การทำพินัยกรรม | |
อยากทราบค่ะว่า ถ้าเจ้าบ้าน ณ ตอนยังมีสติครบถ้วนอยู่ มีบุตร 3 คน แต่เพิ่งเสียไป และตอนนี้เท่ากับเหลือ 2 คน และ ทางเจ้าบ้านต้องการจะให้บ้านหลังนี้ ไม่มีการ ซื้อ ขาย จำนำ จำนอง หรือ ทำการใดๆๆทั้งสิ้น ให้ตกเป็นมรดกตกทอดไปเรื่อยๆๆ อยากสอบถามว่าแบบนี้ต้องทำเป็นพินัยกรรมแบบใด และต้องมีระบุเวลา หรือกำหนดข้อบังคับใดๆๆได้บ้างค่ะ เพื่อไม่ให้มีการฟ้องร้อง หรือ เรียกร้องสิทธิ์ตามหลัง จากที่เจ้าบ้านได้เสียชีวิต รบกวนตอบคำถามด้วยนะค่ะ...ขอบคุณเป็นอย่างสูงค่ะ | |
ผู้ตั้งกระทู้ ปาณิสรา :: วันที่ลงประกาศ 2011-02-24 15:30:36 |
[1] |
ความคิดเห็นที่ 1 (3285785) | |
คำว่า "เจ้าบ้าน" ของคุณ คงหมายถึง เจ้ามรดกหรือเจ้าของทรัพย์ หรือ ผู้ทำพินัยกรรม ซึ่งตามคำถาม ถามถึงวิธีทำพินัยกรรมที่มีข้อกำหนดว่าห้ามโอนทรัพย์ตามพินัยกรรมนั้นสามารถทำได้ครับ โดยกำหนดผู้รับพินัยกรรมไว้ และผู้อื่นที่เป็นตัวสำรองในกรณีที่ผู้รับพินัยกรรมละเมิดข้อกำหนดพินัยกรรมห้ามโอนเอาไว้ด้วย และต้องกำหนดเวลาห้ามโอนเอาไว้ ในกรณีที่ไม่ใช่ที่ดิน ก็ต้องเป็นทรัพย์ที่มีทะเบียนจึงจะห้ามโอนได้ และต้องนำหลักฐานทางทะเบียนไปจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ด้วยจึงจะบริบูรณ์ มาตรา 1700 ภายใต้บังคับแห่งบทบัญญัติในหมวดนี้บุคคลจะจำหน่ายทรัพย์สินใด ๆ โดยนิติกรรมที่มีผลในระหว่างชีวิต หรือเมื่อตายแล้ว โดยมีข้อกำหนดห้ามมิให้ผู้รับประโยชน์โอนทรัพย์สินนั้นก็ได้ แต่ต้องมีบุคคลใดบุคคลหนึ่งนอกจากผู้รับประโยชน์กำหนดไว้ สำหรับเป็นผู้จะได้รับทรัพย์สินนั้นเป็นสิทธิเด็ดขาด ในเมื่อมีการละเมิดข้อกำหนดห้ามโอน มาตรา 1701 ข้อกำหนดห้ามโอนตามมาตราก่อนนั้นจะให้มีกำหนดเวลาหรือตลอดชีวิตของผู้รับประโยชน์ก็ได้ มาตรา 1702 ข้อกำหนดห้ามโอนอันเกี่ยวกับสังหาริมทรัพย์ซึ่งไม่อาจจดทะเบียนกรรมสิทธิ์ได้นั้นให้ถือว่าเป็นอันไม่มีเลย | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ทนายความ ลีนนท์ วันที่ตอบ 2011-02-24 18:50:35 |
ความคิดเห็นที่ 2 (3285791) | |
การให้ทรัพย์สินและข้อกำหนดห้ามโอนขาย ถ้ามิได้กำหนดบุคคลที่จะเป็นผู้รับทรัพย์สินในเมื่อมีการละเมิดข้อกำหนดห้ามโอนไว้ให้ถือว่าข้อกำหนดห้ามโอนนั้นเป็นอันไม่มีเลย เป็นกรณีที่กฎหมายกำหนดให้การให้ทรัพย์ที่มีข้อกำหนดห้ามมิให้ผู้รับประโยชน์โอนทรัพย์สิน ผู้ให้ทรัพย์สินจะต้องกำหนดบุคคลที่รับทรัพย์ที่ให้ และทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่จึงจะสมบูรณ์ คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5521/2538 โจทก์ได้ยกที่ดินพิพาทให้แก่จำเลยที่1โดยเสน่หาโดยมีข้อตกลงด้วยวาจาว่าห้ามมิให้จำเลยที่1นำที่ดินพิพาทไปขาย ต่อมาจำเลยที่1ได้ขายที่ดินพิพาทจำนวน1,000ส่วนใน1,064ส่วนให้แก่จำเลยที่2ในราคา 500,000 บาทโดยจดทะเบียนให้จำเลยที่ 2 มีกรรมสิทธิ์รวมในที่ดินจำนวนดังกล่าวดังนี้เมื่อข้อห้ามโอนดังกล่าวเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์แต่โจทก์ไม่ได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่รวมทั้งมิได้กำหนดบุคคลที่จะเป็นผู้รับทรัพย์สินนั้นในเมื่อมีการละเมิดข้อกำหนดห้ามโอนไว้ข้อห้ามโอนดังกล่าวย่อมไม่มีผลบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1700 และ 1702 จำเลยที่1จึงมีอำนาจขายที่ดินพิพาทให้แก่จำเลยที่2ได้ โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2530 โจทก์ได้ยกที่ดินโฉนดเลขที่ 8938 ตำบลไทรม้า อำเภอเมืองนนทบุรีจังหวัดนนทบุรี เนื้อที่ 2 ไร่ 2 งาน 64 ตารางวาให้จำเลยที่ 1 โดยไม่มีค่าภาระติดพันและตกลงกันว่าจำเลยที่ 1 จะนำไปยกให้ โอนขาน แลกเปลี่ยนหรือให้ผู้ใดถือกรรมสิทธิ์รวมไม่ได้ เว้นแต่โจทก์ตายเสียก่อน จำเลยที่ 1ต้องอุปการะเลี้ยงดูและจัดงานศพโจทก์ จำเลยที่ 1 ไม่พอใจบิดามารดาที่ว่ากล่าวตักเตือนได้ออกจากบ้านไปไม่เลี้ยงดูโจทก์ต่อมาวันที่ 25 มิถุนายน 2533 จำเลยที่ 1 นำที่ดินดังกล่าวไปจดทะเบียนให้จำเลยที่ 2 ถือกรรมสิทธิ์รวม มีค่าตอบแทนเป็นเงิน 500,000 บาท โดยรู้ดีกว่าโจทก์จะฟ้องจำเลยที่ 1เพื่อเพิกถอนการให้เพราะเหตุเนรคุณ การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นการฉ้อฉลโจทก์ ขอให้เพิกถอนการถือกรรมสิทธิ์รวมระหว่างจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2ลงวันที่ 25 มิถุนายน 2533 หากไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลยทั้งสอง จำเลยที่ 1 ให้การว่า โจทก์ยกที่ดินพิพาทให้จำเลยที่ 1โดยเสน่หาไม่มีค่าภาระติดพัน และไม่มีข้อตกลงและเงื่อนไขใด ๆจำเลยที่ 1 เลี้ยงดูโจทก์ตลอดมา ไม่เคยประพฤติเนรคุณต่อโจทก์ จำเลยที่ 1 จดทะเบียนให้จำเลยที่ 2 ถือกรรมสิทธิ์รวมในที่ดินพิพาทโดยจำเลยที่ 2 จ่ายค่าตอบแทนโดยสุจริต จำเลยที่ 2 ให้การว่า จำเลยที่ 2 ไม่เคยรู้จักจำเลยที่ 1จำเลยที่ 2 ซื้อที่ดินพิพาทโดยนายหน้านำมาเสนอขาย จำเลยที่ 2ซื้อที่ดินพิพาทโดยสุจริตและเสียค่าตอบแทนเป็นเงิน7,250,000 บาท ไม่ได้ฉ้อฉลโจทก์ขอให้ยกฟ้อง ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกา ( นิวัตน์ แก้วเกิดเคน - ยงยุทธ ธารีสาร - ยรรยง ปานุราช )
| |
ผู้แสดงความคิดเห็น ทนายความ ลีนนท์ วันที่ตอบ 2011-02-24 19:35:51 |
[1] |