ReadyPlanet.com
dot
ประมวลกฎหมาย
dot
bulletป.แพ่งและพาณิชย์
bulletพระราชบัญญัติ
bulletความรู้กฎหมาย
bulletสำนัก,ทนาย,ทนายความ
bulletแบบฟอร์มสัญญา
bulletปรึกษากฎหมาย
bulletวิชาชีพทนายความ
bulletข้อบังคับสภาทนายความ
bulletคำพิพากษาฎีกา
bulletเช่าซื้อขายฝากซื้อขาย
bulletเกี่ยวกับคดีอาญา
bulletเกี่ยวกับ วิ.แพ่ง
bulletคดีเกี่ยวกับวิ.อาญา
bulletคำพิพากษารวม
bulletครอบครองปรปักษ์
bulletการสิ้นสุดการสมรส
bulletการใช้กฎหมายอาญา
bulletคดียาเสพติดให้โทษ
dot
Newsletter

dot




สมควรให้มารดาเป็นผู้ปกครองบุตรผู้เยาว์

สมควรให้มารดาเป็นผู้ปกครองบุตรผู้เยาว์

บิดาหรือมารดาย่อมมีสิทธิที่จะติดต่อกับบุตรของตนได้ตามควรแก่พฤติการณ์ ไม่ว่าบุคคลใดจะเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองหรือผู้ปกครองก็ตาม
ในคดีนี้ศาลเห็นว่า บิดา และมารดา ต่างก็มีความสามารถที่จะอุปการะเลี้ยงดูบุตรได้ แต่การที่บิดารับราชการครูย่อมไม่สะดวกในการเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์เพราะบิดามีเวลาเฉพาะวันเสาร์และวันอาทิตย์เท่านั้น ส่วนมารดาอยู่ใกล้ชิดกับบุตรผู้เยาว์มาตั้งแต่คลอด บุตรผู้เยาว์อยู่กับมารดาย่อมจะได้รับความอบอุ่นมากกว่า แม้อำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์จะตกแก่มารดา แต่กฎหมายรับรองให้บิดามีสิทธิจะติดต่อกับบุตรผู้เยาว์ได้ตามสมควรแล้วแต่พฤติการณ์
 
คำพิพากษาศาลฎีกาที่  3035/2533

 โจทก์จำเลยต่างสามารถเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์ได้ แต่การให้บุตรผู้เยาว์อยู่กับโจทก์เป็นการไม่สะดวก เพราะโจทก์กลับบ้านได้เฉพาะ วันเสาร์-อาทิตย์ ส่วนการให้บุตรผู้เยาว์อยู่กับมารดาได้รับความอบอุ่นมากกว่าเพราะอยู่ใกล้ชิดตลอดเวลา จึงสมควรให้จำเลยเป็นผู้ปกครองบุตรผู้เยาว์ และแม้อำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์จะตกแก่จำเลยก็ตาม โจทก์มีสิทธิจะติดต่อกับบุตรผู้เยาว์ได้ตามสมควรแล้วแต่พฤติการณ์ คดีก่อนถึงที่สุดโดยศาลยังมิได้วินิจฉัยประเด็นเรื่องค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์ จำเลยจึงมีสิทธิฟ้องแย้งโจทก์ในนี้ให้โจทก์จ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์ได้อีก ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148.

มาตรา 1521  ถ้าปรากฏว่าผู้ใช้อำนาจปกครองหรือผู้ปกครองตามมาตรา 1520 ประพฤติตนไม่สมควร หรือภายหลังพฤติการณ์ได้เปลี่ยนแปลงไป ศาลมีอำนาจสั่งเปลี่ยนตัวผู้ใช้อำนาจปกครองหรือผู้ปกครองโดยคำนึงถึงความผาสุกและประโยชน์ของบุตรเป็นสำคัญ
 
  โจทก์ฟ้องว่า โจทก์กับจำเลยเป็นสามีภรรยาโดยจดทะเบียนสมรสมีบุตรด้วยกัน 1 คน จำเลยได้พาบุตรไปอยู่กับมารดาโดยจงใจทิ้งร้างโจทก์ จนบัดนี้เกินกว่า 1 ปีแล้ว ทั้งจำเลยเคยฟ้องหย่าโจทก์ จึงขอให้พิพากษาให้โจทก์จำเลยหย่าขาดจากการเป็นสามีภรรยา และให้โจทก์เป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์ โดยให้จำเลยส่งมอบบุตรผู้เยาว์ให้โจทก์ภายในกำหนด 7 วัน

  จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า จำเลยมิได้ทิ้งร้างโจทก์ เหตุที่จำเลยไปอยู่กับมารดาเพราะถูกโจทก์ทำร้ายทุบตี จำเลยมีเวลาพอที่จะเลี้ยงดูบุตรได้ดีกว่าโจทก์ ฟ้องโจทก์เกี่ยวกับผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์เป็นฟ้องซ้ำกับคดีหมายเลขแดงที่ 62/2528 ของศาลชั้นต้น เพราะเหตุอย่างเดียวกัน ขอให้ยกฟ้องโจทก์ และให้จำเลยแต่ผู้เดียวเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองผู้เยาว์ กับให้โจทก์ชำระค่าอุปการะเลี้ยงดูให้จำเลยเดือนละ 1,000 บาท จนกว่าบุตรผู้เยาว์จะบรรลุนิติภาวะ

    โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้ง และแก้ไขคำให้การแก้ฟ้องแย้งว่า โจทก์ไม่เคยทุบตีจำเลย ฟ้องแย้งของจำเลยซ้ำกับคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 63/2528 ของศาลชั้นต้น จำเลยไม่มีสิทธิเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดู จำเลยไม่มีอำนาจขอเป็นผู้ปกครองบุตรผู้เยาว์ โจทก์สามารถเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์ได้ดีกว่าจำเลย

     ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทว่า 1. ฟ้องโจทก์และฟ้องแย้งจำเลยเป็นฟ้องซ้ำกับคดีหมายเลขแดงที่ 63/2528 ของศาลชั้นต้นหรือไม่  2. จำเลยทิ้งร้างโจทก์ไปกว่า 1 ปี เป็นเหตุให้ฟ้องหย่าหรือไม่และ  3. เมื่อหย่าแล้วใครเป็นผู้ใช้อำนาจปกครอง และบุตรจะได้รับค่าอุปการะเลี้ยงดูเดือนละเท่าไร   ระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้นคู่ความสละประเด็นข้อพิพาทข้อ 2 และตกลงหย่าขาดจากการเป็นสามีภริยากันโดยจะไปจดทะเบียนหย่าภายหลังศาลพิพากษาในกำหนด 7 วัน และติดใจสืบพยานเฉพาะประเด็นข้อที่ 3 เท่านั้น

      ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า คดีไม่เป็นฟ้องซ้ำกับคดีหมายเลขแดงที่ 63/2528 ของศาลชั้นต้น เพราะอ้างเหตุคนละเหตุเมื่อหย่ากันแล้วให้จำเลยเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตร ให้จำเลยได้รับค่าอุปการะเลี้ยงดูจากโจทก์เดือนละ 1,000 บาท จนกว่าบุตรจะบรรลุนิติภาวะ พิพากษาให้โจทก์จำเลยหย่าขาดจากกัน ให้โจทก์ชำระค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์แก่จำเลยเดือนละ 1,000 บาทนับแต่วันฟ้องจนกว่าบุตรผู้เยาว์จะบรรลุนิติภาวะ
       
          โจทก์อุทธรณ์
          ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
          โจทก์ฎีกา

          ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาแรกโจทก์ฎีกาว่า โจทก์หรือจำเลยควรเป็นผู้ปกครองเด็กชายไกรภพ  บุตรผู้เยาว์ เห็นว่าโจทก์เป็นอาจารย์ 1 ระดับ 3 เงินเดือนขณะนั้น 3,325 บาท บิดาเป็นข้าราชการบำนาญ มีนา 400 ไร่ ส่วนจำเลยจบการศึกษาประถมปีที่ 4 มีนา 30 ไร่ ทำร่วมกับบิดามารดาอีก 80 ไร่ แม้โจทก์มีฐานะดีกว่าจำเลยมากก็ตามแต่โจทก์อาศัยอยู่บ้านพักครู กลางวันต้องไปสอนวันเสาร์-อาทิตย์จึงได้กลับบ้าน การที่จะให้เด็กชายไกรภพบุตรผู้เยาว์ซึ่งมีอายุ 3 ขวบ อยู่กับโจทก์ย่อมไม่สะดวก แม้ว่าจะหาผู้มาเลี้ยงหรือส่งบุตรผู้เยาว์อยู่ในโรงเรียนอนุบาลก็ตาม ความอบอุ่นที่บุตรผู้เยาว์ได้รับจากมารดามีมากกว่าเพราะมารดาอยู่ใกล้ชิดกับบุตรผู้เยาว์ตลอดเวลานับแต่คลอด จำเลยก็มิได้ยากจนถึงขนาดที่จะเลี้ยงดูและให้การศึกษาบุตรผู้เยาว์ไม่ได้ หากโจทก์ประสงค์ที่จะให้บุตรผู้เยาว์ได้รับการศึกษาจนจบการศึกษาชั้นปริญญาตรีก็ทำได้ เพราะแม้อำนาจการปกครองจะตกแก่จำเลยก็ตาม โจทก์ยังมีสิทธิที่จะติดต่อกับบุตรของตนได้ตามสมควรแล้วแต่พฤติการณ์ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1521 วรรคสอง ที่ศาลล่างทั้งสองให้จำเลยเป็นผู้ปกครองบุตรผู้เยาว์นั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย  โจทก์ฎีกาอีกข้อหนึ่งว่า ฟ้องแย้งของจำเลยคดีนี้ฟ้องซ้ำกับคดีหมายเลขแดงที่ 63/2528 ของศาลชั้นต้นซึ่งคดีถึงที่สุดแล้ว  เห็นว่าค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์ที่จำเลยฟ้องแย้งโจทก์ในคดีหมายเลขแดงที่ 63/2528 ศาลชั้นต้นยังไม่ได้วินิจฉัย จำเลยจึงฟ้องแย้งเรียกค่าอุปการะเลี้ยงบุตรผู้เยาว์ในคดีนี้ได้  ไม่เป็นฟ้องซ้ำ ศาลล่างทั้งสองพิพากษาชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
          พิพากษายืน.
 
 มาตรา 1566  บุตรซึ่งยังไม่บรรลุนิติภาวะต้องอยู่ใต้อำนาจปกครองของบิดามารดา
อำนาจปกครองอยู่กับบิดาหรือมารดาในกรณีดังต่อไปนี้
(1) มารดาหรือบิดาตาย
(2) ไม่แน่นอนว่ามารดาหรือบิดามีชีวิตอยู่หรือตาย
(3) มารดาหรือบิดาถูกศาลสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถหรือเสมือนไร้ความสามารถ
(4) มารดาหรือบิดาต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลเพราะจิตฟั่นเฟือน
(5) ศาลสั่งให้อำนาจปกครองอยู่กับบิดาหรือมารดา
(6) บิดาและมารดาตกลงกันตามที่มีกฎหมายบัญญัติไว้ให้ตกลงกันได้

มาตรา 1584/1  บิดาหรือมารดาย่อมมีสิทธิที่จะติดต่อกับบุตรของตนได้ตามควรแก่พฤติการณ์ ไม่ว่าบุคคลใดจะเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองหรือผู้ปกครองก็ตาม




ผู้ใช้อำนาจปกครอง

ไม่มีกฎหมายให้ศาลรับฟังความประสงค์ของบุตรว่าจะอยู่กับฝ่ายบิดา หรือฝ่ายมารดา
การได้อำนาจปกครองมาโดยข้อสัญญา
เรียกบุตรคืนจากสามีที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ถอนอำนาจปกครองตามบันทึกการหย่า