

ข้อตกลงยกที่ดินให้ต่อหน้านายอำเภอ ข้อตกลงยกที่ดินให้ต่อหน้านายอำเภอ บันทึกข้อตกลงยินยอมยกที่ดินให้เป็นการให้หรือคำมั่นว่าจะให้ที่ดินจะต้องได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่จึงบังคับกันได้ แม้บันทึกข้อตกดังกล่าวจะได้ทำต่อหน้านายอำเภอก็ยังไม่ครบหลักเกณฑ์ตามที่กฎหมายกำหนดจึงไม่มีผลผูกพันต่อกัน คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 586/2538 การให้หรือคำมั่นว่าจะให้ที่ดินจะต้องได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่จึงบังคับกันได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 526 บันทึกข้อตกลงระหว่างป.กับจำเลยที่ระบุว่าจำเลยซึ่งเป็นเจ้าของที่พิพาทยินยอมยกที่ดังกล่าวส่วนหนึ่งให้โจทก์ด้วย แต่มิได้จดทะเบียนจึงไม่มีผลผูกพันจำเลยโจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้องเอาที่พิพาทโดยอาศัยบันทึกดังกล่าวได้ โจทก์ฟ้องว่าโจทก์ นายประเสริฐ และนางวิวรรณ เป็นบุตรของนางแดง จำเลยเป็นบุตรของนายแดง แต่เกิดจากบิดาต่างกันนางแดงถึงแก่ความตายเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2521 มีทรัพย์มรดกเป็นที่ดิน 2 แปลง คือที่ดินตามโฉนดเลขที่ 3946 เนื้อที่ 16 ไร่ 2 งาน 93 ตารางวาและที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์(น.ส.3ก.) เลขที่ 494 พร้อมบ้าน 1 หลังโจทก์ จำเลย นายประเสริฐ และนางวิวรรณ ต่างครอบครองร่วมกันมาตลอดต่อมาเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2526 จำเลยได้ทำบันทึกไว้ต่อนายอำเภอมหาชนะชัยว่า จำเลยตกลงยกที่ดินตามโฉนดเลขที่ 3946 จำนวนเนื้อที่ 8ไร่ 2 งาน 93 ตารางวาให้แก่โจทก์ นายประเสริฐ และนางวิวรรณ ส่วนที่เหลืออีก 8 ไร่ ตกได้แก่จำเลย สำหรับที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3ก.) เลขที่ 494 จำเลย ยกให้โจทก์ นายประเสริฐ และนางวิวรรณ ส่วนจำเลยขอรับเอาบ้านซึ่งปลูกอยู่บนที่ดินแปลงนี้หลังจากทำบันทึกแล้วจำเลยยอมยกที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์(น.ส.3ก.) เลขที่ 494 ให้แก่โจทก์ นายประเสริฐ และนางวิวรรณ เท่านั้น แต่ที่ดินตามโฉนดเลขที่ 3946 จำเลยไม่ได้ยกให้แก่โจทก์ โจทก์ทวงถามจำเลยก็บ่ายเบี่ยงเรื่อยมา ขอให้จำเลยไปจดทะเบียนแบ่งแยกที่ดินตาม โฉนดเลขที่ 3946 เนื้อที่ 2 ไร่ 3 งาน 64 ตารางวาให้แก่โจทก์ หากจำเลยไม่ปฏิบัติให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย จำเลยให้การว่าที่ดินตามโฉนดเลขที่ 3946ไม่ใช่มรดกของนางแดงเพราะนางแดงยกให้แก่จำเลยตั้งแต่นางแดงยังมีชีวิตอยู่ จำเลยถูกนายประเสริฐ ข่มขู่ว่านางวิวรรณได้ร้องเรียนต่อทางราช (ป.ป.ป.) กล่าวหาว่าปลัดอำเภอคนหนึ่งของอำเภอมหาชนะชัยปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบได้ทำการเปลี่ยนชื่อมารดาของนางวิวรรณในทะเบียนบ้าน ทางราชการได้ตั้งกรรมการขึ้นสอบสวนเพื่อเอาผิดกับปลัดอำเภอคนนั้น และจำเลยมีส่วนรู้เห็นด้วยโดยหวังจะเอามรดกของนางแดงคนเดียว จะให้นางวิวรรณ ฟ้องจำเลยถ้าไม่อยากให้ฟ้องก็ให้จำเลยยอมแบ่งที่ดินให้แก่นายประเสริฐ โจทก์และนางวิวรรณจำเลยกลัวและรู้เท่าไม่ถึงการณ์จึงได้ยอมทำบันทึก ฉบับลงวันที่ 16 พฤษภาคม 2526 หลังจากนั้นจำเลยทราบจากนางวิวรรณ ว่าไม่เคยรู้เรื่องที่นายประเสริฐ ข่มขู่จึงได้มีหนังสือขอยกเลิกบันทึกดังกล่าวขอให้ยกฟ้อง ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยไปจดทะเบียนแบ่งแยกที่ดินตามโฉนดที่ดินเลขที่ 3946 ตำบลโพนทัน อำเภอคำเขื่อนแก้ว จังหวัดอุบลราชธานี (ปัจจุบันจังหวัดยโสธร) เนื้อที่ 2 ไร่ 3 งาน 64 ตารางวาให้โจทก์ หากไม่ไปให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า"สำหรับปัญหาประการที่สองที่ว่าบันทึกข้อตกลงระหว่างนายประเสริฐคุณกับจำเลยเกี่ยวกับที่พิพาทตามเอกสารหมาย จ. 2 มี ผลบังคับได้ตามกฎหมาย ที่โจทก์จะถือเอาประโยชน์จากบันทึกดังกล่าวได้หรือไม่นั้น เห็นว่าข้อความในข้อ 1. ของเอกสารดังกล่าวระบุชัดแจ้งว่าจำเลยเป็นเจ้าของที่พิพาทเนื้อที่ 16ไร่ 2 งาน 93 ตารางวาและจำเลยยินยอมยกที่พิพาทเนื้อที่ 8 ไร่ 2 งาน 93 ตารางวาให้แก่น้อง 3 คนในจำนวนนี้มีชื่อโจทก์รวมอยู่ด้วยคนหนึ่ง การให้หรือคำมั่นว่าจะให้ทรัพย์สินจะต้องได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่จึงจะบังคับกันได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 526 แต่บันทึกข้อตกลงตามเอกสารหมายจ .2 มิได้จดทะเบียนจึงไม่มีผลผูกพันจำเลยโจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้องเอาที่พิพาทโดยอาศัยบันทึกดังกล่าวได้ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ชอบแล้วฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น" พิพากษายืน
|