ReadyPlanet.com
dot
ประมวลกฎหมาย
dot
bulletป.แพ่งและพาณิชย์
bulletพระราชบัญญัติ
bulletความรู้กฎหมาย
bulletสำนัก,ทนาย,ทนายความ
bulletแบบฟอร์มสัญญา
bulletปรึกษากฎหมาย
bulletวิชาชีพทนายความ
bulletข้อบังคับสภาทนายความ
bulletคำพิพากษาฎีกา
bulletเช่าซื้อขายฝากซื้อขาย
bulletเกี่ยวกับคดีอาญา
bulletเกี่ยวกับ วิ.แพ่ง
bulletคดีเกี่ยวกับวิ.อาญา
bulletคำพิพากษารวม
bulletครอบครองปรปักษ์
bulletการสิ้นสุดการสมรส
bulletการใช้กฎหมายอาญา
bulletคดียาเสพติดให้โทษ
dot
Newsletter

dot




คำให้การในชั้นสอบสวนกับ คำเบิกความในชั้นพิจารณาแตกต่างกัน

คำให้การในชั้นสอบสวนกับ คำเบิกความในชั้นพิจารณาแตกต่างกัน

คำเบิกความในชั้นพิจารณาของพยานโจทก์มีลักษณะบ่ายเบี่ยงขัดต่อเหตุผล ซึ่งคำให้การในชั้นสอบสวนเชื่อว่าให้การไปตามที่รู้เห็นโดยสมัครใจ ส่วนคำเบิกความในชั้นพิจารณามีลักษณะช่วยเหลือให้จำเลยพ้นผิด จึงรับฟังคำให้การในชั้นสอบสวนเป็นความจริงได้ยิ่งกว่าคำเบิกความในชั้นพิจารณา จึงฟังว่าจำเลยกระทำความผิดตามฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9727/2555

   จำเลยฎีกาโดยคัดลอกคำพิพากษาศาลชั้นต้นในส่วนพิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์จำเลยตั้งแต่ต้นจนจบชนิดคำต่อคำ แล้วสรุปว่า แม้ ส. พ. และ บ. จะเบิกความแตกต่างจากคำให้การในชั้นสอบสวนของตนเองก็ตาม แต่บันทึกคำให้การชั้นสอบสวนเป็นเพียงพยานบอกเล่า โดยลำพังไม่มีน้ำหนักลงโทษจำเลยได้ โดยจำเลยไม่ได้ยกข้อเท็จจริงและเหตุผลขึ้นโต้แย้งว่า ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 รับฟังคำให้การในชั้นสอบสวนของประจักษ์พยานโจทก์ไม่ถูกต้องด้วยข้อเท็จจริงและไม่ชอบด้วยเหตุผลอย่างไร มีข้อเท็จจริงและเหตุผลใดที่หักล้างข้อวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ภาค 4 ให้รับฟังใหม่ได้ว่า คำเบิกความของประจักษ์พยานโจทก์เป็นความจริงยิ่งกว่าคำให้การในชั้นสอบสวน ฎีกาของจำเลยจึงไม่เป็นการคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 4 ไม่ชอบด้วยบทกฎหมายตาม ป.วิ.อ. มาตรา 216 วรรคหนึ่ง

  โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80, 83, 288
          จำเลยให้การปฏิเสธ

          ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
          โจทก์อุทธรณ์

          ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบมาตรา 80, 83 ลงโทษจำคุกมีกำหนด 10 ปี ทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา  มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 หนึ่งในสาม คงจำคุก 6 ปี 8 เดือน

          จำเลยฎีกา    

            ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 216 วรรคหนึ่ง วางหลักสำคัญในการฎีกาว่า ฎีกาจะต้องคัดค้านคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลอุทธรณ์ คดีนี้ศาลอุทธรณ์ภาค 4 วินิจฉัยในปัญหาข้อเท็จจริงว่า โจทก์มีผู้เสียหาย นายสุระ นางสุพัฒตา และนายบุญล้วนเป็นประจักษ์พยาน แต่นายสุระ นางสุพัฒตา และนายบุญล้วนเบิกความแตกต่างจากคำให้การของตนเองในชั้นสอบสวน แล้วศาลอุทธรณ์ภาค 4 วินิจฉัยในปัญหาดังกล่าวโดยแสดงข้อเท็จจริงประกอบเหตุผลสรุปว่า คำเบิกความของพยานโจทก์มีลักษณะบ่ายเบี่ยงขัดต่อเหตุผล เชื่อว่าพยานโจทก์ให้การในชั้นสอบสวนไปตามที่รู้เห็นโดยสมัครใจ ซึ่งสอดคล้องกับคำเบิกความของผู้เสียหาย ส่วนคำเบิกความในชั้นพิจารณามีลักษณะช่วยเหลือให้จำเลยพ้นผิด จึงรับฟังคำให้การในชั้นสอบสวนเป็นความจริงได้ยิ่งกว่าคำเบิกความในชั้นพิจารณา เมื่อนำไปรับฟังประกอบกับพยานหลักฐานอื่นของโจทก์แล้ว ฟังได้ว่าจำเลยกระทำความผิดตามฟ้อง จำเลยฎีกาโดยคัดลอกคำพิพากษาศาลชั้นต้นในส่วนพิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์จำเลยตั้งแต่ต้นจนจบชนิดคำต่อคำ แล้วสรุปว่าแม้นายสุระ นางสุพัฒตาและนายบุญล้วนจะเบิกความแตกต่างจากคำให้การในชั้นสอบสวนของตนเองก็ตาม แต่บันทึกคำให้การในชั้นสอบสวนเป็นเพียงพยานบอกเล่า โดยลำพังไม่มีน้ำหนักลงโทษจำเลยได้ โดยจำเลยไม่ได้ยกข้อเท็จจริงและเหตุผลขึ้นโต้แย้งว่า ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 รับฟังคำให้การในชั้นสอบสวนของประจักษ์พยานโจทก์ ไม่ถูกต้องด้วยข้อเท็จจริงและไม่ชอบด้วยเหตุผลอย่างไร มีข้อเท็จจริงและเหตุผลใดที่หักล้างข้อวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ภาค 4 ให้รับฟังใหม่ได้ว่า คำเบิกความของประจักษ์พยานโจทก์เป็นความจริงยิ่งกว่าคำให้การในชั้นสอบสวน  ฎีกาของจำเลยจึงไม่เป็นการคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 4 ไม่ชอบด้วยบทกฎหมายข้างต้น ที่ศาลชั้นต้นรับฎีกาของจำเลยมาเป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้

          พิพากษายกฎีกาของจำเลย

 ป.วิ.อ.
มาตรา 216  ภายใต้บังคับแห่งมาตรา 217 ถึง 221 คู่ความมีอำนาจฎีกาคัดค้านคำพิพากษา หรือคำสั่งศาลอุทธรณ์ภายในหนึ่งเดือน นับแต่วันอ่าน หรือถือว่าได้อ่านคำพิพากษาหรือคำสั่งนั้นให้คู่ความฝ่ายที่ฎีกาฟัง
ฎีกานั้น ให้ยื่นต่อศาลชั้นต้น และให้นำบทบัญญัติแห่งมาตรา 200 และ 201 มาบังคับโดยอนุโลม




ต้องห้ามฎีกา

คำสั่งศาลชั้นต้นให้รับฎีกาไม่ชอบศาลฎีกาไม่วินิจฉัยให้
ต้องห้ามฎีกา แม้รับรองให้ฎีกาได้