นับโทษจำเลยคดีนี้ต่อจากโทษในคดีอาญาอื่นเป็นหน้าที่โจทก์นำสืบ
การที่โจทก์ขอให้ศาลนับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขดำที่ระบุในคำฟ้อง ซึ่งจำเลยไม่ได้ให้การรับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อนั้น เป็นหน้าที่ของโจทก์ต้องนำสืบและต้องแถลงให้ศาลทราบว่าคดีอาญาหมายเลขดำดังกล่าวศาลได้พิพากษาลงโทษจำเลยแล้ว แม้ว่าคดีนั้นจะอยู่ในศาลเดียวกันก็มิใช่ข้อเท็จจริงที่ศาลต้องรู้เองและศาลก็ไม่มีหน้าที่จะต้องไปตรวจสอบคดีดังกล่าวด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 19854/2555
การที่โจทก์ขอให้นับโทษจำเลยที่ 1 ต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขดำที่ระบุในคำฟ้อง ซึ่งจำเลยที่ 1 ไม่ได้ให้การรับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อนั้น เป็นหน้าที่ของโจทก์ต้องนำสืบและต้องแถลงให้ศาลทราบว่าคดีอาญาหมายเลขดำดังกล่าวศาลได้พิพากษาลงโทษจำเลยที่ 1 หรือไม่ประการใด แม้คดีนั้นจะอยู่ในศาลเดียวกันก็มิใช่ข้อเท็จจริงที่ศาลต้องรู้เองและก็ไม่มีหน้าที่จะต้องไปตรวจสอบคดีดังกล่าวด้วย ปัญหาว่าจะนับโทษจำเลยที่ 1 ต่อจากโทษในคดีอื่นได้หรือไม่ เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยศาลมีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้
โจทก์ฟ้องและแก้ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80, 83, 91, 288, 371 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิ นับโทษจำเลยที่ 1 ต่อจากโทษของจำเลยที่ 1 ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 192/2550 ของศาลชั้นต้น และโทษของจำเลยในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 161/2551 ของศาลชั้นต้น และนับโทษจำเลยที่ 2 ต่อจากโทษของจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 144/2552 ของศาลชั้นต้น
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ แต่จำเลยที่ 2 รับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ
ระหว่างพิจารณา นายอนุสินธ์ ผู้เสียหายที่ 1 ยื่นคำร้องและแก้ไขคำร้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองชดใช้ค่าสินไหมทดแทนที่ได้รับอันตรายสาหัส ค่าเสียโอกาสและขาดรายได้เป็นเงินคนละ 50,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่ผู้ร้อง
จำเลยทั้งสองไม่ให้การในคดีส่วนแพ่ง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบมาตรา 80, 83, 371 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 7, 8 ทวิ วรรคหนึ่ง, 72 วรรคสาม, 72 ทวิ วรรคสอง การกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น จำคุก 12 ปี ฐานร่วมกันมีอาวุธปืนที่เป็นของผู้อื่นซึ่งได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้ตามกฎหมายและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุก 1 ปี ฐานร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตและไม่มีเหตุสมควร เป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 6 เดือน รวมจำคุก 13 ปี 6 เดือน นับโทษจำเลยที่ 1 ต่อจากโทษของจำเลยที่ 1 ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 757/2551 ของศาลชั้นต้น และโทษของจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 324/2554 ของศาลชั้นต้น ให้จำเลยที่ 1 ชำระค่าสินไหมทดแทนเป็นเงิน 20,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 26 สิงหาคม 2551) จนกว่าจะชำระเสร็จแก่ผู้ร้อง ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 และข้อหาอื่นสำหรับจำเลยที่ 1
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษาแก้เป็นว่า ยกฟ้องโจทก์สำหรับความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 ยกคำขอให้นับโทษจำเลยที่ 1 ต่อจากโทษของจำเลยที่ 1 ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 757/2551 ของศาลชั้นต้น และโทษของจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 324/2554 ของศาลชั้นต้น นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่โจทก์ฎีกาขอให้นับโทษจำเลยที่ 1 ต่อจากโทษของจำเลยที่ 1 และจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 757/2551 และ 324/2554 ของศาลชั้นต้น โดยอ้างว่าโจทก์ขอให้นับโทษจำเลยที่ 1 ต่อจากโทษในคดีอาญาดังกล่าว ซึ่งเป็นคดีของศาลชั้นต้นที่ศาลชั้นต้นสามารถตรวจสอบได้ ปัญหาการขอให้นับโทษต่อเป็นเพียงขั้นตอนในการดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นมิใช่ข้อหาหรือฐานความผิดที่เป็นประเด็นหลักในฟ้องอันโจทก์ต้องสืบพยานให้ฟังได้ในชั้นอุทธรณ์ จำเลยที่ 1 ก็ไม่ได้อุทธรณ์โต้แย้งดังกล่าวและมิใช่ข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสองนั้น เห็นว่า คดีนี้โจทก์ขอให้นับโทษจำเลยที่ 1 ต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 192/2550 และ 161/2551 ของศาลชั้นต้น ซึ่งจำเลยที่ 1 ไม่ได้ให้การรับว่าจำเลยที่ 1 เป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ จึงเป็นหน้าที่ของโจทก์ต้องนำสืบในข้อนี้ และต้องแถลงให้ศาลทราบว่าคดีอาญาหมายเลขดำที่ 192/2550 และ 161/2551 ของศาลชั้นต้น ศาลได้พิพากษาลงโทษจำเลยที่ 1 หรือไม่ และลงโทษอย่างไร เพื่อศาลจะได้ใช้ดุลพินิจนับโทษต่อให้ตามคำขอของโจทก์ เมื่อโจทก์ไม่นำสืบและแถลงให้ศาลทราบถึงข้อเท็จจริงดังกล่าว แม้คดีนั้นจะอยู่ในศาลเดียวกันก็มิใช่ข้อเท็จจริงที่ศาลต้องรู้เอง และศาลก็ไม่มีหน้าที่จะต้องไปตรวจสอบคดีดังกล่าวด้วย กรณีจึงไม่อาจนับโทษจำเลยที่ 1 ต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 192/2550 และ 161/2551 ของศาลชั้นต้นได้ ทั้งปัญหาว่าจะนับโทษจำเลยที่ 1 ต่อจากโทษในคดีอาญาอื่นได้หรือไม่ เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้จำเลยที่ 1 ไม่อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 9 ก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 9 ไม่นับโทษจำเลยที่ 1 ต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 757/2551 และ 324/2554 ของศาลชั้นต้นชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน
ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง
มาตรา 195 ข้อกฎหมายทั้งปวงอันคู่ความอุทธรณ์ร้องอ้างอิงให้แสดงไว้โดยชัดเจนในฟ้องอุทธรณ์ แต่ต้องเป็นข้อที่ได้ยกขึ้นมาว่ากันมาแล้วแต่ในศาลชั้นต้น
ข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย หรือที่เกี่ยวกับการไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายนี้อันว่าด้วยอุทธรณ์ เหล่านี้ผู้อุทธรณ์หรือศาลยกขึ้นอ้างได้ แม้ว่าจะไม่ได้ยกขึ้นในศาลชั้นต้นก็ตาม
ป.อ. มาตรา 22
มาตรา 22 โทษจำคุก ให้เริ่มแต่วันมีคำพิพากษา แต่ถ้าผู้ต้องคำพิพากษาถูกคุมขังก่อนศาลพิพากษา ให้หักจำนวนวันที่ถูกคุมขัง ออกจากระยะเวลาจำคุกตามคำพิพากษา เว้นแต่คำพิพากษานั้น จะกล่าวไว้เป็นอย่างอื่น
ในกรณีที่คำพิพากษากล่าวไว้เป็นอย่างอื่น โทษจำคุกตามคำพิพากษาเมื่อรวมจำนวนวันที่ถูกคุมขังก่อนศาลพิพากษาในคดีเรื่องนั้นเข้าด้วยแล้ว ต้องไม่เกินอัตราโทษขั้นสูงของกฎหมายที่กำหนดไว้ สำหรับความผิดที่ได้กระทำลงนั้น ทั้งนี้ไม่เป็นการกระทบกระเทือนบทบัญญัติใน มาตรา 91