
ต้องการหย่าแต่ไม่มีเหตุหย่าร้าง | |
ผมแต่งงานจดทะเบียนกับภรรยาประมาณ2ปีมีปัญหากันบ่อย(ส่วนมากเรื่องเงินดูแลบิดามารดาผมเอง) ผมจึงย้ายออกมาเช่าบ้านอยู่ข้างนอก เป็นช่วงที่สับสนพอสมควร ต่อมารู้จักกับผู้หญิงอีกคน เริ่มคบกัน แต่ก่อนออกจากบ้านภรรยาจดทะเบียนตั้งท้องอยู่ แล้วเธอก็คลอดลูก แล้วกันท่าไม่ให้ผมพบลูก ผมเลยตัดสินใจหาตัวแทน ด้วยการมีลูกกับอีกคน (ยอมรับเรื่องความไม่ดีในการตัดสินใจของตัวเอง) แต่เวลาผ่านมาแล้วประมาณ6ปีที่แยกกันอยู่ ตอนออกมาหนี้สินที่เกิดขึ้นระหว่างสมรส ผมเป็นคนรับผิดชอบเองคนเดียว ปัจจุบันผมเป็นเสาหลักของครอบครัวคนเดียวทั้งครอบครัวใหม่และมารดาที่แก่มากแล้ว ปัญหาอยู่ที่ผมเป็นข้าราชการเงินเดือนน้อย ไม่สามารถทำธุรกรรมการเงินใดๆได้เลย เมียหลวงไม่เซ็นยินยอม ไม่หย่าไม่ยอมรับกลับ มีเจตนาเดียวคือต้องการแกล้งให้ผมทำอะไรไม่ได้ มีความจำเป็นต้องใช้เงินก็ต้องใช้บริการหนี้นอกระบบ แน่นอนไม่ทันดอกแน่ ปัจจุบันบ้านของมารดาถูกยึดไปแล้ว อาศัยคนอื่นอยู่ หนี้ภายนอกหลายเจ้าไม่มากแต่ต้องส่งต่อเดือนเยอะ ต้องการดูแลมารดาบ้างต้องการกู้เงินในระบบ เหมือนข้าราชการคนอื่นเขาบ้าง พอมีคำแนะนำหรือเปล่าครับ อยากดูแลทุกคนทั้งบ้านเล็กบ้านใหญ่ และมารดาตัวเอง ขอบคุณร่วงหน้าสำหรับคำแนะนำดีๆครับ | |
ผู้ตั้งกระทู้ ปัญญา :: วันที่ลงประกาศ 2012-07-18 20:03:14 |
[1] |
ความคิดเห็นที่ 1 (3348259) | |
ฟังจากข้อเท็จจริงที่ให้มาแล้ว เป็นที่น่าหนักใจว่า หากยื่นฟ้องหย่าโดยอ้างเหตุ ทิ้งร้างไปเกิน 1 ปีก็ไม่ได้ สมัครใจแยกกันอยู่ก็ไม่น่าจะได้ จะอ้างกระทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภริยาก็ไม่มีเหตุเพราะสาเหตุเกิดจากฝ่ายคุณทั้งนั้น ข้ออ้างของคุณดูเหมือนเป็นเรื่องที่อ้างมาลอย ๆ เชื่อว่าหากยื่นฟ้องต่อศาลแล้วแนวโน้มที่ศาลจะยกฟ้องนั้นยังมีสูงอยู่นะครับ มาตรา 1516 เหตุฟ้องหย่ามีดังต่อไปนี้
| |
ผู้แสดงความคิดเห็น ทนายลีนนท์0859604258 วันที่ตอบ 2012-10-21 14:06:50 |
ความคิดเห็นที่ 2 (3348262) | |
อ้างเหตุหย่าจงใจละทิ้งร้างไปเกิน 1 ปี, การสมัครใจแยกกันอยู่ต้องไม่อาจอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยาได้โดยปกติสุขตลอดมา, แยกกันอยู่เกินสามปี
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์และจำเลยหย่าขาดจากกัน ให้โจทก์จ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรทั้งสองเดือนละ 7,500 บาท นับแต่เดือนธันวาคม 2545 เป็นต้นไป และเงินเพิ่มในอัตราร้อยละ 10 ของเงินเดือนที่โจทก์ได้รับเพิ่มขึ้นในแต่ละเดือนนับแต่เดือนธันวาคม 2545 จนกว่าบุตรทั้งสองจะบรรลุนิติภาวะ ให้โจทก์ชำระค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรทั้งสองในส่วนที่ขาด 160,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 160,000 บาท นับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษา (19 พฤศจิกายน 2545) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่จำเลย ให้เด็กชายชาญศักดิ์และเด็กหญิงศิรินภาอยู่ในความปกครองของจำเลยฝ่ายเดียว ค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความทั้งสองฝ่ายให้เป็นพับ คำขออื่นตามฟ้องและฟ้องแย้งให้ยก จำเลยอุทธรณ์ โจทก์ฎีกา สำหรับเหตุหย่าเนื่องจากจงใจละทิ้งร้างเกินหนึ่งปีนี้ เห็นว่า ตามบันทึกตกลง นั้นได้บันทึกถึงเหตุที่โจทก์และจำเลยต้องทำบันทึกดังกล่าวที่สถานีตำรวจภูธรอำเภอบ้านตากไว้ เนื่องจากโจทก์ไปมีความสัมพันธ์กับนางสาวอภิญญา ซึ่งต่อมาก็เป็นภริยาอีกคนหนึ่งของโจทก์และมีบุตรด้วยกันกับโจทก์ 1 คน โจทก์เบิกความยอมรับว่า ระหว่างที่โจทก์กับจำเลยอยู่กินเป็นสามีภริยากันนั้น จำเลยไม่เคยประพฤติตนเสื่อมเสียเกี่ยวกับเรื่องชู้สาว หรือทำให้โจทก์เสื่อมเสียเกี่ยวกับหน้าที่การงาน จึงไม่มีเหตุที่จำเลยจะต้องแยกทางกับโจทก์ อันจะเป็นเหตุให้จำเลยต้องดูแลบุตรทั้งสองแต่ลำพัง การบันทึกข้อความเรื่องแยกกันอยู่ดังกล่าวจึงเป็นความประสงค์อันเป็นเจตนาของโจทก์แต่ฝ่ายเดียว ดังที่ระบุไว้ในเอกสารดังกล่าว การที่จำเลยยอมลงลายมือชื่อในบันทึกตกลง เชื่อว่าเป็นเพราะเกรงว่าจะไม่ได้รับค่าอุปการะเลี้ยงดูจากโจทก์จริงตามที่จำเลยนำสืบ ดังเหตุผลที่ศาลอุทธรณ์ภาค 6 ได้วินิจฉัยไว้จึงชอบแล้ว การที่จำเลยยอมลงชื่อในบันทึก ดังกล่าวแม้ว่าจะตกลงกันเรื่องค่าอุปการะเลี้ยงดูกันมาก่อนดังที่โจทก์ฎีกา ก็ยิ่งย้ำให้เห็นชัดแจ้งว่ามีสาระเพื่อได้รับค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์ทั้งสอง กรณีจึงไม่ใช่กล่าวอ้างขึ้นมาลอย ๆ ดังที่โจทก์ฎีกา การพิจารณาข้อความในบันทึกตกลง ในเรื่องแยกกันอยู่ จึงพิจารณาเฉพาะข้อความในเอกสารโดยไม่พิจารณาถึงเจตนาของจำเลยดังที่โจทก์ฎีกาย่อมไม่ชอบ ทั้งโจทก์ก็รับว่าโจทก์เป็นผู้ออกจากบ้านพักของจำเลยไปเอง กรณีจึงถือว่าโจทก์สมัครใจแยกกันอยู่กับจำเลยฝ่ายเดียว จำเลยหาได้สมัครใจแยกกันอยู่กับโจทก์แต่อย่างใดไม่ ดังนั้น จำเลยจึงไม่ได้ละทิ้งร้างโจทก์เกินกว่าหนึ่งปี อันจะเป็นเหตุให้โจทก์ฟ้องหย่าจำเลยได้ตามมาตรา 1516 (4) ซึ่งการไม่ให้โจทก์หย่าขาดจากจำเลยนี้ก็ไม่ได้ขัดแย้งกับข้อยุติเรื่องค่าอุปการะเลี้ยงดู ซึ่งโจทก์ต้องชำระตามคำพิพากษาศาลล่าง คดีไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาข้ออื่นของโจทก์ เพราะไม่ทำให้ผลของคดีเปลี่ยนแปลงไป กรณีจึงไม่มีเหตุหย่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1516 (4) คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 6 ชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น อนึ่ง สิทธิในการได้รับค่าอุปการะเลี้ยงดูเป็นสิทธิเฉพาะตัวของแต่ละบุคคลที่จะได้รับ การที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้โจทก์จ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรทั้งสอง รวมกันมาเป็นการไม่ถูกต้อง ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไข | |
ผู้แสดงความคิดเห็น * วันที่ตอบ 2012-10-21 14:29:59 |
[1] |