินกู้เป็นของหมั้น สัญญาจะให้ทรัพย์สินเป็นของหมั้น article

มอบสัญญาเงินกู้เป็นของหมั้น สัญญาจะให้ทรัพย์สินเป็นของหมั้น

สัญญากู้ยืมที่ฝ่ายชายทำให้ไว้แก่ฝ่ายหญิงเป็นเงิน 5,000 บาท แทนของหมั้นเพราะฝ่ายชายไม่มีเงินโดยมีเจตนาให้เงินตามสัญญากู้เป็นของหมั้นกันในวันข้างหน้า ไม่ได้มีการส่งมอบทรัพย์สินให้กัน เจตนาไม่ได้มุ่งต่อการให้สัญญากู้ตกเป็นของอีกฝ่ายหนึ่งในสภาพของ ของหมั้น  และไม่มีความประสงค์ให้ตกเป็นสิทธิแก่หญิงเมื่อสมรสแล้ว หากฟังว่าให้เป็นเบี้ยปรับ เมื่อผิดสัญญาหมั้น จึงถือไม่ได้ว่าได้มีการให้ของหมั้นกันตามกฎหมาย หญิงจะฟ้องเรียกเงินตามสัญญากู้ในฐานะเป็นของหมั้นหาได้ไม่ ทั้งสัญญากู้ไม่มีมูลหนี้เดิมที่มีสิทธิเรียกร้องให้ชำระหนี้ได้ตามสัญญา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่  1852/2506

จำเลยขอหมั้นน้องสาวโจทก์เพื่อให้แต่งงานกับบุตรจำเลย แต่จำเลยไม่มีเงิน จึงทำสัญญากู้ให้โจทก์ยึดถือไว้และโจทก์จำเลยตกลงกันว่าถ้าจำเลยปลูกเรือนหอ โจทก์จะลดเงินกู้ให้บ้างตามราคาของเรือนหอ ต่อมาจำเลยไม่ปลูกเรือนหอและบุตรจำเลยไม่ยอมแต่งงานกับน้องสาวโจทก์ โจทก์จึงฟ้องเรียกเงินตามสัญญากู้ สัญญากู้ดังกล่าวนี้เป็นเพียงสัญญาจะให้ทรัพย์สินเป็นของหมั้นกันในวันข้างหน้า ยังไม่ได้มีการมอบทรัพย์สินให้แก่กันอย่างแท้จริง เจตนาอันแท้จริงของคู่สัญญาก็มิได้มุ่งต่อการให้ สัญญากู้ตกเป็นของอีกฝ่ายหนึ่งในสภาพของหมั้นและไม่มีความประสงค์ให้ตกเป็นสิทธิแก่หญิงเมื่อสมรสแล้วในกรณีเช่นนี้ถือไม่ได้ว่ามีการให้ของหมั้นกันตามกฎหมาย โจทก์จะฟ้องเรียกเงินตามสัญญากู้หาได้ไม่ เพราะสัญญากู้รายนี้ไม่มีมูลหนี้เดิมอันจะมีผลทำให้โจทก์มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยชำระหนี้ตามสัญญาได้

 โจทก์ฟ้องว่า นายสวัสดิ์บุตรจำเลยได้ละเมิดทำอนาจารนางสาวเจียมน้องสาวของโจทก์ ต่อมาโจทก์จำเลยและนางสาวเจียมตกลงกันว่าจะไม่ว่ากล่าวเป็นคดีต่อกัน โดยจำเลยขอหมั้นนางสาวเจียมเป็นเงิน 5,000 บาท เพื่อให้แต่งงานกับนายสวัสดิ์บุตรจำเลย แต่จำเลยไม่มีเงินจึงทำสัญญากู้ให้โจทก์ยึดถือไว้ และโจทก์จำเลยตกลงกันอีกว่า หากจำเลยทำเรือนหอ โจทก์จะลดเงินตามสัญญากู้ให้บ้างตามราคาเรือนหอ ต่อมาจำเลยไม่ทำเรือนหอและบุตรชายจำเลยไม่ยอมแต่งงานกับน้องสาวโจทก์ จึงขอให้ศาลบังคับจำเลยให้ใช้เงินตามสัญญา

   จำเลยให้การว่า ได้ตกลงให้นายสวัสดิ์สมรสกับนางสาวเจียมน้องสาวจำเลยจริง โดยโจทก์เรียกสินสอดให้จำเลยปลูกเรือนหอให้โจทก์ก่อนทำการสมรส โจทก์ให้จำเลยทำสัญญากู้ตามฟ้องให้โจทก์ยึดถือไว้เป็นหลักประกัน จำเลยไม่เคยขอหมั้นนางสาวเจียม สัญญากู้ตามฟ้องไม่ใช่ของหมั้นและเกิดขึ้นโดยการฉ้อฉลของโจทก์ จำเลยจะปลูกเรือนหอ โจทก์ไม่ยอมให้ปลูกและไม่ยอมให้นางสาวเจียมสมรสกับนายสวัสดิ์ โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องเรียกเงินกู้รายนี้ ขอให้ยกฟ้อง

         วันชี้สองสถาน ศาลจังหวัดพัทลุงเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้ให้งดสืบพยาน และพิพากษายกฟ้องโจทก์

          โจทก์อุทธรณ์

          ศาลอุทธรณ์ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาต่อไปแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี

          จำเลยฎีกา

  ศาลฎีกาเห็นว่าประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1436 วรรคแรกบัญญัติว่า ของหมั้นคือทรัพย์สินซึ่งฝ่ายชายให้ไว้แก่ฝ่ายหญิงเพื่อเป็นหลักฐานและประกันว่าชายจะสมรสกับหญิงนั้น แต่สัญญากู้ท้ายฟ้องคดีนี้เป็นเพียงสัญญาจะให้ทรัพย์สินเป็นของหมั้นกันในวันข้างหน้า ยังมิได้มีการมอบหมายทรัพย์สินให้กันอย่างแท้จริง เจตนาอันแท้จริงของคู่สัญญาก็มิได้มุ่งต่อการให้สัญญากู้ตกเป็นของอีกฝ่ายหนึ่งในสภาพของของหมั้น  และไม่มีความประสงค์ให้ตกเป็นสิทธิแก่หญิงเมื่อสมรสแล้ว แม้หากจะฟังว่าคู่กรณีมีเจตนาจะให้เป็นเบี้ยปรับในเมื่อผิดสัญญาหมั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1438 ก็ได้บัญญัติว่า ถ้าได้มีคำมั่นไว้ว่าจะให้เบี้ยปรับในเมื่อผิดสัญญาหมั้นคำมั่นนั้นก็เป็นโมฆะ ในกรณีเช่นนี้จึงถือไม่ได้ว่าได้มีการให้ของหมั้นกันตามกฎหมาย โจทก์จะฟ้องเรียกเงินตามสัญญากู้ในฐานะเป็นของหมั้นหาได้ไม่ ทั้งสัญญากู้รายนี้ไม่มีมูลหนี้เดิมอันจะมีผลทำให้โจทก์มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยชำระหนี้ได้ตามสัญญา ตามฟ้องโจทก์ก็มิได้ฟ้องเรียกร้องค่าทดแทนฐานผิดสัญญาหมั้นหรือเรียกค่าสินไหมทดแทนจากการที่นายสวัสดิ์บุตรจำเลยได้ละเมิดทำอนาจารนางสาวเจียมน้องสาวโจทก์ และรูปคดีไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยว่าสัญญากู้รายนี้เป็นเงินสินสอดตามข้อต่อสู้ของจำเลยหรือไม่ ดังที่ศาลอุทธรณ์ยกขึ้นวินิจฉัย เพราะหากสัญญากู้ดังกล่าวจะเป็นเงินสินสอดตามข้อต่อสู้ของจำเลย สัญญากู้ดังกล่าวก็เป็นเพียงประกันว่าจะมีการให้เงินสินสอดซึ่งเข้าลักษณะจะให้กันโดยเสน่หาเท่านั้น เมื่อยังไม่มีการส่งทรัพย์ให้แก่กัน ก็ไม่สมบูรณ์จะฟ้องเรียกทรัพย์ต่อกันมิได้เช่นกันที่ศาลชั้นต้นให้งดสืบพยานและพิพากษายกฟ้องโจทก์ชอบแล้ว

  จึงพร้อมกันพิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น และให้โจทก์เสียค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ฎีกา และค่าทนายความสองศาล 200 บาทแก่จำเลยด้วย
 

 ยกนาให้โจทก์เป็นของหมั้น สัญญาให้ที่มีการตอบแทน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่  1778/2493

 พ่อแม่ฝ่ายชายทำสัญญายกที่นา 10 ไร่ โดยแบ่งออกจากนาแปลงใหญ่มีโฉนดแล้วแต่ยังไม่ได้มอบหมายแบ่งแยกออกเป็นส่วนสัดให้เป็นของหมั้นแก่หญิง ต่อมาหญิงชายได้แต่งงานอยู่กินด้วยกันที่บ้านชายไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน นาที่ยกให้ก็ยังไม่ได้มอบหมายให้กันอย่างแท้จริง ดังนี้ ยังถือไม่ได้ว่านา 10 ไร่นี้เป็นของหมั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1436 หญิงจะฟ้องเรียกนา 10 ไร่นี้ในฐานเป็นของหมั้นไม่ได้ หากจะถือว่าเป็นสัญญาให้ที่มีการตอบแทน จุดประสงค์ของผู้ให้ก็เพื่อให้คู่สมรสได้ใช้สร้อยทำกินด้วยกันเป็นสำคัญ เมื่อหญิงกับชายไม่ได้สมรสกันโดยถูกต้องตามกฎหมายแล้ว และบัดนี้ยังแยกไม่ได้อยู่กินด้วยกันอีก ก็นับว่าไม่เป็นไปตามความประสงค์ของผู้ให้ จึงไม่มีเหตุที่หญิงจะเรียกร้องเอานานี้ได้
 
          โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1, 2 ได้สู่ขอโจทก์เพื่อเป็นคู่สมรสกับจำเลยที่ 3 โดยจำเลยยกนาให้กับโจทก์เป็นของหมั้น เป็นเนื้อที่นา 10 ไร่ ต่อมาโจทก์กับจำเลยที่ 3 ได้แต่งงานกันตามประเพณี แล้วโจทก์ไปทำมาหากินที่บ้านจำเลย ได้ปกครองทำกินในที่นา 10 ไร่ ของหมั้นนี้ตลอดมา บัดนี้จำเลยทั้งสามขับไล่โจทก์ โจทก์จึงขอให้จำเลยแบ่งแยกที่นา 10 ไร่ ซึ่งเป็นของหมั้นของโจทก์ให้โจทก์

          ศาลชั้นต้นฟังว่า สัญญาตามฟ้องเป็นสัญญาต่างตอบแทน ไม่เป็นสัญญาจะให้ตามมาตรา 525 หรือ 526 โจทก์มีสิทธิฟ้องขอให้บังคับตามสัญญาได้ จึงพิพากษาให้จำเลยที่ 1, 2 แบ่งแยกนาให้โจทก์ตามฟ้อง
          จำเลยที่ 1, 2 อุทธรณ์

          ศาลอุทธรณ์เห็นว่า แม้จะถือว่าสัญญาตามฟ้องเป็นสัญญาที่มีการตอบแทนกัน กรณีไม่เข้าประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 525 หรือ 526 ก็ดี แต่เป็นสัญญาที่มีเงื่อนไขบังคับก่อน คือต้องมีการสมรส ซึ่งหมายความว่า การสมรสโดยชอบด้วยกฎหมาย เมื่อโจทก์กับจำเลยที่ 3 มิได้จดทะเบียนสมรสกัน ถือว่ายังมิได้สมรสกันตามกฎหมายโจทก์ยังไม่มีสิทธิเรียกร้องเอานาตามฟ้องได้ พิพากษากลับให้ยกฟ้อง

          โจทก์ฎีกา
          ศาลฎีกาเห็นว่า ที่ว่ายกให้ 10 ไร่ ก็ยังหาได้มอบหมายแบ่งแยกให้เป็นส่วนสัดอย่างใดไม่ การครอบครองก็ได้ความเพียงว่า เมื่อโจทก์ไปอยู่บ้านจำเลย โจทก์และจำเลยทั้งสามได้ทำนารายนี้รวมกันไปทั้งสามแปลง จึงยังถือไม่ได้ว่า นา 10 ไร่รายนี้เป็นของหมั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1436 เพราะยังไม่ได้มอบหมายให้กันอย่างแท้จริง ดังนั้นโจทก์จะฟ้องเรียกนา10 ไร่รายนี้ในฐานเป็นของหมั้นย่อมไม่ได้ และอีกประการหนึ่งหากแปลสัญญานี้ว่า เป็นสัญญายกให้ที่มีการตอบแทนดังศาลชั้นต้นกล่าวมา จุดประสงค์ของการให้ ก็เพื่อให้คู่สมรสได้ใช้ส้อยทำกินด้วยกันเป็นสำคัญ แต่โจทก์กับจำเลยที่ 3 นอกจากว่าไม่ได้สมรสกันโดยถูกต้องตามกฎหมายแล้ว บัดนี้ยังแตกแยกไม่ได้อยู่ด้วยกันอีกนับว่าไม่เป็นไปตามความประสงค์ของผู้ให้ จึงไม่มีเหตุที่โจทก์จะเรียกร้องเอาที่นาตามฟ้องได้ดุจกัน
          จึงพิพากษายืน




บรรพ 5 ครอบครัว

แต่งงานแล้วหญิงไม่ยอมร่วมหลับนอน article
มีชื่อในสูติบัตรว่าเป็นบิดายังไม่เพียงพอ article
คดีครอบครัวและมรดกของผู้นับถือศาสนาอิสลามสี่จังหวัด article
สมัครใจและเต็มใจที่จะจดทะเบียนสมรสกัน article
รางวัลที่ 1 สลากกินแบ่งรัฐบาล สินสมรสหรือสินส่วนตัว article
เรียกค่าทดแทนจากภริยานอกกฎหมาย article
ไม่มีเจตนาจดทะเบียนสมรสตามกฎหมาย เงินที่มอบให้ไม่ใช่ของหมั้นและสินสอด article
สินสมรสตามกฎหมายลักษณะผัวเมีย article
การสมรสฝ่าฝืนมาตรา 1458 เป็นโมฆะ article
การแบ่งสินสมรสตามกฎหมายเดิม article