ReadyPlanet.com
dot
ประมวลกฎหมาย
dot
bulletป.แพ่งและพาณิชย์
bulletพระราชบัญญัติ
bulletความรู้กฎหมาย
bulletสำนัก,ทนาย,ทนายความ
bulletแบบฟอร์มสัญญา
bulletปรึกษากฎหมาย
bulletวิชาชีพทนายความ
bulletข้อบังคับสภาทนายความ
bulletคำพิพากษาฎีกา
bulletเช่าซื้อขายฝากซื้อขาย
bulletเกี่ยวกับคดีอาญา
bulletเกี่ยวกับ วิ.แพ่ง
bulletคดีเกี่ยวกับวิ.อาญา
bulletคำพิพากษารวม
bulletครอบครองปรปักษ์
bulletการสิ้นสุดการสมรส
bulletการใช้กฎหมายอาญา
bulletคดียาเสพติดให้โทษ
dot
Newsletter

dot




จำคุก 160 ปีข้อหากระทำชำเราเด็ก

จำคุก 160 ปีข้อหากระทำชำเราเด็ก

จำเลยที่ 1 เป็นเจ้าอาวาสรับเด็กยากจนมาอยู่ที่วัดเพื่อส่งเสียให้เล่าเรียนและดูแลเด็กให้ประพฤติดีจึงมีฐานะเป็นครูอาจารย์ดูแลเด็กนักเรียนได้กระทำชำเราเด็กนั้นถือว่ากระทำต่อศิษย์ซึ่งอยู่ในความดูแล มีความผิดหลายกระทงรวมจำคุก 160 ปี แต่ลงโทษจำคุกได้ไม่เกิน 50 ปีตามกฎหมาย

  คำพิพากษาศาลฎีกาที่  277/2552

          ขณะเกิดเหตุ จำเลยที่ 1 เป็นเจ้าอาวาสและเป็นประธานกิตติมศักดิ์ของคณะกรรมการมูลนิธิซึ่งมีวัตถุประสงค์เผยแผ่พระพุทธศาสนาและรับเด็กยากจนมาอาศัยอยู่ที่วัดเพื่อส่งเสียให้ได้รับการศึกษา ดังนั้น การอบรมให้เด็กเหล่านั้นประพฤติอยู่ในศีลธรรมอันดีตามหลักพุทธศาสนาและตั้งใจศึกษาเล่าเรียนย่อมอยู่ในวัตถุที่ประสงค์ของมูลนิธิด้วย แม้ด้านการเงินของมูลนิธิแยกออกจากวัดเพราะมีฐานะเป็นนิติบุคคลแตกต่างกัน แต่จำเลยที่ 1 ในฐานะประธานกิตติมศักดิ์ของมูลนิธิย่อมต้องอบรมสั่งสอนผู้เสียหาย ซึ่งเป็นเด็กหญิงชาวเขาที่จำเลยที่ 1 รับมาอยู่ในความดูแลของตนที่วัดให้ปฏิบัติดีเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์นั้น ทั้งมูลนิธิก็ตั้งอยู่ในอาณาเขตของวัด ผู้เสียหายย่อมต้องเชื่อฟังจำเลยที่ 1 ในฐานะเจ้าอาวาสดังเช่นที่เป็นศิษย์วัดอีกสถานหนึ่ง เห็นได้ว่า จำเลยที่ 1 ดูแลผู้เสียหายในฐานะเป็นครูอาจารย์ดูแลเด็กนักเรียนในปกครองกับในฐานะเจ้าอาวาสดูแลศิษย์ไปพร้อมๆ กัน การที่จำเลยที่ 1 กระทำชำเราผู้เสียหาย ถือว่าจำเลยที่ 1 กระทำต่อศิษย์ซึ่งอยู่ในความดูแล

          โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งแปดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276, 277, 279, 281, 282, 285, 91, 86, 83, 80

 จำเลยทั้งแปดให้การปฏิเสธ

          ระหว่างพิจารณา นายตะหม่อกุ นายแอ๊โพ นางเผล่อเผล่อ และนางส่วยกา บิดามารดาโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้เสียหายที่ 3 ที่ 4 ที่ 5 และที่ 7 ตามลำดับ ยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต โดยให้เรียกว่า โจทก์ร่วมที่ 1 ถึงที่ 4 ตามลำดับ

          ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277 วรรคแรก, 277 วรรคสอง (ที่ถูก ประกอบมาตรา 83 ด้วย), 277 วรรคสอง ประกอบมาตรา 80, 279 วรรคสอง, 285 จำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277 วรรคแรก ประกอบมาตรา 83, 282 วรรคสอง (ที่ถูก ประกอบมาตรา 83 ด้วย) 282 วรรคสาม จำเลยที่ 3 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277 วรรคสอง ประกอบมาตรา 83, 282 วรรคแรก, 282 วรรคสอง (ที่ถูก ประกอบมาตรา 83 ด้วย), 282 วรรคสาม จำเลยที่ 4 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 282 วรรคสาม จำเลยที่ 5 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 282 วรรคสอง จำเลยที่ 6 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 282 วรรคแรก, 282 วรรคสอง จำเลยที่ 7 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 282 วรรคสาม จำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 ที่ 6 และที่ 7 กระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ลงโทษจำเลยที่ 1 ฐานกระทำชำเราเด็กหญิงอายุยังไม่เกิน 15 ปี ซึ่งเป็นศิษย์อยู่ในความดูแล จำคุก กระทงละ 8 ปี รวม 7 กระทง เป็นจำคุก 56 ปี ฐานกระทำชำเราเด็กหญิงอายุยังไม่เกิน 13 ปี ซึ่งเป็นศิษย์อยู่ในความดูแล จำคุกกระทงละ 12 ปี รวม 7 กระทง เป็นจำคุก 84 ปี ฐานพยายามกระทำชำเราเด็กหญิงอายุยังไม่เกิน 13 ปี ซึ่งเป็นศิษย์อยู่ในความดูแล จำคุก 8 ปี ฐานกระทำอนาจารเด็กหญิงอายุยังไม่เกิน 15 ปี ซึ่งเป็นศิษย์อยู่ในความดูแล โดยใช้กำลังประทุษร้าย จำคุกกระทงละ 3 ปี รวม 4 กระทง เป็นจำคุก 12 ปี รวมจำคุก 160 ปี แต่ให้จำคุกจำเลยที่ 1 เพียง 50 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 (3) ลงโทษจำเลยที่ 2 ฐานร่วมกันกระทำชำเราเด็กหญิงอายุยังไม่เกิน 15 ปี จำคุกกระทงละ 4 ปี รวม 2 กระทง เป็นจำคุก 8 ปี ฐานเพื่อให้สำเร็จความใคร่ของผู้อื่น เป็นธุระจัดหา ล่อไปหรือชักพาไปเพื่อการอนาจารซึ่งหญิงอายุยังไม่เกิน 18 ปี จำคุก 3 ปี ฐานเพื่อให้สำเร็จความใคร่ของผู้อื่น เป็นธุระจัดหา ล่อไปหรือชักพาไปเพื่อการอนาจารซึ่งเด็กหญิงอายุยังไม่เกิน 15 ปี จำคุกกระทงละ 5 ปี รวม 4 กระทง เป็นจำคุก 20 ปี รวมจำคุก 31 ปี ลงโทษจำเลยที่ 3 ฐานร่วมกันกระทำชำเราเด็กหญิงอายุยังไม่เกิน 13 ปี จำคุก 7 ปี ฐานเพื่อให้สำเร็จความใคร่ของผู้อื่น เป็นธุระจัดหา ล่อไปหรือชักพาไปเพื่อการอนาจารซึ่งหญิง จำคุกกระทงละ 1 ปี รวม 2 กระทง เป็นจำคุก 2 ปี ฐานเพื่อให้สำเร็จความใคร่ของผู้อื่น เป็นธุระจัดหา ล่อไปหรือชักพาไปเพื่อการอนาจาร ซึ่งหญิงอายุยังไม่เกิน 18 ปี จำคุกกระทงละ 3 ปี รวม 3 กระทง เป็นจำคุก 9 ปี ฐานเพื่อให้สำเร็จความใคร่ของผู้อื่น เป็นธุระจัดหา ล่อไปหรือชักพาไปเพื่อการอนาจารซึ่งเด็กหญิงอายุยังไม่เกิน 15 ปี จำคุกกระทงละ 5 ปี รวม 2 กระทง เป็นจำคุก 10 ปี รวมจำคุก 28 ปี ลงโทษจำเลยที่ 4 ฐานเพื่อให้สำเร็จความใคร่ของผู้อื่น เป็นธุระจัดหา ล่อไปหรือชักพาไปเพื่อการอนาจารซึ่งเด็กหญิงอายุยังไม่เกิน 15 ปี จำคุกกระทงละ 5 ปี รวม 2 กระทง เป็นจำคุก 10 ปี ลงโทษจำเลยที่ 5 ฐานเพื่อให้สำเร็จความใคร่ของผู้อื่น เป็นธุระจัดหา ล่อไปหรือชักพาไปเพื่อการอนาจารซึ่งหญิงอายุยังไม่เกิน 18 ปี จำคุก 3 ปี ลงโทษจำเลยที่ 6 ฐานเพื่อให้สำเร็จความใคร่ของผู้อื่น เป็นธุระจัดหา ล่อไปหรือชักพาไปเพื่อการอนาจารซึ่งหญิง จำคุก 1 ปี ฐานเพื่อให้สำเร็จความใคร่ของผู้อื่น เป็นธุระจัดหา ล่อไปหรือชักพาไปเพื่อการอนาจารซึ่งหญิงอายุยังไม่เกิน 18 ปี จำคุก 3 ปี รวมจำคุก 4 ปี ลงโทษจำเลยที่ 7 ฐานเพื่อให้สำเร็จความใคร่ของผู้อื่น เป็นธุระจัดหา ล่อไปหรือชักพาไปเพื่อการอนาจารซึ่งเด็กหญิงอายุยังไม่เกิน 15 ปี จำคุกกระทงละ 5 ปี รวม 2 กระทง เป็นจำคุก 10 ปี ข้อหาอื่นให้ยก สำหรับจำเลยที่ 8 ให้ยกฟ้อง

          จำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 ที่ 6 และที่ 7 อุทธรณ์

          ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

          จำเลยที่ 1 และที่ 3 ฎีกา โดยศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของจำเลยที่ 3 เฉพาะความผิดฐานร่วมกันกระทำชำเราเด็กหญิงอายุไม่เกินสิบสามปี

            ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ...จำเลยที่ 1 และที่ 3 ฎีกาว่า ผู้เสียหายที่ 1 ถึงที่ 8 ไม่ใช่ศิษย์ซึ่งอยู่ในความปกครองดูแลของจำเลยที่ 1 แต่อยู่ในความดูแลของมูลนิธิหลวงพ่อภาวนาพุทโธ ซึ่งมีคณะกรรมการเป็นผู้ดำเนินการแยกจากกันคนละส่วนกับวัดสามพรานที่จำเลยที่ 1 เป็นเจ้าอาวาสนั้น เห็นว่า ขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 1 เป็นเจ้าอาวาสวัดสามพราน และเป็นประธานกิตติมศักดิ์ของคณะกรรมการมูลนิธิหลวงพ่อพุทโธภาวนา กับเป็นผู้ก่อตั้งมูลนิธิในปี 2526 เมื่อมูลนิธิมีวัตถุประสงค์เผยแผ่พระพุทธศาสนาและรับเด็กยากจนมาอาศัยอยู่ที่วัดสามพรานเพื่อส่งเสียให้ได้รับการศึกษา การอบรมให้เด็กเหล่านั้นประพฤติอยู่ในศีลธรรมอันดีตามหลักพุทธศาสนาและตั้งใจศึกษาเล่าเรียนย่อมอยู่ในวัตถุที่ประสงค์ของมูลนิธิด้วย แม้การเงินของมูลนิธิแยกออกจากวัดเพราะมีฐานะเป็นนิติบุคคลแตกต่างกัน แต่จำเลยที่ 1 ในฐานะประธานกิตติมศักดิ์ของมูลนิธิย่อมต้องอบรมสั่งสอนผู้เสียหายทั้งแปดซึ่งอยู่ในความดูแลของตนให้ปฏิบัติดีเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์นั้น มิให้เงินที่ผู้บริจาคเพื่อการศึกษาของเด็กยากจนสิ้นเปลืองเปล่า เมื่อมูลนิธิมาก่อตั้งภายในอาณาเขตวัดสามพราน เด็กๆ รวมทั้งผู้เสียหายทั้งแปดย่อมต้องเชื่อฟังจำเลยที่ 1 ในฐานะเจ้าอาวาสวัดสามพรานดังเช่นที่เป็นศิษย์วัดอีกสถานหนึ่ง กล่าวได้ว่า จำเลยที่ 1 ดูแลผู้เสียหายทั้งแปดในฐานะเป็นครูอาจารย์ดูแลนักเรียนในปกครองกับฐานะเจ้าอาวาสดูแลศิษย์ไปพร้อมๆ กัน ผู้เสียหายที่ 3 ที่ 4 ที่ 5 ที่ 7 และที่ 8 ก็เบิกความยืนยันสนับสนุนว่า เมื่อเข้ามาอยู่ที่วัดสามพรานได้ไปกราบจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 บอกว่าให้ตั้งใจเรียนอย่าดื้อแล้วจะส่งไปเรียนที่โรงเรียนสามพรานวิทยาโดยจะออกค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ให้ สอดคล้องกับคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 1 ซึ่งจำเลยที่ 1 รับว่าเป็นผู้ดูแลเด็กหญิงชาวเขาซึ่งมาอยู่ที่วัดประมาณ 20 คน ไว้จริง ฟังได้ว่าผู้เสียหายที่ 1 ถึงที่ 8 เป็นศิษย์อยู่ในความปกครองดูแลของจำเลยที่ 1 สำหรับฎีกาข้ออื่นจำเลยที่ 1 และที่ 3 นอกจากที่กล่าวมาข้างต้นมิใช่ข้อสาระสำคัญและไม่มีน้ำหนักเพียงพอที่จะทำให้ผลของคำพิพากษาเปลี่ยนแปลงไป จึงไม่จำต้องวินิจฉัย พยานหลักฐานของโจทก์และโจทก์ร่วมมีน้ำหนักให้รับฟัง พยานหลักฐานของจำเลยที่ 1 และที่ 3 ไม่มีน้ำหนักหักล้างพยานหลักฐานของโจทก์และโจทก์ร่วม ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยที่ 1 กระทำความผิดฐานกระทำชำเราเด็กหญิงอายุไม่เกิน 15 ปี ซึ่งเป็นศิษย์อยู่ในความดูแล ฐานร่วมกันกระทำชำเราเด็กหญิงอายุยังไม่เกิน 13 ปี ซึ่งเป็นศิษย์อยู่ในความดูแล ฐานพยายามกระทำชำเราเด็กหญิงอายุยังไม่เกิน 13 ปี ซึ่งเป็นศิษย์อยู่ในความดูแล และจำเลยที่ 3 กระทำความผิดฐานร่วมกันกระทำชำเราเด็กหญิงอายุยังไม่เกิน 13 ปี ตามที่ศาลอุทธรณ์พิพากษา ฎีกาของจำเลยที่ 1 และที่ 3 ฟังไม่ขึ้น

          พิพากษายืน 




ความผิดเกี่ยวกับเพศ

คำร้องเรียกค่าสินไหมทดแทนส่วนแพ่งเป็นคดีอุทลุม
ครูกระทำชำเราศิษย์อายุยังไม่เกินสิบห้าปี
ชำเราเด็กหญิงอายุไม่เกินสิบสามปี
สมรสกัน | ผู้กระทำผิดไม่ต้องรับโทษ
กระทำอนาจารอดีตภรรยาต่อหน้าธารกำนัล