ReadyPlanet.com
dot
ประมวลกฎหมาย
dot
bulletป.แพ่งและพาณิชย์
bulletพระราชบัญญัติ
bulletความรู้กฎหมาย
bulletสำนัก,ทนาย,ทนายความ
bulletแบบฟอร์มสัญญา
bulletปรึกษากฎหมาย
bulletวิชาชีพทนายความ
bulletข้อบังคับสภาทนายความ
bulletคำพิพากษาฎีกา
bulletเช่าซื้อขายฝากซื้อขาย
bulletเกี่ยวกับคดีอาญา
bulletเกี่ยวกับ วิ.แพ่ง
bulletคดีเกี่ยวกับวิ.อาญา
bulletคำพิพากษารวม
bulletครอบครองปรปักษ์
bulletการสิ้นสุดการสมรส
bulletการใช้กฎหมายอาญา
bulletคดียาเสพติดให้โทษ
dot
Newsletter

dot




กระทำอนาจารอดีตภรรยาต่อหน้าธารกำนัล

กระทำอนาจารอดีตภรรยาต่อหน้าธารกำนัล

สามี ภรรยา อยู่กินไม่ได้จดทะเบียนสมรส อยู่ด้วยกันแค่ 2 เดือนแล้วเลิกกันเพราะสามีทำร้ายร่างกาย สามีเรียกค่าสินสอดคืน แต่ศาลยกฟ้อง การเรียกสินสอดคืนเป็นการแสดงเจตนาว่าเลิกร้าง ความสัมพันธ์ฉันสามี ภรรยาจึงสิ้นสุดลง การที่สามีกอดปล้ำภรรยาในที่สาธารณะเป็นความผิดฐานอนาจาร และการที่เลิกกันแล้ว แต่สามีไปผลักประตูรั้วบ้านส่วนตัวของภรรยา และเข้าไปโดยที่ภรรยาไม่อนุญาตและไม่มีเหตุอันสมควรเป็นความผิดฐานบุกรุก

  คำพิพากษาศาลฎีกาที่  1314/2526

  จำเลยกับผู้เสียหายอยู่กินด้วยกันโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรสเพียง 2 เดือนก็เลิกกัน ต่อมาจำเลยฟ้องเรียกเอาค่าสินสอดคืนจากฝ่ายผู้เสียหายศาลพิพากษายกฟ้อง แสดงว่าจำเลยได้แสดงเจตนาเลิกกับผู้เสียหายโดยเด็ดขาดแล้ว ผู้เสียหายหามีความสัมพันธ์ฉันสามีภริยากับจำเลยอีกต่อไปไม่ ผู้เสียหายขี่รถจักรยานยนต์มีคนนั่งซ้อนท้ายมาด้วย จำเลยเข้ามาขวางกระชากแขนผู้เสียหายลงจากรถ เข้ากอดปล้ำและพยายามฉุดให้ไปกับจำเลย จำเลยจึงมีความผิดฐานกระทำอนาจารตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 278

           จำเลยเรียกให้เปิดประตูรั้ว ผู้เสียหายไม่ยอมเปิด จำเลยซึ่งเลิกร้างกับผู้เสียหายไปแล้ว จึงไม่มีสิทธิผลักประตูรั้วเข้าไปในบ้านผู้เสียหายโดยพลการ เมื่อเข้าไปโดยไม่มีเหตุสมควรและพูดจาข่มขู่ผู้เสียหายด้วยตามพฤติการณ์ที่จำเลยฉุดกระชากและกอดปล้ำผู้เสียหายและยังตามมารบกวนข่มขู่ถึงบ้าน โดยมีอาวุธปืน จึงมีความผิดตาม มาตรา 365(2) อีกกระทงหนึ่ง

          ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 278, 364, 365(2) ลงโทษฐานกระทำอนาจาร จำคุก 1 ปี ฐานบุกรุกจำคุก 6 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง โจทก์ฎีกา

  ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า "ข้อเท็จจริงฟังได้ตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ซึ่งไม่มีฝ่ายใดฎีกาโต้แย้งว่า ตามวันเวลาเกิดเหตุขณะที่ผู้เสียหายขับขี่รถจักรยานยนต์ออกจากงานบวชนาคที่วัดศาลาลอยจะกลับบ้านมีนางอิงลายภูษา นั่งซ้อนท้ายมาด้วย จำเลยได้เข้ามาขวางทางเรียกให้ผู้เสียหายหยุดพอผู้เสียหายชลอความเร็วของรถลงจำเลยก็กระชากรถให้หยุด แล้วปิดกุญแจดับเครื่องรถและกระชากแขนผู้เสียหายลงจากรถจนรถล้ม จำเลยจะให้ผู้เสียหายไปกับจำเลย แต่ผู้เสียหายไม่ยอมไป จำเลยจึงเข้ากอดปล้ำและพยายามฉุดผู้เสียหายให้ไปกับจำเลย จำเลยกอดปล้ำผู้เสียหายอยู่นานประมาณ 10 นาที มีคนแจ้งให้นายจำลอง ประสงค์ธรรม ผู้ใหญ่บ้านทราบและมาที่เกิดเหตุ จำเลยจึงเดินหนีไป ผู้เสียหายก็กลับบ้าน หลังจากนั้นประมาณ 10 นาที จำเลยไปที่บ้านผู้เสียหาย มีปัญหาว่าจำเลยได้กระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่าสำหรับข้อหากระทำอนาจารนั้นแม้ข้อเท็จจริงจะปรากฏว่าจำเลยและผู้เสียหายเคยเป็นสามีภริยากันมาก่อนก็ดี แต่โจทก์ก็นำสืบได้ว่าจำเลยกับผู้เสียหายแต่งงานกันเมื่อวันที่ 9 มีนาคม2523 แต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน ครั้นวันที่ 7 พฤษภาคม 2523 ก็เลิกกันเพราะจำเลยตบตีผู้เสียหาย แสดงว่าอยู่กินด้วยกันเพียง 2 เดือน เท่านั้นต่อมาจำเลยได้ฟ้องเรียกเอาค่าสินสอดคืนจากฝ่ายผู้เสียหาย ศาลพิพากษายกฟ้อง จำเลยมิได้ซักค้านหรือนำสืบหักล้างพยานโจทก์ในข้อนี้แต่อย่างใดดังนั้นที่จำเลยฟ้องเรียกค่าสินสอดคืนดังกล่าว แสดงว่าจำเลยได้แสดงเจตนาเลิกร้างกับผู้เสียหายโดยเด็ดขาดแล้ว ผู้เสียหายจึงหามีความสัมพันธ์ฉันสามีภริยากับจำเลยอีกต่อไปไม่ การที่จำเลยเข้ากอดปล้ำผู้เสียหายในที่สาธารณะต่อหน้าธารกำนัลเช่นนี้ จำเลยจะอ้างว่ามีความหึงหวงผู้เสียหายเพราะยังมีความสัมพันธ์กันฉันสามีภริยาอยู่อีกมาเป็นข้อแก้ตัวให้พ้นผิดย่อมฟังไม่ขึ้นจำเลยจึงมีความผิดฐานกระทำอนาจารผู้เสียหายดังฟ้อง

      ส่วนข้อหาบุกรุกนั้น โจทก์นำสืบฟังได้ว่าจำเลยเรียกผู้เสียหายมาเปิดประตูรั้วให้ ผู้เสียหายไปยอมเปิด จำเลยจึงผลักประตูรั้วเข้าไปเอง ที่จำเลยนำสืบว่านางอิงอนุญาตให้จำเลยไปพูดคุยกับผู้เสียหายในบ้านได้โดยนางอิงพูดว่ามีอะไรให้ตามไปคุยที่บ้านนั้น มีแต่จำเลยเบิกความคนเดียวลอย ๆไม่น่าเชื่อถ้าหากนางอิงและผู้เสียหายตกลงยินยอมให้จำเลยเข้าไปในบ้านได้แล้วก็ไม่มีเหตุผลประการใดที่จะต้องไปตามนายจำลองผู้ใหญ่บ้านให้มาว่ากล่าวจำเลยให้ออกจากบ้านไป ฉะนั้นที่จำเลยต้องผลักประตูรั้วเข้าไปเองเช่นนี้ แสดงว่านางอิงและผู้เสียหายไม่ประสงค์ให้จำเลยเข้าไปในบ้าน และจำเลยกับผู้เสียหายก็เลิกร้างกันไปแล้ว จำเลยจึงไม่มีสิทธิเข้าไปในบ้านของผู้เสียหายโดยพลการ เมื่อจำเลยเข้าไปในบ้านผู้เสียหายโดยไม่มีเหตุอันสมควรและยังพูดจาข่มขู่พวกผู้เสียหายอีกด้วย จำเลยจึงมีความผิดฐานบุกรุกอีกกระทงหนึ่ง ส่วนปัญหาว่าจำเลยมีอาวุธติดตัวไปในขณะบุกรุกเข้าไปในบริเวณบ้านผู้เสียหายหรือไม่ เห็นว่าโจทก์มีนางชวนพิศผู้เสียหายและนางอิงลายภูษาเบิกความยืนยันว่าจำเลยถือปืนเข้าไปด้วย นางแผ้ว ประสงค์ธรรมก็ให้การในชั้นสอบสวนในตอนแรกว่าเห็นจำเลยเอามือล้วงกระเป๋าข้างขวาเอาอาวุธปืนออกมาจริง ปรากฏตามเอกสารหมาย จ.1 แม้ต่อมานางแผ้วจะไปให้การเพิ่มเติมในชั้นสอบสวนกลับคำให้การเดิมว่าไม่เห็นจำเลยมีอาวุธปืนก็ดี ก็ปรากฏจากคำเบิกความของร้อยตำรวจเอกประสิทธิ์ จันทร์ถาวรพนักงานสอบสวนคดีนี้ว่า หลังจากนางแผ้วให้การดังกล่าวแล้วต่อมานางแผ้วมากับจำเลยขอให้การใหม่ว่า ความจริงจำเลยไม่มีอาวุธปืนเข้าไปในบ้านผู้เสียหาย แสดงว่าจำเลยเป็นผู้จัดการให้นางแผ้วไปให้การเพิ่มเติมคำให้การเพื่อประโยชน์ของจำเลยเอง ฉะนั้น แม้นางแผ้วจะมาเบิกความต่อศาลเป็นพยานจำเลยยืนยันว่าจำเลยไม่มีอาวุธปืนก็ดี ก็ไม่มีน้ำหนักควรรับฟังเพราะพยานให้การกลับไปกลับมาไม่อยู่กับร่องกับรอย เมื่อพิเคราะห์คำพยานโจทก์ประกอบกับพฤติการณ์แห่งคดีที่จำเลยฉุดกระชากและกอดปล้ำผู้เสียหายและยังติดตามมารบกวนข่มขู่ผู้เสียหายถึงบ้านเช่นนี้ จึงน่าเชื่อว่าจำเลยมีอาวุธปืนติดตัวบุกรุกเข้ามาในบ้านผู้เสียหายจริง จำเลยจึงมีความผิดตามฟ้องศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาโจทก์ฟังขึ้น

 พิพากษากลับเป็นว่า จำเลยมีความผิดฐานกระทำอนาจารตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 278 จำคุก 1 ปี และปรับ 600 บาท และความผิดฐานบุกรุกโดยมีอาวุธตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 365(2)จำคุก 6 เดือน และปรับ 400 บาท รวม 2 กระทง เป็นจำคุก 1 ปี 6 เดือนและปรับ 1,000 บาท แต่เมื่อพิเคราะห์ถึงความสัมพันธ์ที่จำเลยเคยอยู่กินฉันสามีภริยากับผู้เสียหายมาก่อน และไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน เพื่อให้โอกาสแก่จำเลยประพฤติตนเป็นพลเมืองดีต่อไป จึงให้รอการลงโทษจำคุกจำเลยไว้มีกำหนด 3 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56บังคับค่าปรับตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30"             




ความผิดเกี่ยวกับเพศ

คำร้องเรียกค่าสินไหมทดแทนส่วนแพ่งเป็นคดีอุทลุม
ครูกระทำชำเราศิษย์อายุยังไม่เกินสิบห้าปี
จำคุก 160 ปีข้อหากระทำชำเราเด็ก
ชำเราเด็กหญิงอายุไม่เกินสิบสามปี
สมรสกัน | ผู้กระทำผิดไม่ต้องรับโทษ