ReadyPlanet.com
dot
ประมวลกฎหมาย
dot
bulletป.แพ่งและพาณิชย์
bulletพระราชบัญญัติ
bulletความรู้กฎหมาย
bulletสำนัก,ทนาย,ทนายความ
bulletแบบฟอร์มสัญญา
bulletปรึกษากฎหมาย
bulletวิชาชีพทนายความ
bulletข้อบังคับสภาทนายความ
bulletคำพิพากษาฎีกา
bulletเช่าซื้อขายฝากซื้อขาย
bulletเกี่ยวกับคดีอาญา
bulletเกี่ยวกับ วิ.แพ่ง
bulletคดีเกี่ยวกับวิ.อาญา
bulletคำพิพากษารวม
bulletครอบครองปรปักษ์
bulletการสิ้นสุดการสมรส
bulletการใช้กฎหมายอาญา
bulletคดียาเสพติดให้โทษ
dot
Newsletter

dot




ให้ใช้บ้านข่มขืนผิด "พรากผู้เยาว์" หรือไม่?

ความผิดฐานพรากผู้เยาว์  ให้ใช้บ้านข่มขืนผิด  "พรากผู้เยาว์" หรือไม่?

ตามพฤติการณ์ที่เจ้าของบ้านยินยอมให้คนร้ายพาผู้เสียหายมาข่มขืนกระทำชำเราในบ้านของตนและตนเองร่วมข่มขืนกระทำชำเราด้วยนั้น เมื่อไม่ปรากฏว่าเจ้าของบ้านมีส่วนร่วมหรือรู้เห็นในการที่คนร้ายอื่น ๆ ได้พรากผู้เสียหายไปจากบิดามารดาเพื่อการอนาจารตั้งแต่แรกเป็นแต่เพียงเจ้าของบ้านที่เกิดเหตุซึ่งยินยอมให้คนร้ายเข้ามาใช้ห้องพักเป็นสถานที่หลับนอนและข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายเท่านั้น โดยมิได้มีการพรากผู้เสียหายต่อไปยังที่อื่น ๆ อีก จึงไม่มีความผิดฐานพรากผู้เยาว์

มาตรา 317 ผู้ใดโดยปราศจากเหตุอันสมควร พรากเด็กอายุยังไม่เกิน สิบห้าปีไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล ต้องระวางโทษจำคุก ตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี และปรับตั้งแต่หกพันบาทถึงสามหมื่นบาท
(วรรค 2)ผู้ใดโดยทุจริต ซื้อ จำหน่าย หรือรับตัวเด็กซึ่งถูกพรากตามวรรคแรก ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับผู้พรากนั้น
(วรรค 3)ถ้าความผิดตาม มาตรานี้ ได้กระทำเพื่อหากำไร หรือเพื่อการอนาจาร ผู้นั้นกระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่ หนึ่งหมื่นบาทถึงสี่หมื่นบาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่  5619/2552

          คดีนี้คนร้าย 4 คน ได้พาผู้เสียหายซึ่งเป็นเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ไปข่มขืนกระทำชำเรา หลังจากนั้นคนร้าย 2 คน ได้พาผู้เสียหายนั่งรถจักรยานยนต์ไปที่บ้านหลังหนึ่ง ซึ่งเป็นห้องพักของจำเลย แล้วคนร้าย 2 คนนั้นได้ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายอีกรอบ จากนั้นจึงให้จำเลยมาข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยไม่ปรากฏว่าจำเลยมีส่วนร่วมหรือรู้เห็นในการที่คนร้าย 4 คน ได้พรากผู้เสียหายไปจากบิดามารดาเพื่อการอนาจารตั้งแต่แรกแต่ประการใด จำเลยเป็นเพียงเจ้าของห้องพักที่เกิดเหตุซึ่งยินยอมให้พวกนำผู้เสียหายมาใช้ห้องพักเป็นสถานที่หลับนอนและข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย โดยมิได้มีการพรากผู้เสียหายไปยังที่อื่นๆ อีก จำเลยจึงมิใช่ตัวการร่วมหรือผู้สนับสนุนในความผิดฐานพรากผู้เยาว์อายุไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดามารดาเพื่อการอนาจาร ตาม ป.อ. มาตรา 317 วรรคสาม

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91, 277, 317,310

 จำเลยให้การรับสารภาพ

    ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277 วรรคสาม 317 วรรคสาม 310 วรรคแรก การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันเรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานกระทำชำเราเด็กหญิงอายุไม่เกิน 15 ปี อันมีลักษณะเป็นการโทรมเด็กหญิงโดยเด็กหญิงไม่ยินยอม ให้จำคุกตลอดชีวิต ฐานพรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ไปเพื่อการอนาจารให้ลงโทษจำคุก 8 ปี ฐานหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นให้ลงโทษจำคุก 6 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กึ่งหนึ่ง คงจำคุกฐานกระทำชำเราเด็กหญิงอายุไม่เกิน 15 ปี อันมีลักษณะเป็นการโทรมเด็กหญิงโดยเด็กหญิงไม่ยินยอม จำนวน 25 ปี ฐานพรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ไปเพื่อการอนาจาร จำนวน 4 ปี ฐานหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่น จำนวน 3 เดือน รวมจำคุก 29 ปี 3 เดือน

   จำเลยอุทธรณ์

   ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องในข้อหาความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 317 คงจำคุกจำเลย 25 ปี 3 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
  โจทก์ฎีกา

          ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ประการเดียวว่า จำเลยกระทำผิดฐานร่วมกับพวกพรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ไปเสียจากบิดามารดาเพื่อการอนาจาร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 317 วรรคสาม หรือไม่ โดยโจทก์ฎีกาว่า หลังจากคนร้าย 4 คน ได้บังคับเอาตัวผู้เสียหายไปข่มขืนกระทำชำเราที่บริเวณบ่อปลาอำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี แล้วคนร้ายได้พาผู้เสียหายไปยังบ้านที่เกิดเหตุซึ่งเป็นบ้านที่จำเลยอาศัยอยู่ ขณะไปถึงเป็นเวลาดึกมากแล้ว บุคคลทั่วไปต้องหลับนอนแล้ว แต่จำเลยยังรออยู่มิได้หลับนอนแต่ประการใดทั้งจำเลยยังยินยอมให้คนร้ายนำเอาตัวผู้เสียหายเข้าไปข่มขืนกระทำชำเราในลักษณะโทรมหญิงในบ้านของจำเลย และจำเลยเองก็ได้เข้าร่วมข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายด้วย พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงว่า จำเลยเป็นตัวการร่วมกับคนร้ายกระทำความผิดฐานพรากเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดามารดาเพื่อการอนาจารตามฟ้องโจทก์แล้ว เห็นว่า ตามพยานหลักฐานโจทก์เกี่ยวกับปัญหานี้ โจทก์มีผู้เสียหายเป็นพยานเบิกความว่า หลังจากคนร้าย 4 คน ได้ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายที่บริเวณริมบ่อน้ำแล้ว คนร้าย 2 คน ได้พาผู้เสียหายนั่งรถจักรยานยนต์ไปที่บ้านหลังหนึ่งอยู่แถวอำเภอปากเกร็ด เมื่อมาถึงบ้านที่อำเภอปากเกร็ด พบนายไผ่และจำเลย นายไผ่และจำเลยจะข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย แต่คนร้าย 2 คน ที่พาผู้เสียหายมาได้ไล่ให้นายไผ่และจำเลยออกไปก่อน แล้วคนร้าย 2 คนนั้นได้ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายอีกรอบ จากนั้นจึงให้นายไผ่และจำเลยมาข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย ผู้เสียหายนอนอยู่กับนายไผ่และจำเลยจนถึงเช้า ในตอนเช้าคนร้ายหนึ่งในสองคน คือ นายประกิจ (ทราบชื่อภายหลัง) ที่ลักพาตัวผู้เสียหายมาตั้งแต่แรกจะพาผู้เสียหายไปส่งบ้าน แต่ผู้เสียหายไม่ไปอ้างว่าเพลีย ผู้เสียหายจึงนอนอยู่ในห้องจนกระทั่งบ่ายนายประกิจได้ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายอีก 1 ครั้ง แล้วจึงพาผู้เสียหายไปส่งกลับ นอกจากคำเบิกความของผู้เสียหายแล้ว โจทก์ยังมีบันทึกคำให้การชั้นสอบสวนของนายไผ่และจำเลย ข้อเท็จจริงทั้งหมดจากพยานหลักฐานโจทก์ไม่ปรากฏว่าจำเลยมีส่วนร่วมหรือรู้เห็นในการที่คนร้าย 4 คน ได้พรากผู้เสียหายไปจากบิดามารดาเพื่อการอนาจารตั้งแต่แรกแต่ประการใด จำเลยเป็นเพียงเจ้าของห้องพักที่เกิดเหตุซึ่งยินยอมให้นายประกิจและพวกนำตัวผู้เสียหายเข้ามาใช้ห้องพักเป็นสถานที่หลับนอนและข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายเท่านั้น โดยมิได้มีการพรากผู้เสียหายต่อไปยังที่อื่นๆ อีก การกระทำของจำเลยจึงมิใช่เป็นตัวการร่วมหรือผู้สนับสนุนนายประกิจและพวกพรากผู้เยาว์อายุไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดามารดาเพื่อการอนาจาร ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายกฟ้องโจทก์ในข้อหาพรากผู้เยาว์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 317 วรรคสาม นั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น

          พิพากษายืน




ความผิดเกี่ยวกับเสรีภาพและชื่อเสียง

ใส่ความโจทก์โดยร้องเรียนต่อคณะกรรมการมรรยาททนายความ
พรากผู้เยาว์เพื่อหากำไร,ความผิดกรรมเดียวหรือหลายกรรม
พรากผู้เยาว์จากผู้ปกครองและผู้ดูแล
หมิ่นประมาทอายุความสามเดือน